โดย ลูกชาวนาไทย
ใครจะชอบหรือไม่ชอบคุณตู่ จตุพรก็ตาม แต่คุณจตุพรก็เหมือนขุนพลทหารราบ ที่ลุยไปข้างหน้า โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะตายหรือไม่
ผม ยังจำได้ว่า ตอนพฤษภาทมิฬ 2535 คุณตู่นี่แหละที่ยืนหยัด หลังวันที่ 25 พค. 2535 มีการทำบุญหรืออะไรนี่แหละ ผมยังถามนักศึกษาอยู่เลยว่า คุณจตุพรปลอดภัยไหม
เมื่อตอนที่ แกนนำ นชป. ติดคุกหมดกว่า 9 เดือน คุณจตุพรก็สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้อย่างมั่นคง แบบบ้าบิ่นก็มี
บาง คนอาจไม่ชอบคุณจตุพรที่อาจมุทะลุ ปล่อยโง่บ้าง อะไรบ้าง แต่ก็เป็นธรรมชาติของคน คือ หากเป็นคนที่ฉลาดเฉลียว สามารถคาดการณ์สถานการณ์โดยรวมได้ บุคคลิกภาพก็จะไม่กล้าลุย เนื่องจากอาจประเมินผลที่อาจเกิดขึ้นได้
แต่ในการสงครามนั้น บางครั้งเราจำเป็นต้องใช้คนแบบ "เตียวหุย" รบไปข้างหน้าอย่างเดียวไม่สนใจว่าจะตายหรือไม่ ข้าศึกเห็นก็ต้องระย่อเหมือนกัน บางครั้งก็สามารถต้านข้าศึกได้ให้แนวหลังได้มีเวลาถอยบ้าง ไม่มีคนแบบนี้ เราอาจไม่สามารถต้านทานการไหลบ่าของกองทหารข้าศึกที่ลุยเข้ามาจนเราตั้งตัว ไม่ทันได้ จำต้องส่งคนแบบคุณจตุพรเข้าไปลุย หรือเราอาจรู้ว่ากำลังเอาไข่ไปกระแทกหิน แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องกระแทกดู เพื่อหาจุดอ่อนของแนวรบข้าศึก ก็ต้องมีคนแบบจตุพร (เดียวหุย) นี่แหละลุยเข้าไป (ยุทธการไข่กระแทกหินนี่แหละที่ทำให้คุณตู่ต้องไปอยู่ในคุกหลายเดือน หากเป็นคนรอบคอบก็ไม่ทำ แต่ก็ทำให้ฝ่ายเราทราบจุดอ่อนข้าศึกได้)
ผม ไม่หวังว่าคุณจตุพรจะสุขุมรอบคอบ ระแวดระวังทุกย่างก้าว จะเคลื่อนไหวทีก็เป็นแบบขงเบ้ง อันนั้นไม่ใช้บุคลิกภาพของคุณจตุพร เขาเป็นขุนพลขาลุย ก็คงลุยตามบุคคลิกของเขา (แต่บางครั้งเตียวหุยก็มีเล่ห์กลรอบคอบเหมือนกัน)
สรุปคือ อำมาตย์ปล่อยจตุพรก็เหมือนปล่อยเสือออกจากจั่น
ไม่ปล่อยก็เป็นเงื่อนไขไม่รู้จบเหมือนกัน
บท ความ ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่วิเคราะห์สภาพของชนชั้นนำ ที่ลงในประชาไท ล่าสุด ก็บอกแล้วว่าสังคมเปลี่ยนไป อำมาตย์หากไม่ปรับตัวก็คงอยู่ได้ยาก วันนี้การเมืองไทยได้เคลื่อนตัวจากการเมืองของคนชั้นนำ สู่การเมืองของประชาชนจำนวนมากแล้ว เคลื่อนตัวสู่การเมืองระบอบเลือกตั้ง ที่คนส่วนใหญ่ของประเทศตระหนักใน พลังหนึ่งเสียงของตน
ต่อไปนี้มีแต่พลังของมหาชนเท่านั้นที่สำคัญ ใครกุมหัวใจของผู้เลือกตั้งได้ คือผู้อยู่รอดในเกม จนถึงตาสุดท้าย
กุมกองทัพ กุมตุลาการได้ ก็ใช่ว่าจะชนะในที่สุด อาจชนะยกแรก แต่ข้าศึกไม่ตาย หากมีประชาชนเขาก็กลับมาได้อีก
ผม ยังจำได้ว่า ตอนพฤษภาทมิฬ 2535 คุณตู่นี่แหละที่ยืนหยัด หลังวันที่ 25 พค. 2535 มีการทำบุญหรืออะไรนี่แหละ ผมยังถามนักศึกษาอยู่เลยว่า คุณจตุพรปลอดภัยไหม
เมื่อตอนที่ แกนนำ นชป. ติดคุกหมดกว่า 9 เดือน คุณจตุพรก็สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้อย่างมั่นคง แบบบ้าบิ่นก็มี
บาง คนอาจไม่ชอบคุณจตุพรที่อาจมุทะลุ ปล่อยโง่บ้าง อะไรบ้าง แต่ก็เป็นธรรมชาติของคน คือ หากเป็นคนที่ฉลาดเฉลียว สามารถคาดการณ์สถานการณ์โดยรวมได้ บุคคลิกภาพก็จะไม่กล้าลุย เนื่องจากอาจประเมินผลที่อาจเกิดขึ้นได้
แต่ในการสงครามนั้น บางครั้งเราจำเป็นต้องใช้คนแบบ "เตียวหุย" รบไปข้างหน้าอย่างเดียวไม่สนใจว่าจะตายหรือไม่ ข้าศึกเห็นก็ต้องระย่อเหมือนกัน บางครั้งก็สามารถต้านข้าศึกได้ให้แนวหลังได้มีเวลาถอยบ้าง ไม่มีคนแบบนี้ เราอาจไม่สามารถต้านทานการไหลบ่าของกองทหารข้าศึกที่ลุยเข้ามาจนเราตั้งตัว ไม่ทันได้ จำต้องส่งคนแบบคุณจตุพรเข้าไปลุย หรือเราอาจรู้ว่ากำลังเอาไข่ไปกระแทกหิน แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องกระแทกดู เพื่อหาจุดอ่อนของแนวรบข้าศึก ก็ต้องมีคนแบบจตุพร (เดียวหุย) นี่แหละลุยเข้าไป (ยุทธการไข่กระแทกหินนี่แหละที่ทำให้คุณตู่ต้องไปอยู่ในคุกหลายเดือน หากเป็นคนรอบคอบก็ไม่ทำ แต่ก็ทำให้ฝ่ายเราทราบจุดอ่อนข้าศึกได้)
ผม ไม่หวังว่าคุณจตุพรจะสุขุมรอบคอบ ระแวดระวังทุกย่างก้าว จะเคลื่อนไหวทีก็เป็นแบบขงเบ้ง อันนั้นไม่ใช้บุคลิกภาพของคุณจตุพร เขาเป็นขุนพลขาลุย ก็คงลุยตามบุคคลิกของเขา (แต่บางครั้งเตียวหุยก็มีเล่ห์กลรอบคอบเหมือนกัน)
สรุปคือ อำมาตย์ปล่อยจตุพรก็เหมือนปล่อยเสือออกจากจั่น
ไม่ปล่อยก็เป็นเงื่อนไขไม่รู้จบเหมือนกัน
บท ความ ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่วิเคราะห์สภาพของชนชั้นนำ ที่ลงในประชาไท ล่าสุด ก็บอกแล้วว่าสังคมเปลี่ยนไป อำมาตย์หากไม่ปรับตัวก็คงอยู่ได้ยาก วันนี้การเมืองไทยได้เคลื่อนตัวจากการเมืองของคนชั้นนำ สู่การเมืองของประชาชนจำนวนมากแล้ว เคลื่อนตัวสู่การเมืองระบอบเลือกตั้ง ที่คนส่วนใหญ่ของประเทศตระหนักใน พลังหนึ่งเสียงของตน
ต่อไปนี้มีแต่พลังของมหาชนเท่านั้นที่สำคัญ ใครกุมหัวใจของผู้เลือกตั้งได้ คือผู้อยู่รอดในเกม จนถึงตาสุดท้าย
กุมกองทัพ กุมตุลาการได้ ก็ใช่ว่าจะชนะในที่สุด อาจชนะยกแรก แต่ข้าศึกไม่ตาย หากมีประชาชนเขาก็กลับมาได้อีก