บก.ลายจุดนำทีม ทำบุญวัดปทุมฯ ไปแน่-นอนตาย ที่ "ราชประสงค์"
"มาร์ค วี11" ขึ้นเวที อคาเดมี แฟนเทเชีย รอบสั่งลา ด้วยเพลง"ขออุ้มหน่อย"ของ"เบิร์ด-ธงไชย" ท่ามกลางแฟน คลับที่แห่มาเชียร์ถึงที่ รวมทั้งที่โหวตและส่งข้อความให้กำลังใจ เผยก่อนร้องบรรดาผู้เข้าแข่งขันรายอื่นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาร์ค วี 11 ถอนตัวแล้ว จากปัญหาเขียนด่า"มาร์ค ราบ11" ในเฟซบุ๊ก เจ้าตัวเปิดใจอำลาน้ำตาคลอ "บ.ก.ลายจุด"นำคณะไปทำบุญที่วัดปทุมฯ ยันวันอาทิตย์ไปผูกผ้าแดงที่สี่แยกราชประสงค์แน่ แม้นักธุรกิจราชประสงค์จะชิงผูกผ้าไปก่อนแล้ว ชี้กรณีของ"มาร์ค วี11" ก็เหมือนคนอื่นอีกเป็นล้านที่ด่านายกฯ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ก.ค. ที่วัดปทุมวนาราม ราชประสงค์ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบ.ก.ลายจุด ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกระจกเงา และแกนนํากลุ่มวันอาทิตย์สีแดง นําสมาชิกกลุ่ม "วันอาทิตย์สีแดง" และกลุ่ม "ที่นี่มีคนตาย" ประมาณ 100 คน สวมเสื้อหลากหลายสี มาร่วมทําบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับคนเสื้อแดงที่เสียชีวิต ช่วงที่มีการสลายการชุมนุม จํานวน 90 ศพ และทําบุญให้กับกลุ่มแพทย์อาสาพยาบาลและกู้ภัยที่เสียชีวิตภายในเต็นท์หน้าวัดปทุมฯ จำนวน 6 ศพ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งทําบุญเนื่องในวันครบรอบ 2 เดือนของการสลายการชุมนุม โดยมีพระสงฆ์ร่วมพิธี 10 รูป นอกจากนี้ ภายในงานมีนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ แกนนํานปช. ที่รอดพ้นจากการถูกออกหมายเรียกของศอฉ.เพียงคนเดียว เดินทางมาร่วมทำบุญครั้งนี้ด้วย
ภายหลังจากเสร็จพิธีสงฆ์แล้ว นายสมบัติและนายวรวุฒิ นําสมาชิกทั้งหมดเดินดูร่องรอยรูกระสุนปืนภายในวัด เพื่อเป็นการรำลึกถึงคืนโหดร้ายในวันที่ 19 พ.ค. ที่มีการใช้อาวุธปืนสงครามยิงลงมาจากบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส เข้าใส่คนเสื้อแดงที่หลบอยู่ภายในวัด ทั้งที่มีการประกาศเป็นเขตอภัยทาน จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจํานวนมาก
หลังจากนั้นนําสมาชิกมาร่วมยืนไว้อาลัย และวางดอกกุหลาบสีแดงบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าพระอุโบสถ ยืนสงบนิ่ง 1 นาที ก่อนแยกย้ายกันกลับ และนัดรวมตัวกันอีกครั้งวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค. ซึ่งเป็นวันครบรอบ 2 เดือนการสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ ทั้งนี้ ระหว่างทําพิธีมีเจ้าหน้าที่ตํารวจสน.ปทุมวัน เข้ามาสังเกตการณ์ โดยไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณป้ายสี่แยกราชประสงค์ ตรงข้ามศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กลุ่มผู้ประกอบการราชประสงค์ร่วมกับกรุงเทพมหานคร นําป้ายพร้อมข้อความมาขึงบริเวณใต้ป้ายดังกล่าว ข้อความว่า "ที่ผ่านมา ราชประสงค์บอบช้ำ โปรดอย่างซ้ำเติม เราอีกเลย"
นายสมบัติกล่าวว่า การมาทําบุญครบรอบ 2 เดือนครั้งนี้ เป็นจิตวิญญาณภายใน และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตนมาร่วมงานภายในวัดปทุมฯ ตนรู้สึกได้เลยว่าทําให้ความเร่าร้อนที่อยู่ภายในสงบลง และคิดว่านี้คือกระบวนการจิตบำบัดอย่างหนึ่ง เป็นกระบวนการที่เป็นคุณกับคนเสื้อแดง และเป็นคุณหากเสื้อแดงลดความรุนแรงลงได้ ก็เป็นคุณกับรัฐ เพราะรัฐกลัวคนเสื้อแดงจะคลุ้มคลั่ง กลัวลงใต้ดิน คนเสื้อแดงที่มาวัดแบบนี้ไม่ใช่กองกำลังอะไร ควรจะส่งเสริม แต่มันขึ้นอยู่กับการตีความ ถ้าตีความผิดพลาดมองว่าการมาชุมนุม การมาทําบุญกันที่วัดเป็นรูปแบบก่อการสุมหัว ถ้าถูกตีความแบบนี้ ก็เป็นเรื่องของรัฐที่จะต้องใช้กฎหมาย และอธิบายต่อสังคมว่า ทำไมคนเหล่านี้ถึงผิด
แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงกล่าวต่อว่า ทั้งนี้กิจกรรมวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค. จะเริ่มเวลา 17.00 น.เป็นต้นไป โดยไปผูกผ้าแดงรอบราชประสงค์ นอนตายบนถนน และจุดเทียนไว้อาลัย ทั้งนี้รูปแบบการนอนตายเป็นการแสดงสัญลักษณ์ที่ชัดมาก เพื่อตอกย้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา และประเด็นที่ยังกังขาสังคมตอนนี้ คืออีกฝ่ายพูดไม่จบ พูดไม่หมด ทําให้สังคมไม่สามารถที่จะนําไปสู่ทางออกการปรองดองได้
นายสมบัติกล่าวถึงกรณีมีป้ายข้อความมาขึงบริเวณเสาป้ายแยกราชประสงค์ว่า ป้ายดังกล่าวตนมีความรู้สึกว่า ที่เราเคยขึ้นคําสโลแกนว่า "ทูเก็ตเตอร์ วีแคน" มันเป็นรูปแบบการสร้างวาทะกรรม ซึ่งคําว่า วีไม่มีแดง ไม่มีคนตาย ไม่มีคนบาดเจ็บ คําว่าวีตรงนี้มันเป็นวีที่ตลกมาก ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามที่จะสร้างพื้นที่ที่พูดถึงสิ่งที่พวก ทูเก็ตเตอร์ วีแคน ไม่ได้พูดถึง คือ คนตาย คนบาดเจ็บ เรากำลังรําลึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่คุณเอาป้าย "ทูเก็ตเตอร์ วีแคน" มาแปะเพื่อบอกให้เราหยุด ตกลงเราไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคุณใช่ไหม ของคําว่าเรา คําว่าวีของเรามันไม่ใช่เหรอ คุณทำอย่างนี้คุณผลักเราออกจากสังคมไทย เหมือนที่"พงษ์พัฒน์"ทําอย่างนั้นใช่ไหม ผลักเราออกมา ไล่เราออกมาจากสังคม ไม่ให้มีที่ยืน ไม่ยอมรับว่าเราเป็นเรา คนอื่นที่แตกต่างเป็นเรา และเราก็เสียใจเรื่องการเผาที่เกิดขึ้น พวกเราเองหลายคนก็เสียใจ ไม่ได้สนับสนุนสิ่งเหล่านี้ แต่ว่ามันเป็นจลาจล มันเป็นภาวะจลาจล ต้องทําความเข้าใจเรื่องนี้
นายสมบัติกล่าวว่า ในวาระครบรอบ 2 เดือนที่ได้กลับมาแล้วเห็นป้ายนี้ที่ราชประสงค์ เพียงแค่เรามาผูกผ้า พวกคุณทนไม่ได้เลยหรือ ผมคิดว่ามันเป็นความรักที่อํามหิต มันเป็นความสงบที่เหมือนเอา "เท้าไปอุดปาก" แล้วก็อ้างเรื่องความสงบ จริงๆ แล้วไม่ใช่สงบ มันเป็นการคุกคามคนที่แตกต่าง และเพียงคนที่แตกต่างแสดงออกในรูปแบบของสัญลักษณ์ ซึ่งไม่ก่อความรุนแรงอะไรเลย ไม่ได้นําไปสู่ ไม่ใช่การชุมนุม คิดว่าคนที่มาต่อต้านเรา มาตำหนิเราต้องเข้าใจ ต้องเปิดใจเรียนรู้ ไม่อย่างนั้นเราจะนําไปสู่สังคมที่ปรองดอง หรือข้ามพ้นเรื่องราวแบบนี้ไปไม่ได้ นี่คือโจทย์ที่เขาต้องเรียนรู้บนความแตกต่าง ต้องเปิดกว้างให้เรามีพื้นที่
"สิ่งที่สูญเสียนั้นมันไม่ใช่แค่ตึก หรือห้างสรรพสินค้า มันมีเรื่องชีวิตจริงๆ อันนี้เป็นความจริง ที่ต้องทําให้สมบูรณ์ และการที่เรามาจัดงานรำลึก 2 เดือนนี้ เป็นการเปิดเผยความจริงในช่วง 2 เดือนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น การสูญเสียอาชีพหรือทรัพย์สินอื่นๆ เป็นความจริงเช่นกัน แต่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องเอาความจริงของเขากับความจริงของเรามารวมกัน คือความจริงของสังคม" แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงกล่าว
นายสมบัติกล่าวอีกว่า กิจกรรมที่เคยจัดที่ผ่านมา พบว่าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร เป็นกิจกรรมระยะสั้นๆ ก็สลายตัวกันไป แค่เป็นการมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เท่านั้น และเป็นรูปแบบที่ไม่สร้างผลกระทบให้กับผู้ประกอบการย่านนั้นแน่นอน จะเห็นว่าผู้มาร่วมงานต่างก็เข้าไปจับจ่ายใช้สอยซื้อดอกไม้ตามห้างต่างๆ มาร่วมในพิธี ยิ่งทําให้เศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งนี้การจัดกิจกรรมวันที่ 18 ก.ค.นี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะทราบมาว่าเจ้าหน้าที่มีความพยายามที่จะจับกุมเป็นครั้งที่ 2 ตนขอบอกไว้เลยว่าแม้จะควบคุมตัวแล้ว กิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ รูปแบบการแสดงออกที่เป็นแบบนี้มันจะยังคงจะดําเนินการต่อไป ตนไม่ได้เป็นปัจจัยชี้ขาดแล้ว เพราะไม่ใช่แกนนํา และได้นำเสนอแล้ว รูปแบบนี้ก็ได้รับการขานรับดี ไม่มีความรุนแรง
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า คิดว่าหากพวกเราไม่สามารถทํากิจกรรมอะไรได้อีก ตรงนี้เสียอีกที่เป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมขณะนี้ พยายามจัดการกับคนที่มีความคิดต่าง ทั้งนี้ การที่มีหลายกลุ่มออกมาต่อต้านไม่ให้เราจัดกิจกรรมที่ราชประสงค์ ก็เพื่อต้องการให้คนลืมเรื่องเหตุการณ์ร้ายๆ ที่ผ่านมา สิ่งที่เราต้องเดินทางต่อ คือ การถอดบทเรียน เราต้องถอดบทเรียนข้อเท็จจริง ความเจ็บปวดนั้น ใครก็ตามที่เสนอว่าให้ลืม ตนมีโวหาร 2 ประการ คือ 1.โกหก มันเป็นเทคนิคการบิดเบือน 2.วิธีคิดนี้เป็นวิธีคิดที่ไร้เดียงสา
นายสมบัติยังให้ความคิดเห็นถึงกรณีมาร์ค วี 11 ถูกกดดันจากกลุ่มสนับสนุนนายกฯอภิสิทธิ์จนต้องตัดสินใจขอถอนตัวจากเอเอฟ ว่า คนที่มีความคิดเห็นแบบมาร์ค วี 11 บนอินเตอร์เน็ตนั้น ไม่ใช่มีเพียงคนเดียว หรือสิบคน หรือร้อยคน แต่มีเป็นหมื่นๆ คน และเรื่องของมาร์ค วี 11 นี้ไม่ใช่เรื่องประหลาด เป็นความคิดที่เป็นสากล มีคนจํานวนมากที่คิดแบบนี้ จะบอกให้ว่าถ้ารวมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตแบบนี้ด้านนอก มีเป็นล้านคนที่ด่าที่บ่นอภิสิทธิ์ นายกฯอภิสิทธิ์ลองไปเดินตลาดดูบ้างโดยไม่ต้องมีบอดี้การ์ด ลงไปถามกับชาวบ้าน ตามสภากาแฟ มีสภากาแฟที่ไหนไม่ด่ามาร์ค การด่ารัฐบาลมันเป็นเรื่องปกติ ความไม่ปกติอยู่ตรงที่การเอาเด็กคนหนึ่ง ซึ่งมีพฤติกรรม ปกติในสังคมมาเสียบประจานที่เรียกว่า "ล่าแม่มด" และทําสําเร็จด้วย แต่ตนไม่รู้ว่ามันน่าภาคภูมิใจอะไรที่คนมีอํานาจทําอย่างนั้นกับเด็ก คนที่มีพื้นที่ทางการเมือง คุณไม่สามารถหุบปากเขาได้ แต่พอเด็กคุณไปหุบปากได้แล้วภาคภูมิใจ เอาพ่อเอาแม่มา กราบขอโทษ ขอขมา
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในบ้านอะคาเดมี แฟนเทเชียว่า ในคลาสสุดท้ายของคืนวันเสาร์ที่ 10 ก.ค. ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ในบ้านกับเพื่อนๆ ในฐานะนักล่าฝัน วี 11 ประจำซีซั่น 7 ของมาร์ค วิทวัส ท้าวคำลือ ที่ตอนนี้ภายนอกรับรู้กันแล้วว่าเสาร์นี้จะเป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายของเขาก่อนจะถอนตัวออกจากรายการ ในขณะที่เพื่อนๆ ในคลาสยังไม่รับรู้เรื่องราวที่จะเกิดขึ้น ครูปุ้ม ครูใหญ่ประจำบ้านฝ่ายหญิงได้เปิดโอกาสให้ทุกคนพูดฝากถึงเพื่อนๆ ทุกคน โดยทำเหมือนว่าถ้าตัวเองเป็นคนแรกที่ต้องออกจากบ้านไปในวันพรุ่งนี้ มาร์คผู้ซึ่งรู้ตัวเองดีอยู่แล้ว จึงถือโอกาสนี้บอกลาเพื่อนๆ ทีละคน ก่อนจะพูดทิ้งท้ายไปร้องไห้ไปในตอนท้ายว่า
"ถ้ามาร์คได้ออกก็เสียใจ เพราะอยากใช้ชีวิตร่วมกับทุกคนให้มากกว่านี้ อยากให้เราสนิทกัน อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตร่วมกันต่อไปในบ้าน หวังว่าเราคงจะเจอกันสักวัน หวังว่าเราจะไปเที่ยวป่าด้วยกัน อย่าลืมถ้าเกิดไปได้ พรุ่งนี้แม้จะเป็นวันสุดท้ายของใครในบ้านหลังนี้ อยากขอให้ทุกคนจดจำทุกอย่างที่เคยร่วมทำด้วยกันมา แม้จะมีช่วงที่ดีและร้าย บางคนอาจไม่เคยเห็นมาร์คร้องไห้ก็เห็นซะ แม้พรุ่งนี้ไม่มีใครอยู่ก็อยากให้รักกัน สู้เผื่อคนที่จะออกไปด้วย ให้คิดว่าเขาก็อยากนั่งอยู่ตรงนี้ ให้คิดว่าเขาก็อยากทำเต็มที่เหมือนที่ทุกคนอยากทำ แม้ว่าคนๆ นั้นอยากออกหรือไม่อยากออกก็ตาม อยากให้ทุกคนสู้เพื่อเขาคนนั้น การได้อยู่ก็ดี" มาร์คกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และหยุดเป็นบางช่วง
มาร์คกล่าวต่อพร้อมน้ำตารื้นว่า "ขอบคุณพ่อแม่ ขอบคุณที่ทุกคนเป็นกำลังใจให้ทุกเรื่อง ขอบคุณที่เข้าใจกัน ขอบคุณที่รับรู้ อยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยโหวตแม้เราจะไม่รู้จักกัน ขอบคุณมากที่ช่วยโหวตให้มาร์คได้โจทย์เพลงปริศนา น่ารักมาก รักทุกคนมาก ไม่อยากให้ใครออกเลย ถึงแม้จะเป็นตัวมาร์คหรือน้องคนไหนก็ตาม ขอให้ทุกคนทำให้ดีที่สุดบนเวที ให้เต็มที่ให้เต็มพาว อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเราก็ได้ อย่ากลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดี ใส่มันให้หนักๆ อยากขอบคุณมาก ขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจ รู้ว่าทุกคนรัก"
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังแฟนคลับหญิงรายหนึ่งอายุประมาณ 50 ปี ไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อ ที่เดินทางจากย่านปากเกร็ด มาเชียร์มาร์ค วี 11 กล่าวว่า วันนี้มาเชียร์น้องมาร์ค ถ้าเกิดพูดถึงเรื่องเสียงเพลง ความสามารถ วันนี้น้องเขาชนะเลิศแน่นอน ส่วนกับคำ วิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าน้องพูดหยาบคาย ตนคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กผู้ชาย เพราะว่าตนเองก็มีลูกชายวัยเท่านี้เช่นเดียวกัน และคำว่า เหี้ย.. เขาก็พูดกันเป็นปกติ
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า วันนี้รู้สึกอย่างไรที่น้องมาร์คจะขึ้นเวทีเป็นครั้งสุดท้าย แฟนคลับรุ่นใหญ่ตอบว่า วันนี้ตนได้เตรียมผ้าเช็ดหน้ามาด้วย และรอปาฏิหาริย์อย่างเดียว วันที่น้องเขาแถลงข่าวลาออก ตนรู้สึกว่าเด็กมีสปิริตมากกว่าผู้ใหญ่ ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งจะเข้ามา ตนเป็นแฟนของเอเอฟและดูมาทุกซีซั่น ตอนแรกที่ทางทรูฯ บอกว่า ที่น้องแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กมันเป็นเรื่องส่วนตัว ทำมาก่อนที่จะเข้ามาประกวด ซึ่งดูตามกฎระเบียบแล้วไม่ได้มีข้อไหนผิด และให้น้องอยู่ต่อทำให้คนชื่นชม แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกผิดหวังมากๆ ที่ให้น้องออก จริงๆ เรื่องนี้ควรจะให้ผู้ใหญ่ทางทรูฯ พูดบ้าง แต่นี่กลายเป็นเด็กพูดฝ่ายเดียว
ด้านน้องแอ้ม วัย 26 ปี ซึ่งไม่ยอมเปิดเผยชื่อจริงเช่นเดียวกัน แฟนคลับอีกคนที่ได้เดินทางมาเพื่อให้กำลังใจมาร์ค กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่น้องมาร์คขอขึ้นเวทีในครั้งนี้ และก็ดีใจที่ทางทรูฯ ยอมให้น้องขึ้น จริงๆ แล้วน่าจะให้น้องขึ้นตั้งแต่ครั้งที่แล้วด้วยซ้ำไป เพราะครั้งที่แล้วแฟนคลับที่มาเชียร์ก็ไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อนว่าน้องไม่ได้ขึ้น ทุกคนตั้งใจมาเชียร์เต็มที่ อย่างมีแฟนคลับกลุ่มหนึ่งที่อยู่เชียงใหม่ถึงขนาดนั่งเครื่องบินเพื่อมาเชียร์กันถึงที่นี่ แต่พอทราบว่าน้องมาร์คไม่ได้ขึ้นเวที พวกเราก็รู้สึกแปลกใจและก็เสียใจ ครั้งนี้น้องกลุ่มนั้นที่มาจากเชียงใหม่ไม่สามารถจะมาได้เพราะติดเรียน จึงไม่มีโอกาสที่จะมาให้กำลังใจน้องมาร์คเหมือนกับพวกตนที่อยู่ที่กรุงเทพฯ
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า รู้สึกอย่างไรที่น้องมาร์คออกมาแถลงข่าวลาออก น้องแอ้มกล่าวว่า น้องได้ออกมาแถลงข่าวแล้ว เขาก็รับผิดในสิ่งที่เขาพูด ตนเองเข้าใจว่าสิ่งที่เขาพูดไปในตอนนั้นเพราะได้รับข่าวสารต่างๆ จากทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งเขาก็คงจะคิดเหมือนเรา เพราะตอนนั้นบ้านเมืองวิกฤต แม้แต่ตนเองก็ยังคิดว่าตอนนั้นรัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไร อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ยอมหยุด รัฐบาลทำอะไรไม่ได้ก็น่าจะลาออกไป เราโมโหก็เลยคิดไปแบบนั้น น้องเขาก็คงรู้สึกเหมือนกับเรา แต่ส่วนตัวแล้วตนไม่ได้อยู่ฝ่ายไหน แต่พอเกิดเหตุการณ์ที่ไม่จบสิ้นก็ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปอีกว่า ถ้าเกิดมีการให้โหวตน้องกลับมาเข้าบ้านอีกจะโหวตหรือไม่ น้องแอ้มก็บอกว่า แน่นอน ต้องช่วยเหลือน้องอยู่แล้ว และก็เชื่อว่าแฟนคลับทุกคนก็จะโหวตเหมือนกัน
ทางด้านนายวทัญญู ท้าวคำลือ บิดาของน้องมาร์ค วี 11 เปิดใจก่อนที่จะเข้าไปเชียร์ลูกชายว่า ดีใจที่ลูกชายมีโอกาสที่จะได้ขึ้นเวทีในครั้งนี้ มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาจะสามารถทำได้ขนาดไหน ถ้าเขาทำได้ไม่ดีเขาก็ต้องกลับไปอยู่บ้าน แต่ถ้าเขาทำได้ดีก็ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า จะยังให้น้องมาร์คอยู่ในวงการบันเทิงอยู่อีกหรือเปล่าถ้าหากว่าไม่สามารถผ่านคืนนี้ไปได้ นายวทัญญูกล่าวว่า เราเคารพในการตัดสินใจของลูกว่าเขาจะอยู่ในวงการต่อหรือเขาจะไปอยู่ที่ค่ายเจวายพี ที่เกาหลี ซึ่งก็จะต้องคอยดูว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่เราต้องการในตอนนี้ก็คือการเป็นครอบครัว ที่ได้อยู่กันพร้อมพี่ๆ น้องๆ ถ้าเกิดว่าไม่ได้ร้องเพลงที่เวทีนี้อีก เราก็ยังได้ไปร้องเพลงที่โบสถ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางค่ายเจวายพีมีการติดต่อกลับมาแล้วหรือยัง นายวทัญญูก็ตอบว่า ใช่ เขาตอบกลับมาแล้ว โดยก่อนหน้านี้ลูกชายเป็นคนส่งเดโมเทปไปที่ค่ายนี้เอง ส่วนว่าเราจะไปหรือไม่ไปก็ขอให้ลูกชายเป็นคนตัดสินใจเอง เราให้เกียรติในการตัดสินใจของลูก ต่อข้อถามว่าหลังจากที่ออกมาแถลงข่าว กระแสออกมาเป็นอย่างไรบ้าง นายวทัญญูกล่าวว่า มีทั้งคนที่เสียใจ เห็นใจ บางคนก็ว่าเราสร้างภาพ ซึ่งเราเองไม่ได้สร้างภาพ ครอบครัวทุกครอบครัวเลี้ยงลูกมาไม่เหมือนกัน ครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้ดีเลิศ ก็ต้องมีขาดตกบกพร่องกันบ้าง ส่วนคนรอบข้างที่ให้กำลังใจก็มีเยอะ ทุกคนเข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า หลังจากที่น้องออกจากบ้านเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของลูกชายหรือไม่ นายวทัญญูตอบว่า ห่วงมากที่สุด เพราะหลังจากที่เขาออกมาพูดให้สังคมได้รับรู้ ก็มีทั้งคนเข้าใจและคนไม่เข้าใจ ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า จะให้ลูกชายเรียนเกี่ยวกับการเมืองหรือเปล่า นายวทัญญูตอบว่า อันนี้ก็ต้องให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง ที่บ้านเลี้ยงลูกแบบประชาธิปไตย ให้เขาเลือกอนาคตของตัวเองทั้งหมดว่าเขาอยากจะเลือกเรียนด้านไหน และถ้าเกิดว่าลูกชายออกมาก็วางแผนว่าจะให้ลูกชายไปเรียนต่อต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า รู้สึกอย่างไรที่ตอนนี้ทางแฟนคลับของมาร์คกล่าวโจมตีทางผู้ใหญ่ของทรูฯ นายวทัญญูกล่าวว่า อยากจะให้มันจบ เขาทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว ตนไม่อยากจะพูดอะไร แต่ก็ต้องขอขอบคุณทางทรูฯ ที่ให้โอกาสลูกชายได้ขึ้นแสดงความสามารถในครั้งนี้ และขอบคุณครูทุกคนที่ได้สอนลูกชายในครั้งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศด้านนอกธันเดอร์โดม เมืองทองธานี สถานที่จัดการแข่งขันร้องเพลง อคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซั่น 7 ว่า เต็มไปด้วยความคึกคัก เมื่อบรรดาแฟนคลับนักล่าฝันทั้ง 12 คน ทยอยกันเดินทางเข้ารอการเข้าชมของอนาคตศิลปินที่ชื่นชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาแฟนคลับของมาร์ค วี 11 ประมาณ 50-60 คน ต่างพากันสวมเสื้อยืดคอกลมสีชมพู ด้านหน้ามีข้อความภาษาอังกฤษว่า MARK โดยอักษรเอ็ม ออกแบบให้เป็นรูปหัวใจสีแดง ส่วนด้านหลังมีอักษร V 11 ขนาดใหญ่อยู่กลางหลัง นอกจากนั้นยังมีผู้นำเสื้อดังกล่าววางขายให้บรรดาแฟนคลับในราคาตัวละ 120 บาท โดยทั้งหมดรวมตัวกันอยู่บริเวณด้านข้างธันเดอร์โดม ร้องตะโกนเชียร์ให้กำลังใจนายวิทวัสตลอดเวลา นอกจากนั้น นายวทัญญู และนางเร็จวรรณา บิดาและมารดาของนายวิทวัส ยังเข้าพูดคุยกับบรรดาแฟนคลับของลูกชายอย่างเป็นกันเอง ทั้งนี้ แฟนคลับมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการถอนตัวออกจากการแข่งขันครั้งนี้ โดยส่วนใหญ่มองว่าไม่ควรนำเรื่องเกี่ยวกับการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการแข่งขันของเด็ก แต่ทุกคนยอมรับการตัดสินใจของนายวิทวัสครั้งนี้
สำหรับนักล่าฝันขึ้นเวทีรวม 12 คน ประกอบด้วย วี 4 นิว ในเพลง "อย่ายอมแพ้" อ้อม สุนิสา, วี 8 กรีน "ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ" อินคา, วี 9 ผ้าแพร "ไม่ยากหรอก" คริสติน่า, วี 10 บอส "ประมาณนี้ (รึเปล่า)" เจ เจตริน, วี 1 มีน "ฉันเลยโอเค" ต่าย เพ็ญพักตร์, วี 12 ปอ "ไม่รักก็บ้า" มอส ปฏิภาณ, วี 3 เบน "เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม" บิลลี่, วี 6 น้ำแข็ง "ให้เธอ" วสันต์ โชติกุล, วี 7 ปั๋ม "ขอเพียงที่พักใจ" มาลีวัลย์, วี 5 นัตตี้ "กดดัน" แอม เสาวลักษณ์, วี 2 เกรป "อาจจะเป็นคนนี้" แหวน ฐิติมา และ วี 11 มาร์ค "ขออุ้มหน่อย" เบิร์ด ธงไชย
ก่อนที่จะถึงช่วงการแสดงคอนเสิร์ตเปิดตัวการแข่งขัน "ทรู อะคาเดมี แฟนเทเชีย" หรือเอเอฟ ได้มีการโหวตให้คะแนนกับผู้เข้าประกวดในแต่ละคนที่แฟนๆ ชื่นชอบผ่านยูบีซีและอินเตอร์เน็ต พบว่าข้อความที่ประชาชนโหวตส่วนใหญ่เป็นการให้กำลังใจมาร์ค วี 11 เช่น รักมาร์ค วี 11 ตลอดไป, เป็นกำลังใจให้มาร์ค ขอให้มีอนาคตที่ดี, เป็นกำลังใจให้มาร์ค สู้ต่อไป อย่าได้แคร์คำติฉินนินทา เก็บมันมาเป็นพลัง, ขอปาฏิหาริย์สักครั้งได้มั้ยคะทรู ให้มาร์คได้อยู่ต่อ ให้มาร์คได้ล่าฝันอีกครั้ง ขอเถอะสงสารมาร์คมาก ถ้าพูดถึง AF 7 มาร์คเป็นชื่อแรกที่เรานึกถึง, สู้ๆ นะมาร์ค เรื่องบางเรื่องไม่ได้ร้ายแรง แต่คนหลายคนทำให้มันร้ายแรงได้, คนทำร้ายเด็กอายุ 17 นี่ใจดำจริงๆ คนที่ชีวิตจะบรรลัยก็ไอ้คนนั้นแหละ
สั่งลา - "มาร์ค วี 11"วิทวัส ท้าวคำลือ (คนกลาง) ขึ้นสั่งลาเวทีเอเอฟ ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี เมื่อคืนวันที่ 17 ก.ค. หลังประกาศถอนตัวเพื่อแสดงสปิริต แม้จะมีคะแนนโหวตนำโด่ง โดยมีแฟนคลับไปให้กำลังใจจำนวนมาก |
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ก.ค. ที่วัดปทุมวนาราม ราชประสงค์ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบ.ก.ลายจุด ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกระจกเงา และแกนนํากลุ่มวันอาทิตย์สีแดง นําสมาชิกกลุ่ม "วันอาทิตย์สีแดง" และกลุ่ม "ที่นี่มีคนตาย" ประมาณ 100 คน สวมเสื้อหลากหลายสี มาร่วมทําบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับคนเสื้อแดงที่เสียชีวิต ช่วงที่มีการสลายการชุมนุม จํานวน 90 ศพ และทําบุญให้กับกลุ่มแพทย์อาสาพยาบาลและกู้ภัยที่เสียชีวิตภายในเต็นท์หน้าวัดปทุมฯ จำนวน 6 ศพ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งทําบุญเนื่องในวันครบรอบ 2 เดือนของการสลายการชุมนุม โดยมีพระสงฆ์ร่วมพิธี 10 รูป นอกจากนี้ ภายในงานมีนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ แกนนํานปช. ที่รอดพ้นจากการถูกออกหมายเรียกของศอฉ.เพียงคนเดียว เดินทางมาร่วมทำบุญครั้งนี้ด้วย
ภายหลังจากเสร็จพิธีสงฆ์แล้ว นายสมบัติและนายวรวุฒิ นําสมาชิกทั้งหมดเดินดูร่องรอยรูกระสุนปืนภายในวัด เพื่อเป็นการรำลึกถึงคืนโหดร้ายในวันที่ 19 พ.ค. ที่มีการใช้อาวุธปืนสงครามยิงลงมาจากบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส เข้าใส่คนเสื้อแดงที่หลบอยู่ภายในวัด ทั้งที่มีการประกาศเป็นเขตอภัยทาน จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจํานวนมาก
หลังจากนั้นนําสมาชิกมาร่วมยืนไว้อาลัย และวางดอกกุหลาบสีแดงบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าพระอุโบสถ ยืนสงบนิ่ง 1 นาที ก่อนแยกย้ายกันกลับ และนัดรวมตัวกันอีกครั้งวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค. ซึ่งเป็นวันครบรอบ 2 เดือนการสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ ทั้งนี้ ระหว่างทําพิธีมีเจ้าหน้าที่ตํารวจสน.ปทุมวัน เข้ามาสังเกตการณ์ โดยไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณป้ายสี่แยกราชประสงค์ ตรงข้ามศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กลุ่มผู้ประกอบการราชประสงค์ร่วมกับกรุงเทพมหานคร นําป้ายพร้อมข้อความมาขึงบริเวณใต้ป้ายดังกล่าว ข้อความว่า "ที่ผ่านมา ราชประสงค์บอบช้ำ โปรดอย่างซ้ำเติม เราอีกเลย"
นายสมบัติกล่าวว่า การมาทําบุญครบรอบ 2 เดือนครั้งนี้ เป็นจิตวิญญาณภายใน และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตนมาร่วมงานภายในวัดปทุมฯ ตนรู้สึกได้เลยว่าทําให้ความเร่าร้อนที่อยู่ภายในสงบลง และคิดว่านี้คือกระบวนการจิตบำบัดอย่างหนึ่ง เป็นกระบวนการที่เป็นคุณกับคนเสื้อแดง และเป็นคุณหากเสื้อแดงลดความรุนแรงลงได้ ก็เป็นคุณกับรัฐ เพราะรัฐกลัวคนเสื้อแดงจะคลุ้มคลั่ง กลัวลงใต้ดิน คนเสื้อแดงที่มาวัดแบบนี้ไม่ใช่กองกำลังอะไร ควรจะส่งเสริม แต่มันขึ้นอยู่กับการตีความ ถ้าตีความผิดพลาดมองว่าการมาชุมนุม การมาทําบุญกันที่วัดเป็นรูปแบบก่อการสุมหัว ถ้าถูกตีความแบบนี้ ก็เป็นเรื่องของรัฐที่จะต้องใช้กฎหมาย และอธิบายต่อสังคมว่า ทำไมคนเหล่านี้ถึงผิด
แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงกล่าวต่อว่า ทั้งนี้กิจกรรมวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค. จะเริ่มเวลา 17.00 น.เป็นต้นไป โดยไปผูกผ้าแดงรอบราชประสงค์ นอนตายบนถนน และจุดเทียนไว้อาลัย ทั้งนี้รูปแบบการนอนตายเป็นการแสดงสัญลักษณ์ที่ชัดมาก เพื่อตอกย้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา และประเด็นที่ยังกังขาสังคมตอนนี้ คืออีกฝ่ายพูดไม่จบ พูดไม่หมด ทําให้สังคมไม่สามารถที่จะนําไปสู่ทางออกการปรองดองได้
นายสมบัติกล่าวถึงกรณีมีป้ายข้อความมาขึงบริเวณเสาป้ายแยกราชประสงค์ว่า ป้ายดังกล่าวตนมีความรู้สึกว่า ที่เราเคยขึ้นคําสโลแกนว่า "ทูเก็ตเตอร์ วีแคน" มันเป็นรูปแบบการสร้างวาทะกรรม ซึ่งคําว่า วีไม่มีแดง ไม่มีคนตาย ไม่มีคนบาดเจ็บ คําว่าวีตรงนี้มันเป็นวีที่ตลกมาก ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามที่จะสร้างพื้นที่ที่พูดถึงสิ่งที่พวก ทูเก็ตเตอร์ วีแคน ไม่ได้พูดถึง คือ คนตาย คนบาดเจ็บ เรากำลังรําลึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่คุณเอาป้าย "ทูเก็ตเตอร์ วีแคน" มาแปะเพื่อบอกให้เราหยุด ตกลงเราไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคุณใช่ไหม ของคําว่าเรา คําว่าวีของเรามันไม่ใช่เหรอ คุณทำอย่างนี้คุณผลักเราออกจากสังคมไทย เหมือนที่"พงษ์พัฒน์"ทําอย่างนั้นใช่ไหม ผลักเราออกมา ไล่เราออกมาจากสังคม ไม่ให้มีที่ยืน ไม่ยอมรับว่าเราเป็นเรา คนอื่นที่แตกต่างเป็นเรา และเราก็เสียใจเรื่องการเผาที่เกิดขึ้น พวกเราเองหลายคนก็เสียใจ ไม่ได้สนับสนุนสิ่งเหล่านี้ แต่ว่ามันเป็นจลาจล มันเป็นภาวะจลาจล ต้องทําความเข้าใจเรื่องนี้
แฟนคลับ - นายวทัญญู นางเร็จวรรณา ท้าวคำลือ พ่อและแม่ พร้อมด้วยแฟนคลับจำนวนมากเข้าไปให้กำลังใจ "มาร์ค วี 11" ในการแสดงสั่งลาเวทีเอเอฟ ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี วันที่ 17 ก.ค. |
นายสมบัติกล่าวว่า ในวาระครบรอบ 2 เดือนที่ได้กลับมาแล้วเห็นป้ายนี้ที่ราชประสงค์ เพียงแค่เรามาผูกผ้า พวกคุณทนไม่ได้เลยหรือ ผมคิดว่ามันเป็นความรักที่อํามหิต มันเป็นความสงบที่เหมือนเอา "เท้าไปอุดปาก" แล้วก็อ้างเรื่องความสงบ จริงๆ แล้วไม่ใช่สงบ มันเป็นการคุกคามคนที่แตกต่าง และเพียงคนที่แตกต่างแสดงออกในรูปแบบของสัญลักษณ์ ซึ่งไม่ก่อความรุนแรงอะไรเลย ไม่ได้นําไปสู่ ไม่ใช่การชุมนุม คิดว่าคนที่มาต่อต้านเรา มาตำหนิเราต้องเข้าใจ ต้องเปิดใจเรียนรู้ ไม่อย่างนั้นเราจะนําไปสู่สังคมที่ปรองดอง หรือข้ามพ้นเรื่องราวแบบนี้ไปไม่ได้ นี่คือโจทย์ที่เขาต้องเรียนรู้บนความแตกต่าง ต้องเปิดกว้างให้เรามีพื้นที่
"สิ่งที่สูญเสียนั้นมันไม่ใช่แค่ตึก หรือห้างสรรพสินค้า มันมีเรื่องชีวิตจริงๆ อันนี้เป็นความจริง ที่ต้องทําให้สมบูรณ์ และการที่เรามาจัดงานรำลึก 2 เดือนนี้ เป็นการเปิดเผยความจริงในช่วง 2 เดือนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น การสูญเสียอาชีพหรือทรัพย์สินอื่นๆ เป็นความจริงเช่นกัน แต่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องเอาความจริงของเขากับความจริงของเรามารวมกัน คือความจริงของสังคม" แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงกล่าว
นายสมบัติกล่าวอีกว่า กิจกรรมที่เคยจัดที่ผ่านมา พบว่าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร เป็นกิจกรรมระยะสั้นๆ ก็สลายตัวกันไป แค่เป็นการมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เท่านั้น และเป็นรูปแบบที่ไม่สร้างผลกระทบให้กับผู้ประกอบการย่านนั้นแน่นอน จะเห็นว่าผู้มาร่วมงานต่างก็เข้าไปจับจ่ายใช้สอยซื้อดอกไม้ตามห้างต่างๆ มาร่วมในพิธี ยิ่งทําให้เศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งนี้การจัดกิจกรรมวันที่ 18 ก.ค.นี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะทราบมาว่าเจ้าหน้าที่มีความพยายามที่จะจับกุมเป็นครั้งที่ 2 ตนขอบอกไว้เลยว่าแม้จะควบคุมตัวแล้ว กิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ รูปแบบการแสดงออกที่เป็นแบบนี้มันจะยังคงจะดําเนินการต่อไป ตนไม่ได้เป็นปัจจัยชี้ขาดแล้ว เพราะไม่ใช่แกนนํา และได้นำเสนอแล้ว รูปแบบนี้ก็ได้รับการขานรับดี ไม่มีความรุนแรง
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า คิดว่าหากพวกเราไม่สามารถทํากิจกรรมอะไรได้อีก ตรงนี้เสียอีกที่เป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมขณะนี้ พยายามจัดการกับคนที่มีความคิดต่าง ทั้งนี้ การที่มีหลายกลุ่มออกมาต่อต้านไม่ให้เราจัดกิจกรรมที่ราชประสงค์ ก็เพื่อต้องการให้คนลืมเรื่องเหตุการณ์ร้ายๆ ที่ผ่านมา สิ่งที่เราต้องเดินทางต่อ คือ การถอดบทเรียน เราต้องถอดบทเรียนข้อเท็จจริง ความเจ็บปวดนั้น ใครก็ตามที่เสนอว่าให้ลืม ตนมีโวหาร 2 ประการ คือ 1.โกหก มันเป็นเทคนิคการบิดเบือน 2.วิธีคิดนี้เป็นวิธีคิดที่ไร้เดียงสา
นายสมบัติยังให้ความคิดเห็นถึงกรณีมาร์ค วี 11 ถูกกดดันจากกลุ่มสนับสนุนนายกฯอภิสิทธิ์จนต้องตัดสินใจขอถอนตัวจากเอเอฟ ว่า คนที่มีความคิดเห็นแบบมาร์ค วี 11 บนอินเตอร์เน็ตนั้น ไม่ใช่มีเพียงคนเดียว หรือสิบคน หรือร้อยคน แต่มีเป็นหมื่นๆ คน และเรื่องของมาร์ค วี 11 นี้ไม่ใช่เรื่องประหลาด เป็นความคิดที่เป็นสากล มีคนจํานวนมากที่คิดแบบนี้ จะบอกให้ว่าถ้ารวมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตแบบนี้ด้านนอก มีเป็นล้านคนที่ด่าที่บ่นอภิสิทธิ์ นายกฯอภิสิทธิ์ลองไปเดินตลาดดูบ้างโดยไม่ต้องมีบอดี้การ์ด ลงไปถามกับชาวบ้าน ตามสภากาแฟ มีสภากาแฟที่ไหนไม่ด่ามาร์ค การด่ารัฐบาลมันเป็นเรื่องปกติ ความไม่ปกติอยู่ตรงที่การเอาเด็กคนหนึ่ง ซึ่งมีพฤติกรรม ปกติในสังคมมาเสียบประจานที่เรียกว่า "ล่าแม่มด" และทําสําเร็จด้วย แต่ตนไม่รู้ว่ามันน่าภาคภูมิใจอะไรที่คนมีอํานาจทําอย่างนั้นกับเด็ก คนที่มีพื้นที่ทางการเมือง คุณไม่สามารถหุบปากเขาได้ แต่พอเด็กคุณไปหุบปากได้แล้วภาคภูมิใจ เอาพ่อเอาแม่มา กราบขอโทษ ขอขมา
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในบ้านอะคาเดมี แฟนเทเชียว่า ในคลาสสุดท้ายของคืนวันเสาร์ที่ 10 ก.ค. ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ในบ้านกับเพื่อนๆ ในฐานะนักล่าฝัน วี 11 ประจำซีซั่น 7 ของมาร์ค วิทวัส ท้าวคำลือ ที่ตอนนี้ภายนอกรับรู้กันแล้วว่าเสาร์นี้จะเป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายของเขาก่อนจะถอนตัวออกจากรายการ ในขณะที่เพื่อนๆ ในคลาสยังไม่รับรู้เรื่องราวที่จะเกิดขึ้น ครูปุ้ม ครูใหญ่ประจำบ้านฝ่ายหญิงได้เปิดโอกาสให้ทุกคนพูดฝากถึงเพื่อนๆ ทุกคน โดยทำเหมือนว่าถ้าตัวเองเป็นคนแรกที่ต้องออกจากบ้านไปในวันพรุ่งนี้ มาร์คผู้ซึ่งรู้ตัวเองดีอยู่แล้ว จึงถือโอกาสนี้บอกลาเพื่อนๆ ทีละคน ก่อนจะพูดทิ้งท้ายไปร้องไห้ไปในตอนท้ายว่า
"ถ้ามาร์คได้ออกก็เสียใจ เพราะอยากใช้ชีวิตร่วมกับทุกคนให้มากกว่านี้ อยากให้เราสนิทกัน อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตร่วมกันต่อไปในบ้าน หวังว่าเราคงจะเจอกันสักวัน หวังว่าเราจะไปเที่ยวป่าด้วยกัน อย่าลืมถ้าเกิดไปได้ พรุ่งนี้แม้จะเป็นวันสุดท้ายของใครในบ้านหลังนี้ อยากขอให้ทุกคนจดจำทุกอย่างที่เคยร่วมทำด้วยกันมา แม้จะมีช่วงที่ดีและร้าย บางคนอาจไม่เคยเห็นมาร์คร้องไห้ก็เห็นซะ แม้พรุ่งนี้ไม่มีใครอยู่ก็อยากให้รักกัน สู้เผื่อคนที่จะออกไปด้วย ให้คิดว่าเขาก็อยากนั่งอยู่ตรงนี้ ให้คิดว่าเขาก็อยากทำเต็มที่เหมือนที่ทุกคนอยากทำ แม้ว่าคนๆ นั้นอยากออกหรือไม่อยากออกก็ตาม อยากให้ทุกคนสู้เพื่อเขาคนนั้น การได้อยู่ก็ดี" มาร์คกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และหยุดเป็นบางช่วง
รำลึก - นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบ.ก.ลายจุด แกนนำ กลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ร่วมทำบุญอุทิศให้ผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมของคนเสื้อแดง และดูร่องรอยลูกปืนภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 17 ก.ค. |
มาร์คกล่าวต่อพร้อมน้ำตารื้นว่า "ขอบคุณพ่อแม่ ขอบคุณที่ทุกคนเป็นกำลังใจให้ทุกเรื่อง ขอบคุณที่เข้าใจกัน ขอบคุณที่รับรู้ อยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยโหวตแม้เราจะไม่รู้จักกัน ขอบคุณมากที่ช่วยโหวตให้มาร์คได้โจทย์เพลงปริศนา น่ารักมาก รักทุกคนมาก ไม่อยากให้ใครออกเลย ถึงแม้จะเป็นตัวมาร์คหรือน้องคนไหนก็ตาม ขอให้ทุกคนทำให้ดีที่สุดบนเวที ให้เต็มที่ให้เต็มพาว อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเราก็ได้ อย่ากลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดี ใส่มันให้หนักๆ อยากขอบคุณมาก ขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจ รู้ว่าทุกคนรัก"
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังแฟนคลับหญิงรายหนึ่งอายุประมาณ 50 ปี ไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อ ที่เดินทางจากย่านปากเกร็ด มาเชียร์มาร์ค วี 11 กล่าวว่า วันนี้มาเชียร์น้องมาร์ค ถ้าเกิดพูดถึงเรื่องเสียงเพลง ความสามารถ วันนี้น้องเขาชนะเลิศแน่นอน ส่วนกับคำ วิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าน้องพูดหยาบคาย ตนคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กผู้ชาย เพราะว่าตนเองก็มีลูกชายวัยเท่านี้เช่นเดียวกัน และคำว่า เหี้ย.. เขาก็พูดกันเป็นปกติ
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า วันนี้รู้สึกอย่างไรที่น้องมาร์คจะขึ้นเวทีเป็นครั้งสุดท้าย แฟนคลับรุ่นใหญ่ตอบว่า วันนี้ตนได้เตรียมผ้าเช็ดหน้ามาด้วย และรอปาฏิหาริย์อย่างเดียว วันที่น้องเขาแถลงข่าวลาออก ตนรู้สึกว่าเด็กมีสปิริตมากกว่าผู้ใหญ่ ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งจะเข้ามา ตนเป็นแฟนของเอเอฟและดูมาทุกซีซั่น ตอนแรกที่ทางทรูฯ บอกว่า ที่น้องแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กมันเป็นเรื่องส่วนตัว ทำมาก่อนที่จะเข้ามาประกวด ซึ่งดูตามกฎระเบียบแล้วไม่ได้มีข้อไหนผิด และให้น้องอยู่ต่อทำให้คนชื่นชม แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกผิดหวังมากๆ ที่ให้น้องออก จริงๆ เรื่องนี้ควรจะให้ผู้ใหญ่ทางทรูฯ พูดบ้าง แต่นี่กลายเป็นเด็กพูดฝ่ายเดียว
ด้านน้องแอ้ม วัย 26 ปี ซึ่งไม่ยอมเปิดเผยชื่อจริงเช่นเดียวกัน แฟนคลับอีกคนที่ได้เดินทางมาเพื่อให้กำลังใจมาร์ค กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่น้องมาร์คขอขึ้นเวทีในครั้งนี้ และก็ดีใจที่ทางทรูฯ ยอมให้น้องขึ้น จริงๆ แล้วน่าจะให้น้องขึ้นตั้งแต่ครั้งที่แล้วด้วยซ้ำไป เพราะครั้งที่แล้วแฟนคลับที่มาเชียร์ก็ไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อนว่าน้องไม่ได้ขึ้น ทุกคนตั้งใจมาเชียร์เต็มที่ อย่างมีแฟนคลับกลุ่มหนึ่งที่อยู่เชียงใหม่ถึงขนาดนั่งเครื่องบินเพื่อมาเชียร์กันถึงที่นี่ แต่พอทราบว่าน้องมาร์คไม่ได้ขึ้นเวที พวกเราก็รู้สึกแปลกใจและก็เสียใจ ครั้งนี้น้องกลุ่มนั้นที่มาจากเชียงใหม่ไม่สามารถจะมาได้เพราะติดเรียน จึงไม่มีโอกาสที่จะมาให้กำลังใจน้องมาร์คเหมือนกับพวกตนที่อยู่ที่กรุงเทพฯ
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า รู้สึกอย่างไรที่น้องมาร์คออกมาแถลงข่าวลาออก น้องแอ้มกล่าวว่า น้องได้ออกมาแถลงข่าวแล้ว เขาก็รับผิดในสิ่งที่เขาพูด ตนเองเข้าใจว่าสิ่งที่เขาพูดไปในตอนนั้นเพราะได้รับข่าวสารต่างๆ จากทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งเขาก็คงจะคิดเหมือนเรา เพราะตอนนั้นบ้านเมืองวิกฤต แม้แต่ตนเองก็ยังคิดว่าตอนนั้นรัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไร อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ยอมหยุด รัฐบาลทำอะไรไม่ได้ก็น่าจะลาออกไป เราโมโหก็เลยคิดไปแบบนั้น น้องเขาก็คงรู้สึกเหมือนกับเรา แต่ส่วนตัวแล้วตนไม่ได้อยู่ฝ่ายไหน แต่พอเกิดเหตุการณ์ที่ไม่จบสิ้นก็ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปอีกว่า ถ้าเกิดมีการให้โหวตน้องกลับมาเข้าบ้านอีกจะโหวตหรือไม่ น้องแอ้มก็บอกว่า แน่นอน ต้องช่วยเหลือน้องอยู่แล้ว และก็เชื่อว่าแฟนคลับทุกคนก็จะโหวตเหมือนกัน
ทางด้านนายวทัญญู ท้าวคำลือ บิดาของน้องมาร์ค วี 11 เปิดใจก่อนที่จะเข้าไปเชียร์ลูกชายว่า ดีใจที่ลูกชายมีโอกาสที่จะได้ขึ้นเวทีในครั้งนี้ มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาจะสามารถทำได้ขนาดไหน ถ้าเขาทำได้ไม่ดีเขาก็ต้องกลับไปอยู่บ้าน แต่ถ้าเขาทำได้ดีก็ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า จะยังให้น้องมาร์คอยู่ในวงการบันเทิงอยู่อีกหรือเปล่าถ้าหากว่าไม่สามารถผ่านคืนนี้ไปได้ นายวทัญญูกล่าวว่า เราเคารพในการตัดสินใจของลูกว่าเขาจะอยู่ในวงการต่อหรือเขาจะไปอยู่ที่ค่ายเจวายพี ที่เกาหลี ซึ่งก็จะต้องคอยดูว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่เราต้องการในตอนนี้ก็คือการเป็นครอบครัว ที่ได้อยู่กันพร้อมพี่ๆ น้องๆ ถ้าเกิดว่าไม่ได้ร้องเพลงที่เวทีนี้อีก เราก็ยังได้ไปร้องเพลงที่โบสถ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางค่ายเจวายพีมีการติดต่อกลับมาแล้วหรือยัง นายวทัญญูก็ตอบว่า ใช่ เขาตอบกลับมาแล้ว โดยก่อนหน้านี้ลูกชายเป็นคนส่งเดโมเทปไปที่ค่ายนี้เอง ส่วนว่าเราจะไปหรือไม่ไปก็ขอให้ลูกชายเป็นคนตัดสินใจเอง เราให้เกียรติในการตัดสินใจของลูก ต่อข้อถามว่าหลังจากที่ออกมาแถลงข่าว กระแสออกมาเป็นอย่างไรบ้าง นายวทัญญูกล่าวว่า มีทั้งคนที่เสียใจ เห็นใจ บางคนก็ว่าเราสร้างภาพ ซึ่งเราเองไม่ได้สร้างภาพ ครอบครัวทุกครอบครัวเลี้ยงลูกมาไม่เหมือนกัน ครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้ดีเลิศ ก็ต้องมีขาดตกบกพร่องกันบ้าง ส่วนคนรอบข้างที่ให้กำลังใจก็มีเยอะ ทุกคนเข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า หลังจากที่น้องออกจากบ้านเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของลูกชายหรือไม่ นายวทัญญูตอบว่า ห่วงมากที่สุด เพราะหลังจากที่เขาออกมาพูดให้สังคมได้รับรู้ ก็มีทั้งคนเข้าใจและคนไม่เข้าใจ ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า จะให้ลูกชายเรียนเกี่ยวกับการเมืองหรือเปล่า นายวทัญญูตอบว่า อันนี้ก็ต้องให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง ที่บ้านเลี้ยงลูกแบบประชาธิปไตย ให้เขาเลือกอนาคตของตัวเองทั้งหมดว่าเขาอยากจะเลือกเรียนด้านไหน และถ้าเกิดว่าลูกชายออกมาก็วางแผนว่าจะให้ลูกชายไปเรียนต่อต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า รู้สึกอย่างไรที่ตอนนี้ทางแฟนคลับของมาร์คกล่าวโจมตีทางผู้ใหญ่ของทรูฯ นายวทัญญูกล่าวว่า อยากจะให้มันจบ เขาทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว ตนไม่อยากจะพูดอะไร แต่ก็ต้องขอขอบคุณทางทรูฯ ที่ให้โอกาสลูกชายได้ขึ้นแสดงความสามารถในครั้งนี้ และขอบคุณครูทุกคนที่ได้สอนลูกชายในครั้งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศด้านนอกธันเดอร์โดม เมืองทองธานี สถานที่จัดการแข่งขันร้องเพลง อคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซั่น 7 ว่า เต็มไปด้วยความคึกคัก เมื่อบรรดาแฟนคลับนักล่าฝันทั้ง 12 คน ทยอยกันเดินทางเข้ารอการเข้าชมของอนาคตศิลปินที่ชื่นชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาแฟนคลับของมาร์ค วี 11 ประมาณ 50-60 คน ต่างพากันสวมเสื้อยืดคอกลมสีชมพู ด้านหน้ามีข้อความภาษาอังกฤษว่า MARK โดยอักษรเอ็ม ออกแบบให้เป็นรูปหัวใจสีแดง ส่วนด้านหลังมีอักษร V 11 ขนาดใหญ่อยู่กลางหลัง นอกจากนั้นยังมีผู้นำเสื้อดังกล่าววางขายให้บรรดาแฟนคลับในราคาตัวละ 120 บาท โดยทั้งหมดรวมตัวกันอยู่บริเวณด้านข้างธันเดอร์โดม ร้องตะโกนเชียร์ให้กำลังใจนายวิทวัสตลอดเวลา นอกจากนั้น นายวทัญญู และนางเร็จวรรณา บิดาและมารดาของนายวิทวัส ยังเข้าพูดคุยกับบรรดาแฟนคลับของลูกชายอย่างเป็นกันเอง ทั้งนี้ แฟนคลับมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการถอนตัวออกจากการแข่งขันครั้งนี้ โดยส่วนใหญ่มองว่าไม่ควรนำเรื่องเกี่ยวกับการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการแข่งขันของเด็ก แต่ทุกคนยอมรับการตัดสินใจของนายวิทวัสครั้งนี้
สำหรับนักล่าฝันขึ้นเวทีรวม 12 คน ประกอบด้วย วี 4 นิว ในเพลง "อย่ายอมแพ้" อ้อม สุนิสา, วี 8 กรีน "ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ" อินคา, วี 9 ผ้าแพร "ไม่ยากหรอก" คริสติน่า, วี 10 บอส "ประมาณนี้ (รึเปล่า)" เจ เจตริน, วี 1 มีน "ฉันเลยโอเค" ต่าย เพ็ญพักตร์, วี 12 ปอ "ไม่รักก็บ้า" มอส ปฏิภาณ, วี 3 เบน "เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม" บิลลี่, วี 6 น้ำแข็ง "ให้เธอ" วสันต์ โชติกุล, วี 7 ปั๋ม "ขอเพียงที่พักใจ" มาลีวัลย์, วี 5 นัตตี้ "กดดัน" แอม เสาวลักษณ์, วี 2 เกรป "อาจจะเป็นคนนี้" แหวน ฐิติมา และ วี 11 มาร์ค "ขออุ้มหน่อย" เบิร์ด ธงไชย
ก่อนที่จะถึงช่วงการแสดงคอนเสิร์ตเปิดตัวการแข่งขัน "ทรู อะคาเดมี แฟนเทเชีย" หรือเอเอฟ ได้มีการโหวตให้คะแนนกับผู้เข้าประกวดในแต่ละคนที่แฟนๆ ชื่นชอบผ่านยูบีซีและอินเตอร์เน็ต พบว่าข้อความที่ประชาชนโหวตส่วนใหญ่เป็นการให้กำลังใจมาร์ค วี 11 เช่น รักมาร์ค วี 11 ตลอดไป, เป็นกำลังใจให้มาร์ค ขอให้มีอนาคตที่ดี, เป็นกำลังใจให้มาร์ค สู้ต่อไป อย่าได้แคร์คำติฉินนินทา เก็บมันมาเป็นพลัง, ขอปาฏิหาริย์สักครั้งได้มั้ยคะทรู ให้มาร์คได้อยู่ต่อ ให้มาร์คได้ล่าฝันอีกครั้ง ขอเถอะสงสารมาร์คมาก ถ้าพูดถึง AF 7 มาร์คเป็นชื่อแรกที่เรานึกถึง, สู้ๆ นะมาร์ค เรื่องบางเรื่องไม่ได้ร้ายแรง แต่คนหลายคนทำให้มันร้ายแรงได้, คนทำร้ายเด็กอายุ 17 นี่ใจดำจริงๆ คนที่ชีวิตจะบรรลัยก็ไอ้คนนั้นแหละ