รายงานพิเศษ
มีการถกเถียงกันว่า การยื่นฟ้องร้องนายกฯ ไทย ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ กระทำได้หรือไม่
นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ในฐานะทนายของกลุ่มนปช. ยืนยันว่าทำได้
เพราะนายกฯ อภิสิทธิ์ ถือ 2 สัญชาติ คือ สัญชาติอังกฤษ กับสัญชาติไทย
สัญชาติอังกฤษนั้นนายกฯ อภิสิทธิ์ ได้มาเพราะกฎหมายอังกฤษระบุ คนที่เกิดในอังกฤษก่อนปี 2526 จะได้สัญชาติอังกฤษโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องดูสถานะของพ่อแม่
ส่วนสัญชาติไทยนั้นได้ตามผู้ให้กำเนิด
เมื่อนายกฯ ไทยถือสัญชาติอังกฤษ ในขณะที่อังกฤษเป็นรัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรม ที่ลงสัตยาบันกับศาลอาญาระหว่างประเทศ ดังนั้น การยื่นฟ้องคนอังกฤษต่อศาลอาญาระหว่างประเทศย่อมกระทำได้
เป็นความเห็นของฝ่ายนปช. และทนายอัมสเตอร์ดัม
การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง วันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ โหมโรงเรียกแขกตั้งแต่เวลา 18.00 น. บนเวทีปราศรัย โดยระบุว่า
เดี๋ยวคืนนี้นายอภิสิทธิ์ จะยิ่งร้อนในเรื่องสัญชาติ เขาบอกว่ามีสัญชาติไทยผมก็ไม่เถียง แต่ที่มีสัญชาติอังกฤษ เดี๋ยวมืดๆ จะได้ดูที่หน้าจอ เพราะทีมกฎหมายได้ไปคัดสูติบัตรจากประเทศอังกฤษเป็นที่เรียบร้อย และจะพูดเรื่องสัญชาติ รวมทั้งกระบวนการประกันตัวของพี่น้องนปช. และข้อเสนอของนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ
จากนั้นเวลา 20.00 น. นายจตุพรขึ้นกล่าวบนเวทีพร้อมโชว์สำเนาใบเกิดของนายกฯ อภิสิทธิ์ ที่คัดลอกจากเมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ มาแสดงประกอบการปราศรัย
คนที่เกิดก่อนปีพ.ศ. 2526 จะได้สัญชาติอังกฤษ ถ้านายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ถือสัญชาติอังกฤษ ก็ต้องเอาใบสละสัญชาติมาโชว์ต่อที่สาธารณะ
เอกสารนี้สำนักทนายของนายโรเบิร์ต ได้ไปคัดลอกมาเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นเอกสารที่ออกโดยสำนักทะเบียนกลาง เอกสารเลขที่ 2997018/1
ระบุว่า ด.ช.มาร์ค อภิสิทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 1964 ที่โรงพยาบาลริชาร์ด เฟลโล กิ่ง อ.วิกตอเรีย ในเขตเมืองนิวคาสเซิล อพอนไทน์ โดยแจ้งลงทะเบียน การเกิดเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 1964 มีสำนักทะเบียนการเกิด ประเทศอังกฤษ รับรองว่าเป็นสำเนาจริง
มนุษย์ทั่วโลกไม่สามารถเลือกที่เกิดได้ ไม่สามารถเลือกสัญชาติได้ ที่นายอภิสิทธิ์ มีสัญชาติไทยเพราะมีพ่อแม่เป็นคนไทย และมีสัญชาติอังกฤษเพราะเกิดที่นั่น จึงถือเป็นคน 2 สัญชาติ
ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดเลยเพราะมีคนถือ 2 สัญชาติมากมาย แต่เพราะเหลือเพียงช่องทางเดียวที่จะฟ้องนายอภิสิทธิ์ ขึ้นศาลโลก คือการที่นายอภิสิทธิ์ ถือสัญชาติอังกฤษ ซึ่งเรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ ไม่เคยตอบความจริงกับประชาชน
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวไว้ในวันเดียวกันว่า
ประเด็นมีอยู่ว่า มีสัญชาติไทยและใช้สัญชาติไทยมาโดยตลอด ในการสมัครรับเลือกตั้งและทำสิ่งต่างๆ ซึ่งผู้ที่กล่าวหาต้องไปอ่านกฎหมายไทยว่ากฎหมายไทยเขียนว่าอย่างไร กรณีเวลาที่มีกฎหมายไปขัดกับกฎหมายประเทศอื่นๆ ผมเป็นคนไทยผมก็ถือตามกฎหมายไทย
ผมเกิดที่ไหน ผมเปลี่ยนที่เกิดผมไม่ได้อยู่แล้ว ผมเกิดที่ไหนก็เกิดที่นั่นแหละครับ แต่ผมก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์ เพราะตอนที่ผมเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ผมก็จ่ายเงินในฐานะเป็นนักเรียนต่างประเทศ และผมเดินทางไปอังกฤษตั้งแต่บรรลุนิติภาวะมาไม่รู้กี่ครั้ง ก็ต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศ เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าจะชัดเจนในตัวของมันอยู่แล้ว
ส่วนการเลือกสัญชาติ นายกฯ อภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า
กฎหมายไทยเขียนไว้ชัดเจนว่า ผมได้สัญชาติไทยโดยการเกิด ตรงนี้จึงต้องยึดถือตามกฎหมายไทย ซึ่งกฎหมายไทยมีทั้งกฎหมายสัญชาติและกฎหมายที่บอกว่าเวลาที่กฎหมายไทยกับกฎหมายประเทศอื่นขัดกันหรือไม่อย่างไร ให้ถือเอากฎหมายไทย
เมื่อให้ยืนยันว่าถือเพียงสัญชาติไทยเพียงสัญชาติเดียว นายอภิสิทธิ์ ก็ยืนยัน
"ผมถือสัญชาติไทยครับ"
กรณีสูติบัตร หรือใบเกิดของนายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นแค่หลักฐานชิ้นแรกที่นปช. นำมาอ้างอิงเพื่อนำไปสู่การยื่นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ
จากนี้น่าจะได้เห็นสองฝ่าย นำหลักฐานต่างๆ มาหักล้างกันต่อไป
ทั้งในส่วนการบอกเลิกสัญชาติที่นปช. ตั้งข้อสงสัยนั้น ตกลงแล้วมีการดำเนินการแล้ว หรือไม่จำเป็นต้องดำเนินการเพราะในทางกฎหมายมีผล หรือไม่มีผลอย่างไร
รวมถึงกรณีหนังสือวีซ่า ที่นายกฯ อภิสิทธิ์ระบุว่าการเข้าประเทศอังกฤษเขาต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศ แล้วในวีซ่านั้นระบุนายกฯ ถือสัญชาติใด
ล้วนเป็นประเด็นที่น่าติดตามเพื่อหาความกระจ่าง