บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ทีมงานลับ-แผนลึก-สคริปต์แน่น ยุทธวิธีปั้น "ยิ่งลักษณ์" ปูทาง "ทักษิณ" กลับบ้าน

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ



คอลัมน์ เลือกตั้งรัฐบาล 2554




กระแส "ยิ่งลักษณ์-เป็นนายกฯหญิง" ถูกปั่นจนติดเพดานด้วยทีมงานคุณภาพ

ครึ่งหนึ่งของทีมปั้น "ยิ่งลักษณ์" เป็นคนการเมืองที่เคยปั้น "ทักษิณ ชินวัตร" ส่งถึงทำเนียบรัฐบาลมาแล้ว

ทุกจังหวะก้าว-จังหวะพูดของ

"ยิ่งลักษณ์" จึงมีทั้งทีมงานเขียนสคริปต์ ทีมงานสร้างภาพลักษณ์ และทีมเสริม

ที่เป็นนักการเมืองระดับสายตรง "ทักษิณ" 24 ชั่วโมง ครบทีม

กว่าชื่อ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" จะได้เป็นปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 ทีมงานส่วนตัว "ทักษิณ" มีชื่อให้เลือก 4 ชื่อ

ชื่อแรก สายตรงยิ่งกว่าตรง ชื่อ

คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ แต่มีอันต้องตกไป เพราะเจ้าของชื่อไม่ประสงค์ลงสนามการเมืองอีก

ชื่อ ที่สอง สายใน ชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ แต่ต้องหลุดออกจากโผ เพราะปัญหาเรื่องความ "เกรงใจ-ในฐานะพี่ภริยา" หากได้เป็นใหญ่จะสั่ง-บังคับบัญชายาก

สุดท้ายจึงมีชื่อ "ยิ่งลักษณ์" เพราะเป็นน้องที่ "ทักษิณ" รักที่สุด การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทุกตำแหน่งคาดการณ์ ทำนายผลได้

ข้อเสนอ-เหตุผลแนบท้ายชื่อของ

"ยิ่ง ลักษณ์" จึงมีนัยว่า หากน้องสาวทำงานการเมืองได้ดี ก็จะผลักดันให้สูงสุดถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่หากกระแสไม่เอื้อ จะ "ถอน" ออกจากตำแหน่ง สลับกับคนอื่น น้องสาวก็ไม่โกรธ ไม่มีปัญหาระดับพรรค มีเพียงปัญหาในครอบครัว

ชื่อ "ยิ่งลักษณ์" จึงถูกสรุปด้วยบรรทัดเดียว "ชื่อนี้ได้ประโยชน์กับทุกฝ่าย"

ชื่อที่ตกคุณสมบัติตั้งแต่ต้นคือ ชื่อ "ดร.วีรพงษ์ รามางกูร" โดยมีเหตุผลและปัญหาแนบท้าย 3 ข้อใหญ่

ข้อแรก "ทักษิณและคณะ" เกรงว่า

ชื่อ นี้จะถูกกระตุกจากผู้มีบารมีใหญ่ใน "บ้านเทเวศร์" แล้วจะทำให้จังหวะการเมืองมีปัญหาซ้ำรอย สมัยที่จะโน้มน้าวให้ "พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ" ที่เจรจา "จบ" แล้ว แต่ถึงเวลาสถานการณ์ก็เปลี่ยน

ข้อ สอง หากนำชื่อ "ดร.โกร่ง" เข้าแผนเพื่อไทย อาจซ้ำรอยสมัยพลังประชาชน ที่ยากแก่การควบคุมทิศทางในรัฐบาล และการจัดตัว-วางตำแหน่งข้าราชการระดับสูง ให้เป็นตามทิศทางของพรรคและทักษิณ

ข้อสาม หากนำชื่อคนนอกพรรคมาเป็นหมายเลข 1 แล้วเกิดกระแสปั่นป่วนในพรรค จะทำให้เกิดความระส่ำระสาย มีปัญหาตั้งแต่จัดการเลือกตั้งไปจนถึงจัดรัฐบาล ไม่จบสิ้น

เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นระดับสงครามครั้งสุดท้าย ทุกจังหวะก้าว-จังหวะคิด ทุกเม็ด ทุกเสียงของ

"ยิ่งลักษณ์" จึงมีความหมาย

ภารกิจส่ง "ยิ่งลักษณ์" ที่ทำเนียบรัฐบาล จึงต้องเป็นไปตามสคริปต์

ทุกชอต ทุกเวที

บท พูดกับสื่อ-บทปราศรัยกับชาวบ้าน-บทตอบคำถามระดับสัมภาษณ์พิเศษ หรือสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า จึงถูกกำหนดด้วยคีย์เวิร์ดหลัก จำง่าย โดนใจ กว้าง ๆ ไม่เฉพาะเจาะจง

สคริปต์-สำหรับการปรากฏตัวทางการเมือง แถลงข่าวครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทย จงใจใช้คำ "แก้ไข ไม่แก้แค้น"

ตามด้วยบทพูดปราศรัยใหญ่ครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ ครอบคลุมเรื่องนิรโทษ-ปรองดอง ภายใต้สคริปต์ที่ทีมงานกำหนดไว้ 45 นาที

แต่ "ยิ่งลักษณ์" พูดได้เพียง 15 นาทีเท่านั้น

1 ในทีมงานคุณภาพที่กำกับเนื้อหาสคริปต์ มีชื่อ จาตุรนต์ ฉายแสง อยู่เบื้องหลัง

1 ในทีมงานสร้างภาพที่กำกับจังหวะการปรากฏตัวกับสื่อ มีชื่อ "สุทิษา ประทุมกุล" อดีตทีมประชาสัมพันธ์คู่หู "สุรนันทน์ เวชชาชีวะ" เจ้าของผลงาน

วิทยานิพนธ์เรื่อง "กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ของพรรคไทยรักไทยในภาวะวิกฤตการเมืองปี 2549" ประกบติดตัวแทบทุกชั่วยาม

ประกบกับทีมงานประชาสัมพันธ์ที่มีชื่อ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล จากตึกชินคอร์ป อยู่ใกล้ ๆ ไม่ห่าง

ทีมงานที่ยังอยู่ในระหว่างพิจารณา "ปรับปรุง" เป็นทีมงานการเมืองที่มี นายสมชาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ กำกับการแสดง

ทีมงานวอลเปเปอร์กำลังจะถูกโละทิ้ง-ถอนออกในเร็ว ๆ นี้ มีชื่อ "สุนีย์ เหลืองวิจิตร"

ทีมงานที่ "ทักษิณ" ปรารถนาให้อยู่ใกล้เป็นวอลเปเปอร์แบบติดทน-ถาวร เป็นทีมที่ "ทักษิณ" ส่งข้อความมาถึง

ทีมงานว่าต้องเป็น "economic team"

ทีม งานเศรษฐกิจที่ "ทักษิณ" ต้องการให้ปรากฏตัวรอบกาย "ยิ่งลักษณ์" มี 3 ชื่อ 1.ดร.โอฬาร ไชยประวัติ 2.นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช 3.นายพิชัย นริพทะพันธ์

ส่วนชื่อ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" ไม่มีอยู่ในทีมวอลเปเปอร์เศรษฐกิจ แต่ให้อยู่ในทีมวอลเปเปอร์บนเวทีปราศรัยใน

หัวเมืองใหญ่

หลังเปิดตัว-ปราศรัยไปแล้ว 25 วัน 10 เวที ทั้งเวทีหลัก เวทีย่อย "ทีมงานยุทธศาสตร์" ขอปรับปรุง และต่อยอด ติวเข้ม 3 เรื่อง

เรื่อง แรก การปราศรัยเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ถูกเขียนสคริปต์ใหม่เป็นแนวเปรียบเทียบด้วยคีย์เวิร์ด "เลือกประชาธิปัตย์ ข้าวยากหมากแพง เลือกเพื่อไทย อยู่ดีกินดี"

เรื่องที่สอง ปัญหาการเมืองเรื่องนิรโทษกรรม "ทักษิณและคณะ" ถูกปรับใหม่ จากเดิมพูดปัดพ้นตัวไปว่า ให้เป็นหน้าที่ "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" ทำให้ถูกโจมตีจากทั่วสารทิศ

คำแก้ไขประกาศของ "ยิ่งลักษณ์" สอดรับกับทีมงานยุทธศาสตร์ ที่รับคำสั่งจาก "ทักษิณ" มาถ่ายทำ-อีกทอด ด้วยการเตรียมเปิดประเด็น "นิรโทษด้วยรัฐธรรมนูญ" แบบจัดเต็ม

ดังนั้น หลังจากนี้ "ยิ่งลักษณ์" ต้องติวเข้ม 2 เรื่องคือ เศรษฐกิจ และกฎหมาย ฉบับฟังง่าย-ไม่ถูกนำไปตีความ

การบริหารเรตติ้งที่พุ่ง-พีกติดเพดานก่อนเวลาอันควร จึงต้องใส่ "เนื้อหา" เพิ่ม เพื่อดึงกระแสให้ต่อเนื่องจนถึงเลือกตั้ง

ทีมงานจึงแบ่งตารางเวลาที่เหลือเป็น 2 ระยะ

ระยะแรก 20 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง จะให้ "ยิ่งลักษณ์" เร่งพูดเนื้อหา-ลง

รายละเอียดแนวทางการนำนโยบายเศรษฐกิจไปปฏิบัติ และแตะเนื้อหาภาพรวมเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศ

สคริปต์ นี้ทีมงานยุทธศาสตร์วิเคราะห์วิธีการว่า จะต้องให้ "ยิ่งลักษณ์" ปราศรัยก่อน "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ทุกเวที เพื่อเพิ่มความสำคัญ-เพิ่มดีกรีความจริงจังให้กับเรื่องเศรษฐกิจเพียว ๆ ด้วยคำสั่ง "ส่งให้ยิ่งลักษณ์เด่น ไม่เน้นตลก"

ระยะที่สอง 15 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง จะให้ "ยิ่งลักษณ์" ประกาศแผน

"ปรองดอง" เป็นบันได 3 ขั้น ให้ทักษิณได้กลับเมืองไทย คือ บันไดขั้นแรกชนะเลือกตั้ง ขั้นที่สองได้จัดตั้งรัฐบาล ขั้นที่สามได้รับการนิรโทษกรรม

สคริปต์-แผนปรองดองอันแยบยล ถูกตระเตรียมไว้ 4 ขั้นตอน คนได้ประโยชน์มี 3 กลุ่ม

ขั้นตอนแรก ประกาศนิรโทษให้กับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างประชาชนกับประชาชนที่ปะทะกันเพราะอุดมการณ์เหลือง-แดง ทุกกรณี

ขั้น ตอนที่สอง ให้นักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ 5 ปี จากไทยรักไทย 111 คน และจาก 3 พรรค รวม 109 คน พ้นโทษ กลับสู่สนามการเมืองได้ โดยจะแนบเหตุผลเรื่องไม่ต้องรับมือกับการปั่นป่วนจนเกิดการเลือกตั้งใหม่

ขั้น ตอนที่สาม ขอให้มีกระบวนการลดหย่อนโทษให้ "ทักษิณ" ในคดีซื้อที่ดินรัชดาภิเษก โดยตั้งเป้ากรณีเลวร้ายที่สุดคือ กลับเมืองไทยแล้ว "รอลงอาญา"

ขั้นตอนที่สี่ ประกาศแผนแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ที่บัญญัติว่า

"บรรดา การใด ๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณี

ดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้"

มาตรา นี้ส่งผลทางการเมืองกว้างขวาง แนบเนียน อย่างน้อยก็ทำให้การกระทำหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยปริยาย

ทีมงานคุณภาพ วิเคราะห์สาเหตุที่ต้องประกาศแผนปรองดองช่วง 15 วัน โค้งสุดท้ายก่อนโหวต รู้แพ้-รู้ชนะ ว่า "เพราะต้องการให้กองทัพ-ข้างบน-คนชั้นสูง วางใจในฝ่ายทักษิณ"

คำประกาศใต้ดินที่ "ทักษิณ" ขอความไว้วางใจจากฝ่ายเจ้าของอำนาจเก่า คือ "ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะให้กองทัพเลือกกันเอง"

ตำแหน่งใหญ่ในฝ่ายความมั่นคง เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะมีการเขียนชื่อเป็นตุ๊กตาให้เลือก 2-3 คน

ทั้ง 2 ตำแหน่ง ต้องทำงานเข้ากันได้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

แหล่ง ข่าววงในทีมยุทธศาสตร์วิเคราะห์ตรงกันว่า "นาทีนี้ทุกฝ่ายอำนาจเชื่อว่าเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง แต่ทุกคนไม่มั่นใจว่าจะได้จัดตั้งรัฐบาล

ดังนั้นทักษิณต้องส่งสัญญาณให้ทุกฝ่ายมั่นใจ และจัดการเลือกตั้งให้ชนะ

ประชาธิปัตย์เกิน 10 เสียง"

ทางหนึ่ง เอาเสียงชนะขาดไว้ต่อรองกับกองทัพ-ชนชั้นสูง และผู้มีบารมี

ทางหนึ่ง หากเสียงชนะขาด จะทำให้ขึ้นบันไดครบ 3 ขั้น ชนะเลือกตั้ง ได้จัดรัฐบาล และได้นิรโทษ

ตัวเลขชนะขาด ล่าสุดเพื่อไทยยังยืนอยู่ได้ในระดับ 240-250 ขณะที่

ประชาธิปัตย์มีเสียงล่วงหน้า 170-180 เสียง ฝ่ายชาติไทยพัฒนา 30 เสียง

และชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 20 เสียง ตามลำดับ

เสียงที่เพื่อไทยไม่ใส่ใจยังเป็น 40 เสียง ที่คาดว่าภูมิใจไทยจะได้ครอบครอง

สคริปต์ของ "ยิ่งลักษณ์" แผนลับของ "ทักษิณ" นับวันจะเข้าใกล้ทั้งความจริง และความเสี่ยง !

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker