ชื่อบทความเดิม: สื่อไทยไร้ความสามารถหรือสองมาตรฐานโดยสุจริต? คำถามถึงความมักง่ายต่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ร้ายแรง)
ตีพิมพ์ใน onopen
http://www.onopen.com/undergroundbuleteen/09-04-20/4716
วาด รวี
มีคำถามเป็นจำนวนมากที่สื่อไทย โดยเฉพาะสื่อทีวีและรายการประเภทคุยข่าวคุ้ยข่าวทั้งหลายต้องตอบสังคม และเช่นเดียวกันก็มีคำถามที่ “นักเสนอทางออกให้สังคม” จำนวนมากจำเป็นต้องตอบ
หรือไม่ก็ปล่อยให้ความเงียบประจานการไร้ความสามารถ และความมักง่ายในการเสนอข่าวหรือเสนอแนะของกลุ่มคนเหล่านี้
การชุมนุมของคนเสื้อแดงบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล การปิดถนนตามจุดสำคัญต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ และการเดินทางไปประท้วงและบุกเข้าไปในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา จนทำให้ต้องล้มเลิกการประชุมไปในที่สุด เป็นเหตุให้ทหารเข้าสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงโดยเริ่มต้นจากบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งนำไปสู่การจลาจลทั่วกรุงเทพฯ ในระหว่างวันสงกรานต์ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ มีความสัมพันธ์โดยตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลก่อนหน้าอย่างปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะการชุมนุมของคนเสื้อเหลืองที่คอยไล่ล่ารัฐบาล และบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิเป็นเวลาถึง 9 วัน
การเปรียบเทียบเหตุการณ์ซึ่งเป็นเหตุและผลต่อกันของการกระทำของคนเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดงนี้ ไม่ได้หมายความถึงการสนับสนุนการละเมิดกฎหมายอย่างต่อเนื่องในลักษณะที่ว่า “เธอทำได้ ฉันก็ทำได้” หากแต่เป็นการเปิดโปงให้เห็นว่า “ความมักง่ายในอดีตนั้น ย่อมส่งผลถึงปัจจุบันอย่างสาหัส”
ยังจำกันได้ไหมว่าในบรรดาผู้เสนอทางออกให้สังคมในสถานการณ์เสื้อเหลืองนั้น มีใครบ้างที่ “มักง่าย” เสนอให้ทหารปฏิวัติ?
ถามว่าเหตุใดใครเหล่านั้น จึงปิดปากเงียบ และไม่กล่าวถึงการปฏิวัติสักคำในสถานการณ์เสื้อแดง?
ยังจำกันได้ไหมในสถานการณ์เสื้อเหลืองว่าทหารคนใดที่ “เท่มาก” เพราะปฏิเสธการปฏิวัติ แต่หันไปเสนอให้รัฐบาลลาออกแทน?
ถามว่าเหตุใดทหารคนนั้นจึงปิดปากเงียบในสถานการณ์เสื้อแดง?
ยังจำกันได้ไหมเมื่อคนเสื้อเหลือง “เหิมเกริมจนเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง” คนจำนวนไหนที่ช่างมีความอดทนอดกลั้น ยอมเปิดสนามบินที่อู่ตะเภา และปล่อยให้สนามบินแห่งชาติถูกยึดถึง 9 วัน?
ถามว่าเหตุใดคนจำนวนนั้นจึงไม่อดทนอดกลั้นกับคนเสื้อแดงที่ “เหิมเกริมจนปิดถนนระหว่างวันหยุด (สงกรานต์)”?
ถ้ารายการคุยข่าวต่าง ๆ มีความสามารถในการนำ “คลิปหลุด” ของบรรดาดารามาวิเคราะห์หาข้อเท็จจริงอย่างเอาจริงเอาจังโดยทันท่วงทีกับสถานการณ์ เหตุใดรายการเหล่านั้นจึงไร้ความสามารถในการนำ “คลิปหลุด” ของทหารในขณะสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง มาวิเคราะห์วิจารณ์กันอย่างทันท่วงที และกระทำสิ่งที่ตรงกันข้าม คือเสนอข่าวราวกับคลิปเหล่านั้นไม่มีอยู่?
ถ้ารายการคุยข่าวต่าง ๆ มีความสามารถในการนำดารามาชี้แจงปัญหาอันเนื่องมาจากคำทำนายของหมอดูอย่างละเอียด เหตุใดรายการเหล่านั้นจึงไร้ความสามารถโดยสิ้นเชิงในการนำโฆษกกองทัพบกมาชี้แจงเรื่องขั้นตอนการสลายม็อบ และ “กระสุนหัวกระดาษ” อย่างละเอียด? เหตุใดรายการเหล่านั้นจึงไม่ให้โฆษกกองทัพบกสาทิตวิธียิง “กระสุนหัวกระดาษ” เปรียบเทียบกับ “กระสุนจริง” อันจะแสดงความแตกต่างให้เห็นทั้งระดับเสียงและประกายไฟ? เหตุใดพิธีกรที่แสนฉลาดในการคุยคุ้ยเรื่องต่าง ๆ จึงไม่คุยคุ้ยต่อไปอีกว่า “กระสุนหัวกระดาษ” นี้ยิงได้ทีละนัดหรือไม่? และต้องติดอแดปเตอร์เพื่อจะยิงต่อเนื่องหรือไม่? และกองทัพมีอแดปเตอร์เพียงพอที่จะใช้ในการสลายการชุมนุมหรือไม่?
ถ้ารายการคุยข่าวต่าง ๆ มีความมุ่งมั่นในการสืบเสาะค้นหา “เบื้องหลังคลิปหลุดและข่าวลือต่าง ๆ ของบรรดาดาราที่ถูกแอบถ่าย” และกระตือรือร้นต่อการนำเสนอภาพน้ำตาของดาราผู้ตกเป็นเหยื่อเหล่านั้น เหตุใดรายการเหล่านี้จึงช่างดูขาดไร้แรงบันดาลใจในการสืบเสาะค้นหา “เบื้องหลังคลิปหลุดและข่าวลือต่าง ๆ เกี่ยวกับคนตายและการเก็บศพระหว่างการสลายการชุมนุม” และไม่ไยไพกับภาพน้ำตาของคนเหล่านี้?
และในขณะนี้ที่บรรดาสื่อมวลชนและนักเสนอแนะทางออกให้สังคมกำลังชื่นชมทหารที่สามารถสลายการชุมนุมโดยปราศจากคนตาย เหตุใดจึงไม่มีสื่อหรือนักเสนอแนะอ้าปากถามท่าน ผบ.ทบ. สักคำว่า ในเมื่อทหารมีความสามารถในการสลายการชุมนุมที่น่าประทับใจเช่นนี้ เหตุใดท่านจึงเพิกเฉยและไม่ใช้ความสามารถนี้เสียตั้งแต่แรกกับกลุ่มคนเสื้อเหลือง และมักง่ายถึงกับปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจนมีคนต้องขาขาดและตายเพราะการยิงแก๊สน้ำตาในครั้งนั้น?
อยากเรียนถามสื่อและบรรดานักเสนอทางออกให้สังคม ไม่ทราบว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการไร้ความสามารถของท่าน หรือสองมาตรฐานโดยสุจริต?
หรือนอกจากสักแต่ว่าถามและเสนออย่างมักง่ายแล้ว ท่านไม่เคยเรียนรู้ที่จะตอบหรือหันมองสิ่งที่ตัวเองเสนออย่างจริงจัง