ที่มา Thai E-News
โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์
ที่มา มติชน
ขบวน
การคนเสื้อแดงมีเป้าหมายทางการเมืองอะไรบ้าง--เรียกร้องความเป็นธรรมให้คุณ
ทักษิณ และให้แก่ตนเองในกรณีที่ถูกสังหารโหดในปี 2552 และ 2553
ยุติการใช้กฎหมายและอำนาจรัฐรังแกประชาชนที่เป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายอำนาจ
คัดค้านการรัฐประหารในปี 2549
และต่อต้านการรัฐประหารซึ่งอาจมีขึ้นอีกในอนาคต
ส่งเสริมและรักษาระบอบประชาธิปไตย จึงต่อต้านอำนาจ "นอกระบบ"
ที่ปรากฏตัวในรูปต่างๆ
ล้วนเป็นเป้าหมายทางการเมืองที่น่ายกย่องทั้งนั้น
เพื่อ จะบรรลุเป้าหมายทางการเมืองดังกล่าว ขบวนการคนเสื้อแดงใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือ จึงได้เทคะแนนให้แก่พรรคนี้ในการเลือกตั้ง จนได้รับชัยชนะท่วมท้น
แต่จนถึงวันนี้ ขบวนการคนเสื้อแดงควรคิดพิจารณาให้ดีว่า พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ดีของตนหรือไม่สัปดาห์ ที่แล้ว มีคลิปโทรศัพท์เสียงของ ส.ส. พรรคเพื่อไทยคนหนึ่ง พูดทำนองข่มขู่ข้าราชการให้ทำผิดกฎหมาย เพื่อช่วยพรรคพวกตน ขบวนการเสื้อแดงต้องแสดงให้เห็นว่า ไม่สนับสนุนการกระทำเยี่ยงนี้ พรรคจำเป็นต้องบีบให้ ส.ส.ผู้นั้นลาออกจากตำแหน่ง ถ้าพรรคเพื่อไทยจะเป็นเครื่องมือของขบวนการ พรรคต้องยืนในจุดที่สุจริต ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางที่ขบวนการจะบรรลุเป้าหมายทางการเมืองได้... แต่ทั้งนี้ขบวนการคนเสื้อแดงต้องคุมพรรคการเมืองของตนได้
การ ที่ผู้มีอำนาจนอกระบบทั้งหลายสามารถกีดกันมิให้ประเทศไทยได้พัฒนา ประชาธิปไตยไปเต็มที่ ก็เพราะประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ ด้านการถือครองทรัพย์สิน ด้านการศึกษา และด้านสังคมวัฒนธรรมทั้งปวง แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่เคยคิดริเริ่มการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง การประกันราคาข้าวไม่ใช่การแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกรได้ในระยะยาว รัฐบาลต้องเร่งปฏิรูปที่ดิน โดยมีเป้าหมายให้ผู้ถือครองที่ดินจำนวนมากเพื่อเก็งกำไร ต้องปล่อยที่ดินของตนออกมา ด้วยระบบภาษีก้าวหน้า
เวลา นี้มีเกษตรกรเดือดร้อนด้วยเรื่องที่ดินจำนวนมาก โดนกรมอุทยานตัดฟันต้นยางบ้าง โดนกรมป่าไม้ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายกรณีทำให้โลกร้อนบ้าง ขบวนการต้องใส่ใจกับปัญหาของคนเล็กๆ ด้วยกันเหล่านี้ ไม่ว่าเขาจะเป็นเสื้อแดงหรือไม่ก็ตาม และเคลื่อนไหวผลักดันให้รัฐบาลแก้ปัญหา
อย่างน้อยก็ต้องสั่งให้ยุติการไล่รื้อลงชั่วคราว เพื่อศึกษาว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร จึงจะเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
คน ไทยส่วนใหญ่ได้หลุดออกจากภาคเกษตร กรรมมานานพอสมควรแล้ว (อันที่จริงส่วนใหญ่ของสมาชิกขบวนการเองก็ไม่ได้เป็นเกษตรกร) คนเหล่านี้เผชิญกับความยากลำบากในการเผชิญชีวิตนอกภาคเกษตร เพราะไม่มีหลักประกันเพียงพอ และขาดทักษะที่จะนำไปขายในตลาดด้วยราคาดีได้ แม้ว่ารัฐบาลจะเพิ่มค่าแรง 300 บาท แต่แรงงานส่วนใหญ่ของไทยเป็นแรงงานนอกระบบ รัฐต้องหาทางช่วยให้คนเหล่านี้มีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนแรงงานในระบบเองก็ควรได้สิทธิเสรีภาพในการรวมตัว เพื่อมีส่วนในการดูแลสวัสดิภาพของตนเอง
แต่ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าประกาศขึ้นค่าแรง ซึ่งสมมุติว่าประสบความสำเร็จในการเพิ่มรายได้จริง ก็ไม่ได้แก้ปัญหาแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศ
เครื่อง มือสำคัญของอำนาจนอกระบบที่จะขัดขวางพัฒนาการของประชาธิปไตยคือกองทัพ ซึ่งได้สั่งสมอำนาจทางกฎหมายเพิ่มขึ้นหลายอย่าง ระหว่างการรัฐประหารครั้งล่าสุด และนำเอาอดีตแม่ทัพมาเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลเพื่อไทยไม่คิดจะแก้กฎหมายเหล่านั้น เพื่อลดอำนาจของกองทัพลงอย่างน้อยก็ในทางกฎหมาย ซ้ำยังไม่ตัดลดงบประมาณของกองทัพแต่อย่างไร
ความ ล้มเหลวในการจัดการความไม่สงบในภาคใต้ของกองทัพ ชี้ให้เห็นว่านโยบายที่ใช้การทหารเป็นผู้จัดการเด็ดขาดในพื้นที่ ควรต้องยกเลิก และหา
วิถี ทางใหม่ที่น่าจะได้ผลกว่า แต่รัฐบาลก็แทบจะไม่กล้าแตะต้องกองทัพด้วยประการใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะเกรงว่าจะเป็นเหตุให้กองทัพก่อรัฐประหารล้มรัฐบาล
ความใส่ใจของรัฐบาลมีอยู่เพียงอย่างเดียว คือขออยู่ในตำแหน่งต่อไปเรื่อยๆ แม้ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างเดียวก็ไม่เป็นไร
ขบวน การเสื้อแดงจะปล่อยให้เครื่องมือของตน อยู่ในลักษณะที่ตั้งใจจะไม่ทำอะไรสักอย่าง เพื่อทำให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่มั่นคงเช่นนี้หรือ จะมีพรรคอื่นเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ดูไม่ต่างจากมีพรรคเพื่อไทยตรงไหน
นัก โทษการเมืองอีกจำนวนหนึ่ง ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ รัฐมนตรียุติธรรมในฐานะผู้บังคับบัญชาของกรมราชทัณฑ์ สามารถสั่งให้ย้ายผู้ต้องขังเหล่านี้ไปไว้บางเขนได้ แต่รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยไม่เคยรู้สึกว่า ชะตากรรมของคนเสื้อแดงเป็นของพรรค ที่ตนจะต้องแก้ไขบรรเทาเท่าที่จะมีอำนาจพอทำได้ กลัวแต่ว่าจะถูกโจมตีทางการเมืองและทำให้เสียเปรียบทางการเมืองแก่ปรปักษ์ ของตน
จะ บรรยายความล้มเหลวของรัฐบาลนี้ไปอีกกี่หน้าก็ได้ โดยเฉพาะความล้มเหลวที่ทำให้ขบวนการเสื้อแดง ไม่มีเป้าหมายทางการเมืองใดๆ นอกจากคอยต้อนรับทักษิณกลับบ้าน เหตุใดจึงไปเชื่อว่า เมื่อคุณทักษิณได้รับความเป็นธรรมแล้ว คนอื่นจะได้รับความเป็นธรรมไปด้วย โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองในเวลานี้ คนที่ถูกไล่ที่ทำกิน คนที่ถูกศาลสั่งปรับหลายแสนหลายล้านบ้าน เพราะทำให้โลกร้อน (มากกว่าแอร์ที่เป่าอยู่ในห้องพิจารณาคดี) คนส่วนใหญ่ซึ่งต้องเสียค่าเอฟทีแก่ค่าไฟฟ้าอันอธิบายไม่ได้ คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้ว่าคณะกรรมการพลังงานกำลังทำอะไรอยู่ แต่ต้องจ่ายค่าน้ำมันแพงลิบลิ่ว ในขณะที่ ปตท.ทำกำไรมหาศาลทุกปี ฯลฯ
ขบวนการเสื้อแดงมีทางเลือกอะไรได้บ้าง
1.หันไปสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น แต่น่าเสียดายที่คนเสื้อแดงไม่เหลือทางเลือกอีกแล้ว หลัง การปราบปรามอย่างเหี้ยมโหดจนถึงทุกวันนี้ พรรค ปชป.ยังไม่รู้สึกเลยว่าได้ทำอะไรผิด ส่วนพรรคเล็กอื่นๆ นั้น บางพรรคก็น่ารังเกียจแก่คนเสื้อแดงไม่น้อยไปกว่า ปชป. บางพรรคไม่มีประวัติการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอยู่ในเงาของตัวเอาเลย อันที่จริงนักการเมืองของพรรคเพื่อไทยเอง ก็ไม่ได้ต่างจากพรรคอื่นมากนัก สถานการณ์บังคับให้ขบวนการเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยต่างคิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะ เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้ได้ต่างหาก
ฉะนั้น การหันไปสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น จึงยังไม่ใช่ทางเลือกในเวลานี้
2.ตั้งพรรคการเมืองของตนเอง นี่ เป็นความคิดของคนเล็กๆ หลายฝ่ายเคยคิดมาก่อนแล้ว (ตั้งแต่พรรคเขียวจนถึงพรรคการเมืองใหม่) ว่าเฉพาะขบวนการคนเสื้อแดง ก็ยังไม่เป็นทางเลือกที่เป็นไปได้อยู่นั่นเอง ลักษณะการจัดตั้งของขบวนการ (เท่าที่มีผู้ศึกษามา) ค่อนข้างแยกเป็นหน่วยย่อยที่ไม่เชื่อมต่อกันนัก และมีความเปราะบางในความสัมพันธ์ของแกนนำค่อนข้างสูง หากจะเลือกทางนี้คงต้องปรับขบวนการหลายอย่างหลายประการ ซึ่งคงยากมากกว่าที่จะทำได้สำเร็จ จึงเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ในอนาคตยาวไกลข้างหน้า แต่ไม่ใช่ในเวลานี้
3.ที่พอเป็นไปได้ในช่วงนี้ก็คือ หาทางที่จะควบคุมทิศทางของพรรคเพื่อไทยให้ได้มากขึ้น ไม่ใช่รณรงค์เข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ต้องคุมให้ได้ในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั่นเอง
เรื่องนี้ไม่ง่าย เพราะที่จริงแล้วยังไม่มีสมาชิกของพรรคการเมืองใดที่สามารถคุมพรรคของตนเองได้สักพรรคเดียว
ขบวน การต้องมีสื่อของตนเองซึ่งมีจุดยืนที่เป็นอิสระจากพรรคเพื่อไทย อันที่จริงเวลานี้ก็มีอยู่ เพียงแต่ไม่ใช่สื่อโทรทัศน์หรือสื่อหนังสือพิมพ์กระดาษเท่านั้น เพราะนั่นต้องการเงินลงทุนและมีลักษณะรวมศูนย์เกินไปกว่าที่คนเสื้อแดงจะทำ ได้ แต่มีสื่อออนไลน์จำนวนมาก ที่บางครั้งก็ประกาศตนเป็นคนเสื้อแดง บางครั้งก็ไม่ได้ประกาศ แต่มีจุดยืนอิสระของตนเองที่ไม่สอดคล้องกับพรรคเพื่อไทยในหลายกรณี ปัญหามาอยู่ที่ว่า ทำอย่างไรขบวนการคนเสื้อแดงจึงจะสามารถทำให้สมาชิกของตนเข้าถึงสื่อเหล่านี้ ให้มากขึ้น
สื่อ ของขบวนการอาจไม่ใช่หนังสือพิมพ์กระดาษ แต่เป็นสื่อที่มีความเห็นหลากหลายจากจุดยืนของประชาชน แม้บางครั้งความเห็นนั้นอาจขัดแย้งกันก็ตาม แต่ไม่ใช่ความเห็นที่พรรคเพื่อไทย (หรือมือที่มองไม่เห็นของพรรคเพื่อไทย... ซึ่งมีหลายมือด้วย) ยัดเยียดมาให้ ดังที่เราอาจพบเสมอในวิทยุชุมชนบางแห่ง
กลไก ทางการเมืองเฉพาะหน้าที่ขบวนการควรร่วมกันรณรงค์ก็คือ พรรคเพื่อไทยต้องใช้กระบวนการ "ไพร์มารี" หรือการเปิดให้ประชาชนในแต่ละเขตเลือกตั้ง ได้ลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัคร (ส.ส., ส.ท. นายกเทศมนตรี อบจ. และรวมทั้งสมาชิกสภา อบต.ในแต่ละเขต) นี่ไม่ใช่ความคิดใหม่ คุณทักษิณ ชินวัตร เอง เคยเสนอไว้ก่อนการรัฐประหารด้วยซ้ำ
ส.ส.ต้องตอบสนองเป้าหมายทางการเมืองของประชาชน ไม่ใช่เพียงแต่ดึงงบประมาณลงท้องถิ่นอย่างเดียว แต่ ส.ส.พรรคเวลานี้ ส่วนใหญ่มี "สาย" ของตนเอง ซึ่งมีเฮียบ้าง เจ๊บ้างควบคุม "สาย" ของตนอยู่ ดังนั้น ส.ส.จึงตอบสนองเป้าหมายทางการเมืองของ "เฮีย" และ "เจ๊" ไม่ใช่ของประชาชนผู้เลือกตั้ง
ขบวนการคนเสื้อแดงต้องทำลายระบบนี้ลงให้ได้ ด้วยการรณรงค์ให้พรรคยอมรับกระบวนการ "ไพร์มารี" ให้ได้
มี ความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะประสบความสำเร็จ เพราะนอกจากพรรคเองจะได้ความมั่นคงในชัยชนะจากการเลือกตั้งมากขึ้นแล้ว ยังมี "แกนนำ" ของพรรคอยู่บ้างเหมือนกันที่ไม่มี "สาย" ของตนเอง (ด้วยเหตุต่างๆ กัน) จึงน่าจะพอใจที่ "มุ้ง" ต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยจะอ่อนกำลังลง ทั้งเพื่อประโยชน์ทางการเมืองส่วนตัวและการเมืองของพรรค ฉะนั้นหากมี "ไพร์มารี" ได้เมื่อไร ชาวเสื้อแดงก็จะได้เห็นแม้แต่ระดับ "แกนนำ" บางคนของพรรค ต้องตอบสนองต่อเป้าหมายทางการเมืองของขบวนการคนเสื้อแดงมากขึ้น
จะมาเล่นปาหี่ เพื่อยกเลิกการแก้รัฐธรรมนูญกันอย่างหน้าด้านๆ เช่นนี้ไม่ได้
ล้วนเป็นเป้าหมายทางการเมืองที่น่ายกย่องทั้งนั้น
เพื่อ จะบรรลุเป้าหมายทางการเมืองดังกล่าว ขบวนการคนเสื้อแดงใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือ จึงได้เทคะแนนให้แก่พรรคนี้ในการเลือกตั้ง จนได้รับชัยชนะท่วมท้น
แต่จนถึงวันนี้ ขบวนการคนเสื้อแดงควรคิดพิจารณาให้ดีว่า พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ดีของตนหรือไม่สัปดาห์ ที่แล้ว มีคลิปโทรศัพท์เสียงของ ส.ส. พรรคเพื่อไทยคนหนึ่ง พูดทำนองข่มขู่ข้าราชการให้ทำผิดกฎหมาย เพื่อช่วยพรรคพวกตน ขบวนการเสื้อแดงต้องแสดงให้เห็นว่า ไม่สนับสนุนการกระทำเยี่ยงนี้ พรรคจำเป็นต้องบีบให้ ส.ส.ผู้นั้นลาออกจากตำแหน่ง ถ้าพรรคเพื่อไทยจะเป็นเครื่องมือของขบวนการ พรรคต้องยืนในจุดที่สุจริต ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางที่ขบวนการจะบรรลุเป้าหมายทางการเมืองได้... แต่ทั้งนี้ขบวนการคนเสื้อแดงต้องคุมพรรคการเมืองของตนได้
การ ที่ผู้มีอำนาจนอกระบบทั้งหลายสามารถกีดกันมิให้ประเทศไทยได้พัฒนา ประชาธิปไตยไปเต็มที่ ก็เพราะประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ ด้านการถือครองทรัพย์สิน ด้านการศึกษา และด้านสังคมวัฒนธรรมทั้งปวง แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่เคยคิดริเริ่มการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง การประกันราคาข้าวไม่ใช่การแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกรได้ในระยะยาว รัฐบาลต้องเร่งปฏิรูปที่ดิน โดยมีเป้าหมายให้ผู้ถือครองที่ดินจำนวนมากเพื่อเก็งกำไร ต้องปล่อยที่ดินของตนออกมา ด้วยระบบภาษีก้าวหน้า
เวลา นี้มีเกษตรกรเดือดร้อนด้วยเรื่องที่ดินจำนวนมาก โดนกรมอุทยานตัดฟันต้นยางบ้าง โดนกรมป่าไม้ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายกรณีทำให้โลกร้อนบ้าง ขบวนการต้องใส่ใจกับปัญหาของคนเล็กๆ ด้วยกันเหล่านี้ ไม่ว่าเขาจะเป็นเสื้อแดงหรือไม่ก็ตาม และเคลื่อนไหวผลักดันให้รัฐบาลแก้ปัญหา
อย่างน้อยก็ต้องสั่งให้ยุติการไล่รื้อลงชั่วคราว เพื่อศึกษาว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร จึงจะเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
คน ไทยส่วนใหญ่ได้หลุดออกจากภาคเกษตร กรรมมานานพอสมควรแล้ว (อันที่จริงส่วนใหญ่ของสมาชิกขบวนการเองก็ไม่ได้เป็นเกษตรกร) คนเหล่านี้เผชิญกับความยากลำบากในการเผชิญชีวิตนอกภาคเกษตร เพราะไม่มีหลักประกันเพียงพอ และขาดทักษะที่จะนำไปขายในตลาดด้วยราคาดีได้ แม้ว่ารัฐบาลจะเพิ่มค่าแรง 300 บาท แต่แรงงานส่วนใหญ่ของไทยเป็นแรงงานนอกระบบ รัฐต้องหาทางช่วยให้คนเหล่านี้มีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนแรงงานในระบบเองก็ควรได้สิทธิเสรีภาพในการรวมตัว เพื่อมีส่วนในการดูแลสวัสดิภาพของตนเอง
แต่ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าประกาศขึ้นค่าแรง ซึ่งสมมุติว่าประสบความสำเร็จในการเพิ่มรายได้จริง ก็ไม่ได้แก้ปัญหาแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศ
เครื่อง มือสำคัญของอำนาจนอกระบบที่จะขัดขวางพัฒนาการของประชาธิปไตยคือกองทัพ ซึ่งได้สั่งสมอำนาจทางกฎหมายเพิ่มขึ้นหลายอย่าง ระหว่างการรัฐประหารครั้งล่าสุด และนำเอาอดีตแม่ทัพมาเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลเพื่อไทยไม่คิดจะแก้กฎหมายเหล่านั้น เพื่อลดอำนาจของกองทัพลงอย่างน้อยก็ในทางกฎหมาย ซ้ำยังไม่ตัดลดงบประมาณของกองทัพแต่อย่างไร
ความ ล้มเหลวในการจัดการความไม่สงบในภาคใต้ของกองทัพ ชี้ให้เห็นว่านโยบายที่ใช้การทหารเป็นผู้จัดการเด็ดขาดในพื้นที่ ควรต้องยกเลิก และหา
วิถี ทางใหม่ที่น่าจะได้ผลกว่า แต่รัฐบาลก็แทบจะไม่กล้าแตะต้องกองทัพด้วยประการใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะเกรงว่าจะเป็นเหตุให้กองทัพก่อรัฐประหารล้มรัฐบาล
ความใส่ใจของรัฐบาลมีอยู่เพียงอย่างเดียว คือขออยู่ในตำแหน่งต่อไปเรื่อยๆ แม้ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างเดียวก็ไม่เป็นไร
ขบวน การเสื้อแดงจะปล่อยให้เครื่องมือของตน อยู่ในลักษณะที่ตั้งใจจะไม่ทำอะไรสักอย่าง เพื่อทำให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่มั่นคงเช่นนี้หรือ จะมีพรรคอื่นเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ดูไม่ต่างจากมีพรรคเพื่อไทยตรงไหน
นัก โทษการเมืองอีกจำนวนหนึ่ง ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ รัฐมนตรียุติธรรมในฐานะผู้บังคับบัญชาของกรมราชทัณฑ์ สามารถสั่งให้ย้ายผู้ต้องขังเหล่านี้ไปไว้บางเขนได้ แต่รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยไม่เคยรู้สึกว่า ชะตากรรมของคนเสื้อแดงเป็นของพรรค ที่ตนจะต้องแก้ไขบรรเทาเท่าที่จะมีอำนาจพอทำได้ กลัวแต่ว่าจะถูกโจมตีทางการเมืองและทำให้เสียเปรียบทางการเมืองแก่ปรปักษ์ ของตน
จะ บรรยายความล้มเหลวของรัฐบาลนี้ไปอีกกี่หน้าก็ได้ โดยเฉพาะความล้มเหลวที่ทำให้ขบวนการเสื้อแดง ไม่มีเป้าหมายทางการเมืองใดๆ นอกจากคอยต้อนรับทักษิณกลับบ้าน เหตุใดจึงไปเชื่อว่า เมื่อคุณทักษิณได้รับความเป็นธรรมแล้ว คนอื่นจะได้รับความเป็นธรรมไปด้วย โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองในเวลานี้ คนที่ถูกไล่ที่ทำกิน คนที่ถูกศาลสั่งปรับหลายแสนหลายล้านบ้าน เพราะทำให้โลกร้อน (มากกว่าแอร์ที่เป่าอยู่ในห้องพิจารณาคดี) คนส่วนใหญ่ซึ่งต้องเสียค่าเอฟทีแก่ค่าไฟฟ้าอันอธิบายไม่ได้ คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้ว่าคณะกรรมการพลังงานกำลังทำอะไรอยู่ แต่ต้องจ่ายค่าน้ำมันแพงลิบลิ่ว ในขณะที่ ปตท.ทำกำไรมหาศาลทุกปี ฯลฯ
ขบวนการเสื้อแดงมีทางเลือกอะไรได้บ้าง
1.หันไปสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น แต่น่าเสียดายที่คนเสื้อแดงไม่เหลือทางเลือกอีกแล้ว หลัง การปราบปรามอย่างเหี้ยมโหดจนถึงทุกวันนี้ พรรค ปชป.ยังไม่รู้สึกเลยว่าได้ทำอะไรผิด ส่วนพรรคเล็กอื่นๆ นั้น บางพรรคก็น่ารังเกียจแก่คนเสื้อแดงไม่น้อยไปกว่า ปชป. บางพรรคไม่มีประวัติการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอยู่ในเงาของตัวเอาเลย อันที่จริงนักการเมืองของพรรคเพื่อไทยเอง ก็ไม่ได้ต่างจากพรรคอื่นมากนัก สถานการณ์บังคับให้ขบวนการเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยต่างคิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะ เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้ได้ต่างหาก
ฉะนั้น การหันไปสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น จึงยังไม่ใช่ทางเลือกในเวลานี้
2.ตั้งพรรคการเมืองของตนเอง นี่ เป็นความคิดของคนเล็กๆ หลายฝ่ายเคยคิดมาก่อนแล้ว (ตั้งแต่พรรคเขียวจนถึงพรรคการเมืองใหม่) ว่าเฉพาะขบวนการคนเสื้อแดง ก็ยังไม่เป็นทางเลือกที่เป็นไปได้อยู่นั่นเอง ลักษณะการจัดตั้งของขบวนการ (เท่าที่มีผู้ศึกษามา) ค่อนข้างแยกเป็นหน่วยย่อยที่ไม่เชื่อมต่อกันนัก และมีความเปราะบางในความสัมพันธ์ของแกนนำค่อนข้างสูง หากจะเลือกทางนี้คงต้องปรับขบวนการหลายอย่างหลายประการ ซึ่งคงยากมากกว่าที่จะทำได้สำเร็จ จึงเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ในอนาคตยาวไกลข้างหน้า แต่ไม่ใช่ในเวลานี้
3.ที่พอเป็นไปได้ในช่วงนี้ก็คือ หาทางที่จะควบคุมทิศทางของพรรคเพื่อไทยให้ได้มากขึ้น ไม่ใช่รณรงค์เข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ต้องคุมให้ได้ในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั่นเอง
เรื่องนี้ไม่ง่าย เพราะที่จริงแล้วยังไม่มีสมาชิกของพรรคการเมืองใดที่สามารถคุมพรรคของตนเองได้สักพรรคเดียว
ขบวน การต้องมีสื่อของตนเองซึ่งมีจุดยืนที่เป็นอิสระจากพรรคเพื่อไทย อันที่จริงเวลานี้ก็มีอยู่ เพียงแต่ไม่ใช่สื่อโทรทัศน์หรือสื่อหนังสือพิมพ์กระดาษเท่านั้น เพราะนั่นต้องการเงินลงทุนและมีลักษณะรวมศูนย์เกินไปกว่าที่คนเสื้อแดงจะทำ ได้ แต่มีสื่อออนไลน์จำนวนมาก ที่บางครั้งก็ประกาศตนเป็นคนเสื้อแดง บางครั้งก็ไม่ได้ประกาศ แต่มีจุดยืนอิสระของตนเองที่ไม่สอดคล้องกับพรรคเพื่อไทยในหลายกรณี ปัญหามาอยู่ที่ว่า ทำอย่างไรขบวนการคนเสื้อแดงจึงจะสามารถทำให้สมาชิกของตนเข้าถึงสื่อเหล่านี้ ให้มากขึ้น
สื่อ ของขบวนการอาจไม่ใช่หนังสือพิมพ์กระดาษ แต่เป็นสื่อที่มีความเห็นหลากหลายจากจุดยืนของประชาชน แม้บางครั้งความเห็นนั้นอาจขัดแย้งกันก็ตาม แต่ไม่ใช่ความเห็นที่พรรคเพื่อไทย (หรือมือที่มองไม่เห็นของพรรคเพื่อไทย... ซึ่งมีหลายมือด้วย) ยัดเยียดมาให้ ดังที่เราอาจพบเสมอในวิทยุชุมชนบางแห่ง
กลไก ทางการเมืองเฉพาะหน้าที่ขบวนการควรร่วมกันรณรงค์ก็คือ พรรคเพื่อไทยต้องใช้กระบวนการ "ไพร์มารี" หรือการเปิดให้ประชาชนในแต่ละเขตเลือกตั้ง ได้ลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัคร (ส.ส., ส.ท. นายกเทศมนตรี อบจ. และรวมทั้งสมาชิกสภา อบต.ในแต่ละเขต) นี่ไม่ใช่ความคิดใหม่ คุณทักษิณ ชินวัตร เอง เคยเสนอไว้ก่อนการรัฐประหารด้วยซ้ำ
ส.ส.ต้องตอบสนองเป้าหมายทางการเมืองของประชาชน ไม่ใช่เพียงแต่ดึงงบประมาณลงท้องถิ่นอย่างเดียว แต่ ส.ส.พรรคเวลานี้ ส่วนใหญ่มี "สาย" ของตนเอง ซึ่งมีเฮียบ้าง เจ๊บ้างควบคุม "สาย" ของตนอยู่ ดังนั้น ส.ส.จึงตอบสนองเป้าหมายทางการเมืองของ "เฮีย" และ "เจ๊" ไม่ใช่ของประชาชนผู้เลือกตั้ง
ขบวนการคนเสื้อแดงต้องทำลายระบบนี้ลงให้ได้ ด้วยการรณรงค์ให้พรรคยอมรับกระบวนการ "ไพร์มารี" ให้ได้
มี ความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะประสบความสำเร็จ เพราะนอกจากพรรคเองจะได้ความมั่นคงในชัยชนะจากการเลือกตั้งมากขึ้นแล้ว ยังมี "แกนนำ" ของพรรคอยู่บ้างเหมือนกันที่ไม่มี "สาย" ของตนเอง (ด้วยเหตุต่างๆ กัน) จึงน่าจะพอใจที่ "มุ้ง" ต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยจะอ่อนกำลังลง ทั้งเพื่อประโยชน์ทางการเมืองส่วนตัวและการเมืองของพรรค ฉะนั้นหากมี "ไพร์มารี" ได้เมื่อไร ชาวเสื้อแดงก็จะได้เห็นแม้แต่ระดับ "แกนนำ" บางคนของพรรค ต้องตอบสนองต่อเป้าหมายทางการเมืองของขบวนการคนเสื้อแดงมากขึ้น
จะมาเล่นปาหี่ เพื่อยกเลิกการแก้รัฐธรรมนูญกันอย่างหน้าด้านๆ เช่นนี้ไม่ได้