บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Alienet วิเคราะห์: อ่านใจคุณทักษิณโฟนอิน 1พ.ย."ผมจะกลับมาด้วยพระบารมีหรือด้วยพลังของประชาชน"

โดย Alienet
ที่มา
เว็บบอร์ดชมรมฟ้าใหม่
5 พฤศจิกายน 2551

ว่าจะไม่เขียนถึงความเข้าใจคลาดเคลื่อนของหลายฝ่ายกรณีคำพูดไฮไลท์ที่ว่า "ไม่มีใครที่จะเอาผมกลับประเทศไทยได้หรอก นอกจากพระบารมีที่จะทรงมีพระเมตตา หรือไม่ก็พลังของพี่น้องประชาชนทุกท่าน จริงไหมครับ"



หลายฝ่ายมองไปว่าคุณทักษิณต้องการให้ประชาชนที่รักร่วมเข้าชื่อเพื่อยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้ ซึ่งผมเห็นว่านั่นไม่ใช่ คุณทักษิณต้องการให้นิรโทษกรรมหรือให้มีการกำกับกระบวนการตุลาการให้กระทำการให้ยุติธรรมมากกว่า ดังเช่นที่กล่าวว่า"ปกติการต่อสู้ทางการเมืองที่เกิดขึ้น จนมีการเปลี่ยนแปลงการเมืองครั้งสำคัญไปทั่วโลก ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เกิดจากการต่อสู้ทางอุดมการณ์และการไม่ได้รับความยุติธรรมทั้งสิ้น ความไม่ยุติธรรมนี่แหละ เป็นเหตุแห่งการที่ประชาชนต้องมารวมตัวกันต่อสู้ เพื่อให้ความยุติธรรมกลับมาสู่สังคมของเขา"

แต่เมื่อทางกองทัพได้ประชุมและเริ่มแสดงว่าเข้าใจความหมายที่คุณทักษิณพูดดังที่ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายเป็นห่วงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พล.อ.อภิชาต(ปลัดกระทรวงกลาโหม)กล่าวว่า "ผบ.เหล่าทัพมองว่าเป็นการสร้างความอึดอัดให้กับพระองค์มากกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ควรจะออกมาลักษณะที่จะไปดึงพระองค์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย"

ความจริงการที่จะเข้าใจเจตนาของคุณทักษิณที่พูดคำนี้ต้องมองการเกี่ยวโยงถึงคำให้สัมภาษณ์ก่อนนี้ถึง "ชนชั้นสูงที่ไม่ชอบประชาธิปไตย" หลังศาลพิพากษาคดีซื้อที่ดินย่านรัชฎาอันส่งผลสะเทือนในระดับสากลที่เหมือนเป็นการฟ้องให้ชาวโลกได้รับทราบถึงมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมไทยที่ถูกชนชั้นสูงเข้ามาแทรกแซงบิดเบือนเพื่อเป้าหมายทางการเมืองนั่นเอง

ถ้าได้นั่งฟังร่วมอารมณ์กับคนเสื้อแดงวันนั้นจะทราบว่า คุณทักษิณพูดว่า จะกลับประเทศไทยได้มี 2 อย่างที่ช่วยได้คือ พระบารมีของพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงพระเมตตา(นิรโทษกรรม,ไม่แทรกแซงศาล)หรือไม่ก็ พลังของประชาชนทุกท่าน

ไม่ใช่"ราชประชาสมาสัย"พระบารมีที่ทรงพระเมตตาและพลังประชาชนร่วมกันเช่นที่คุณวีระ(ที่เข้าใจความหมายรีบ)กลบเกลื่อนว่า"ราชประชาสมาสัย"ที่เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันสูงสุด อาศัยพระบารมีของท่าน บวกกับพลังรากหญ้า คือมวลมหาประชาชนเข้าด้วยกัน

อันเป็นที่มาของคำพูด"ผมฟังแล้วขนลุก เหมือนที่บอกว่าเย็นศิระเพราะพระบริบาล"


แต่คุณทักษิณน่าจะหมายถึง ไม่มีใครจะเอาผมกลับประเทศได้หรอก นอกจาก(ถ้า)พระบารมีที่จะ(ไม่)ทรงมีพระเมตตา หรือไม่ก็(ผมคงต้องอาศัย)พลังประชาชนทุกท่าน(ที่กำลังแสดงพลังเสื้อแดงต่อต้านรัฐประหาร)

ซึ่งถ้าฝ่ายตรงข้ามเข้าใจเหมือนกับที่ผมเข้าใจคงหนาวกันทั่วหน้าแน่ๆ จึงต้องขอเฉยๆ ไว้เพื่อให้พวกเขาต่อต้านความพยายามเข้าชื่อขอพระราชทานอภัยโทษกันต่อไป

ทำไมผมถึงเข้าใจเช่นนี้

ยังจำกันได้หรือไม่ ก่อนเกิดการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 ก่อนเกิดการล้างบุคคลากรในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 2540 เพื่อแต่งตั้งคนของฝ่ายตรงข้ามคุณทักษิณเข้าแทนที่ด้วยข้อหาขึ้นเงินเดือนไม่ถูกต้อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชดำรัสไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยหรือไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่เอานายกพระราชทาน ไม่เอาการรัฐประหาร แต่ให้ใช้กระบวนการตุลาการศาลสถิตยุติธรรมเข้าแก้ไข

แต่ก็มีผู้ละเมิดพระราชประสงค์ กระทำการรัฐประหารและแปรพระราชดำรัสของพระองค์เป็นขบวนการ"ตุลาการภิวัตน์"ไปเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ฝักใฝ่ระบอบเผด็จการอำมาตยาธิปไตยเพื่อทำลายล้างรัฐบาลคุณทักษิณที่เป็นรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตยอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้

แม้พระองค์จะทรงตรัสว่า ตุลาการรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทยและลงโทษย้อนหลังกรรมการบริหารพรรคนั้นไม่ใช่ "ศาล" ไม่ได้สวมเสื้อครุย ไม่ได้ทรงโปรดเกล้าแต่อย่างใด แต่กลุ่มบุคคลเหล่านั้นก็หาได้แยแสสนใจแต่อย่างใดไม่ประดุจถือดีว่ามีอำนาจลึกลับใดหนุนหลังให้เหิมเกริมบังอาจล่วงละเมิดพระองค์ได้อย่างไม่เกรงกลัวพระราชอาญา

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มบุคคลที่บังอาจอ้างเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ นำเอาสัญญลักษณ์ของพระองค์ไปทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าพระองค์ทรงสนับสนุนและเห็นด้วยกับการกระทำที่ผิดกฎหมายของพวกตน ผูกขาดความจงรักภักดีเพื่อทำลายล้างปฏิปักษ์ทางการเมือง สร้างความเดือดร้อนและหายนะให้แก่ประเทศชาติอย่างประมาณมิได้

สถาบันกองทัพกลับนิ่งเฉยและทำเสมือนให้คนทั่วไปเข้าใจว่า หนุนหลังกลุ่มบุคคลดังกล่าวนี้ ไม่มีนายทหารที่รับผิดชอบในกองทัพคนใดจะพูดห้ามปรามหรือแสดงความไม่เห็นด้วยที่มีการนำเอาพระองค์ สถาบันกษัตริย์และราชวงศ์มาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างทางการเมือง

เพียงคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยที่โอดครวญและเอ่ยปากขอพระบารมีพระเมตตาของพระองค์เท่านั้น กลับแสดงออกมาว่าไม่สบายใจ คุณทักษิณเอ่ยเอื้อนด้วยมธุรสวาจาขอความพระเมตตาให้พระองค์ทรงเป็นท้าวมาลีวราชผู้ทรงทศพิธราชธรรม ตักเตือนผู้ที่แปรพระราชดำรัสของพระองค์ผิดเพี้ยนเพื่อพวกพ้องให้กลับมาทำให้กระบวนการยุติธรรมเป็นศาลยุติธรรมเยี่ยงนานาอารยะประเทศ มิใช่ทำให้กระบวนการยุติธรรมเป็นกระบวนการยุติความเป็นธรรมเช่นปัจจุบัน

ขณะที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แอบอ้างสถาบันเพื่อประโยชน์ตน พูดจาจาบจ้วงตีตนเสมอว่าสามารถนั่งทางในพูดคุยกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด่าว่าดูหมิ่นดูแคลนข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิดที่เห็นต่าง พูดจาให้ร้ายกองทัพและผู้นำกองทัพอย่างสาดเสียเทเสีย ผู้นำกองทัพต่างหดหัวก้มหน้านิ่งเอามือกุมหว่างขาทำตาปริบๆ เท่านั้นเอง

ศักดิ์ศรีของกองทัพไทย ศักดิ์ศรีของชายชาติทหาร อยู่ที่ไหน?


หรือตกอยู่ใต้อำนาจผ้าอนามัยเปื้อนเลือดที่ผู้วิกลจริตนำไปกระทำพิธีทางไสยศาสตร์ให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศพระพุทธเจ้าหลวงผู้ให้กำเนิดสถาบันโรงเรียนนายร้อยฯ เสียแล้ว

จงอย่าอ้างความเป็นกลาง เพราะที่ประพฤติปฏิบัติอยู่นี้ ผู้นำกองทัพไม่ได้เป็นเช่นที่กล่าวอ้างเลย

พวกเขาตกอยู่ใต้มนต์สะกดแห่งลัทธิพันธมิตรกันหมดแล้ว ศักดิ์ศรีของพวกเขาอยู่ใต้ผ้าอนามัยเปื้อนเลือดอย่างสิ้นเชิง

จาก Thai E-News

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker