สำนักข่าวต่างประเทศนำเสนอภาพข่าวอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการต้อนรับด้วยดีจากหญิงใส่เสื้อแดงที่ซอยสีลมในวันนี้(ภาพ:AP)
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
1 มิถุนายน 2554
รายการ ข่าวเรื่องเด่นเย็นนี้ทางช่อง 3 เสนอภาพข่าวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปหาเสียงย่านซอยสีลม ศูนย์กลางธุรกิจของประเทศไทย โดยมีหญิงเสื้อแดง 2 รายปรากฎตัว แต่การปรากฎตัวของรายแรกมาแหวกแนว เพราะตรงเข้าไปจับไม้จับมือและสวมกอดนายอภิสิทธิ์และมอบดอกไม้ให้กำลังใจราว กับเตรียมมาเพื่อการนี้ โดยพูดว่าเสื้อแดงยินดีต้อนรับทุกพรรคการเมืองขณะที่นายอภิสิทธิ์ก็สวมกอด ด้วยความอบอุ่น ขณะที่หญิงเสื้อแดงอีกรายได้ถามนายอภิสิทธิ์เรื่องการสังหารผู้ประท้วงเมื่อ ปีที่แล้ว โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวปฏิเสธว่าทางการไม่ได้เป็นฝ่ายสังหาร
THE NATION สื่อของสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งสนับสนุนอภิสิทธิ์รายงานว่าหญิงทั้งสองถือหนังสือVoice of Thaksinมาด้วย โดยเป็นฉบับที่พาดหัวข่าวเรื่องการที่รัฐบาลสังหารผู้ชุมนุมเมื่อปีกลายและ เรียกร้องความเป็นธรรม ซึ่งอภิสิทธิ์บอกว่าเป็นฝีมือของชายชุดดำโจมตีกองกำลังรัฐบาล ซึ่งหญิงเสื้อแดงถามว่าทำไมไม่สั่งให้ทหารยุติการสังหารผู้ประท้วง อภิสิทธิ์ตอบว่า กองกำลังทหารได้รับคำสั่งแล้ว แต่ไม่สามารถหยุดได้ เพราะถูกโจมตีจากชายชุดดำ
กระดานสนทนาคนเสื้อแดงทั้งเวบบอร์ดประชา ทอล์ก และอินเตอร์เน็ตฟรีด้อมได้มีการตั้งข้อสังเกตอย่างแพร่หลายถึงการปรากฎตัว ของหญิงเสื้อแดงทั้งการออกมาด่า หรือมาสวมกอดนายอภิสิทธิ์ในช่วงนี้ว่าอาจเป็นการจัดฉากของนายอภิสิทธิ์และ พรรคประชาธิปัตย์เสียเอง เพื่อหวังผลสะท้อนให้เป็นผลบวกต่อการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะไม่น่าเชื่อว่าคนเสื้อแดงจะมีพฤติการณ์ไปตามรังควานให้คนเบื่อหน่าย หรือการไปสวมกอดยิ่งไม่น่าจะเป็นไปได้
ทางด้านสำนักข่าวเอเอฟพีได้ สัมภาษณ์ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรียกร้องกองทัพอย่าก่อรัฐประหารอีก หากเธอชนะการเลือกตั้ง และได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย
สำนัก ข่าวต่างประเทศเสนอภาพข่าวอภิสิทธิ์เดินผ่านป้ายหาเสียงของยิ่งลักษณ์ โดยชี้ว่าทั้งคู่ขับเคี่ยวตำแหน่งนายกฯในการเลือกตั้ง3ก.ค.โดยยิ่งลักษณ์มี คะแนนนิยมสูงกว่าในเวลานี้(ภาพ:รอยเตอร์)
ใน การให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า "ดิฉันไม่คิดว่าจะเกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง ฉันหวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น แต่เราต้องการให้แน่ใจว่าทุกๆ ฝ่ายเคารพในการตัดสินใจของประชาชน"
"ประเทศ ไทยก้าวถอยหลังมาตลอด 4-5 ปี และประชาชนก็ต้องทุกข์ทรมานกันมานานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า" นักธุรกิจสาว และนักการเมืองหน้าใหม่ วัย 43 ปี ผู้เป็นน้องสาวแท้ๆ ของอดีตนายกฯ ทักษิณ กล่าว
เธอออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ ก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 กรกฎาคม ซึ่งผลสำรวจหลายสำนักชี้ว่า พรรคเพื่อไทยของเธอมีคะแนนนำอยู่อย่างสูสีกับพรรคประชาธิปัตย์ของนายก รัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญการเมืองไทยจากต่างประเทศมองว่า พรรคเพื่อไทยไม่น่าจะได้เป็นรัฐบาล
"ไม่ น่าจะเป็นไปอย่างยิ่ง ที่พรรคเพื่อไทยจะได้รับการยอมรับให้เป็นรัฐบาล" ไมเคิล มอนเตซาโน จากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในสิงคโปร์กล่าว โดยว่า "ตัวแทนของทักษิณ ซึ่งมาจากครอบครัวเดียวกัน ใช้นามสกุลเดียวกันยิ่งทำให้ความเป็นไปได้น้อยลง"
ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์รายการเลทไลน์ ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซีของออสเตรเลีย โดยยืนกรานว่าตัวเองไม่ทะเยอทะยานอยากกลับมาเป็นผู้นำประเทศไทยอีก พร้อมระบุว่า น้องสาวคนเล็กของเขาเป็นเสมือน "โคลน" ของเขา ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็ได้ย้ำถึงอุดมการณ์ทางการเมืองที่เหมือนกันอีกด้วย
"ฉัน ทำงานกับเขามาตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นฉันจึงได้เรียนรู้วิธีการทำธุรกิจ ทั้งการวางตัวของเขา สไตล์ และวิธีคิดของเขา" เธอเสริม โดยชี้ว่า พรรคของเธอได้ประโยชน์จากแนวคิดทางการเมืองของพี่ชาย แต่ก็ยืนยันว่าเธอมีอิสระที่จะตัดสินใจด้วยตัวเธอเอง
ทั้งนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เมื่อวันอาทิตย์ (29 พ.ค.) ที่ผ่านมาระบุว่า พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำพรรคประชาธิปัตย์อยู่ 43% ต่อ 37% แต่โพลดังกล่าวชี้ว่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนมากยังไม่ได้ตัดสินใจ และการเลือกตั้งก็ยังเหลือเวลามากกว่า 1 เดือน
ขณะที่ มอนเตซาโนเสริมว่า "ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดคือ กระแสยิ่งลักษณ์ฟีเวอร์นั้นไม่ยั่งยืน"
"ทักษิณ ได้พิสูจน์ว่าเป็นอัจฉริยะทางการเมืองมาหลายครั้ง จึงชัดเจนว่าการแต่งตั้งยิ่งลักษณ์นั้นมีอะไรมากกว่าแค่เสนอตัวแทนที่มีนาม สกุลเหมือนกัน" เขาสำทับ
*****
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:ปริศนาไขกระจ่างชายชุดดำคือใคร? ฮิวแมนไรต์ว็อท์ชแฉทหารฆ่าเสื้อแดงลอยนวลเหนือกฎหมาย