บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

"เพื่อไทย"เอาแน่-ลงมติแล้ว ซักฟอก"มาร์ค" "เฉลิม"คุย"ไม่ตายก็พิการ"

ที่มา มติชน

พรรคเสนอชื่อชงเป็นนายกฯ ปชป.ยันดีเอสไอพบ"สมชาย"



พท.ลงมติยื่นซักฟอก"อภิสิทธิ์" ยังอุบไต๋ชื่อนายกฯ "เฉลิม"คุยรู้หมดเส้นทางเงิน 250 ล. ไม่ทำให้ผิดหวังแน่ ครั้งนี้ถ้าไม่ตายก็พิการ ปชป.ปักใจ ย้ำบิ๊กดีเอสไอให้ข้อมูล"สมชาย" โบ้ยสาวต้นตอก่อนว่าทีพีไอยักยอกเงินหรือไม่ อย่าเพิ่งโยงไกล ส.ส.อดีต กก.บริษัทแมสไซฯไม่วิตกโดนตรวจสอบ พร้อมโชว์บัญชีเงินเข้า-ออกแบงก์

@ ปชป.ย้ำคนดีเอสไอกระจายข่าว250ล.

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากพรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวอ้างอีกครั้ง เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ตอกย้ำข้อมูลที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ได้มาในช่วงก่อนหน้านี้ว่า มีข้าราชการระดับสูงกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ไปพบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนพรรคเพื่อไทย (พท.) จะนำข้อมูล บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ว่าจ้างบริษัท เเมสไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด ที่มี ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นอดีตกรรมการบริษัท ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์วงเงิน 250 ล้านบาท ที่ต้องสงสัยอาจเป็นเงินสนับสนุนกิจกรรมการเมืองพรรคประชาธิปัตย์มาเปิดเผย เป็นเรื่องหนึ่งที่อาจหยิบยกขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

ในการให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย สาทิตย์กล่าวว่า มีคนมาเล่าให้ฟังว่าพบเห็นข้าราชการระดับสูงดีเอสไอไปพบกับนายสมชาย ก่อนที่ พท.จะนำข้อมูลเรื่องเงินบริจาค 250 ล้านบาท มาเปิดเผย เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ทางดีเอสไอจะต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไร

นายสาทิตย์กล่าวว่า กรณีที่ดีเอสไอตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดขึ้นมาสอบเรื่องนี้นั้น เห็นว่าไม่เร็วไป เพราะเรื่องเงิน 250 ล้านบาท ก็เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายต้องการข้อเท็จจริง แต่อยากให้ทำทุกอย่างตามข้อกฎหมาย

@ โบ้ยให้ไปคุ้ยทีพีไอยักยอกเงิน

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจากการถูกร้องเรียนว่า บริษัท ทีพีไอฯ ดำเนินธุรกิจที่ไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการเงินของบริษัท แต่กลับมาโยงกับพรรคประชาธิปัตย์ หากเรื่องนี้จุดเริ่มต้นอยู่ที่บริษัท ทีพีไอฯ ทางดีเอสไอก็ควรไปตรวจสอบทางบริษัทก่อนว่ามีความผิดเรื่องการยักยอกเงินหรือไม่ แล้วถ้าพบว่าผิดแล้วค่อยสาวต่อว่าเกี่ยวพันกับใคร ไม่ใช่ละเลยที่จะตรวจสอบต้นตอ แล้วมาตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์

"อยากถามดีเอสไอว่า มีใครร้องเรียนหรือไม่ว่ามีใครมาร้องเรียนให้สอบพรรคประชาธิปัตย์ หรืออยู่ๆ ก็ตรวจสอบสอบตามข่าวที่ประโคมขึ้นมา ถ้าเป็นเช่นนั้น สังคมก็จะถามว่า การทำงานของดีเอสไอทำงานเพื่อสนองการเมืองและดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่" นายเทพไทกล่าว

@ สุพัชรีพร้อมโชว์บัญชีเงินเข้า-ออก

น.ส.สุพัชรี ธรรมเพ็ชร ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ อดีตกรรมการบริษัท แมสไซอะฯ กล่าวว่า มีหลักฐานพร้อมให้ฝ่ายค้านตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเงินเข้า-ออกในสมุดบัญชีทุกธนาคารที่สามารถจะยืนยันได้ว่าไม่มีการบริจาคเงินจำนวน 250 ล้านบาทผ่านบัญชีของตนแน่นอน นอกจากนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคได้กำชับให้เตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อม เพราะหากมีการอภิปรายในสภาจะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงได้ทันที ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีหลักฐานพร้อมทำไมถึงไม่เปิดเผยผ่านสื่อมวลชน น.ส.สุพัชรีกล่าวว่า ที่ไม่สามารถแถลงข้อเท็จจริงผ่านสื่อมวลชนได้เนื่องจากผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนกังวลว่า หากแถลงข่าวตอบโต้ จะถือเป็นการเล่นตามเกมของฝ่ายค้าน และอาจจะตกเป็นเป้าโจมตีได้ ทั้งนี้ จะขอพูดข้อเท็จจริงในที่ประชุมสภา แต่ระหว่างนี้ขอดูข้อมูลของฝ่ายค้านก่อน

น.ส.สุพัชรีกล่าวว่า ไม่กังวลที่ดีเอสไอนำเรื่องนี้ไปตรวจสอบ เพราะไม่ได้ถูกดีเอสไอเรียกเข้าไปตรวจสอบ เท่าที่ทราบดีเอสไอเรียกเพียงนายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน และนายประพร เอกอุรุ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ไปสอบถามข้อเท็จจริงเท่านั้น

@ พีระพันธุ์ไม่วิตก250ล.-พอใจ"ทวี"

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงเรื่องเงิน 250 ล้านบาท ว่า การสอบสวนคดีเป็นหน้าที่ของดีเอสไอและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะไม่เข้าไปก้าวล่วงหรือแทรกแซง หน่วยงานใดมีหน้าที่อย่างไรก็ให้ดำเนินการไป อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยรับทราบข้อมูลว่า ดีเอสไอรับคดีบริษัท ทีพีไอฯ เป็นคดีพิเศษ ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่นั้น คงทำตามข้อเรียกร้องไม่ได้ เพราะหากหยุดทำงานแล้วใครจะมาทำหน้าที่แทน ประเด็นของปัญหาไม่ได้อยู่ที่หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ต้องดูที่เจตนา หากตนเป็นคนไม่ดีคงเข้าไปแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับคุณธรรมและจริยธรรม และขอยืนยันว่าจะไม่ทำเหมือนกับที่ฝ่ายค้านเคยทำมาในอดีต จึงไม่มีความจำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

"เรื่องรายละเอียดในการดำเนินคดี ไม่มีอะไรต้องหนักใจ ทุกอย่างว่ากันไปตามกฎหมาย ตอนนี้การทำงานของทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงดีเอสไอที่ผมรู้สึกพอใจในการทำงานที่มีกรอบและแนวทางการปฏิบัติงานที่ชัดเจน ความรู้สึกไม่พึงพอใจเป็นเรื่องในอดีต ปัจจุบันเข้าใจดีว่าทุกคนทำงานอย่างเต็มที่และมีผลงานที่ชัดเจน จึงยืนยันได้ว่า ผมไม่มีความคิดจะโยกย้าย พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ" นายพีระพันธุ์กล่าว และว่า ไม่ทราบกระแสข่าวผู้บริหารดีเอสไอนำข้อมูลไปให้อดีตนายกฯ

@ พท.ชี้แค่เกมทำลายขรก.ดีเอสไอ

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ พท. คนใกล้ชิดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจริง นายสมชายก็ยังงงๆ อยู่ว่าตัวเองถูกนำชื่อไปเชื่อมโยงได้อย่างไรทั้งที่ไม่ได้ก้าวก่ายเรื่องการเมืองแล้ว ส่วนที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า กระทรวงยุติธรรมจะต้องไม่มีคนที่รับใช้นักการเมืองอยู่ โดยส่วนตัวเห็นว่าเป็นการแสดงเหตุผลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไว้ล่วงหน้าหรือไม่ หากในอนาคตอาจจะมีการโยกย้ายข้าราชการในดีเอสไอ

"ไม่มีอะไรที่จะทำให้สามารถโยกย้ายข้าราชการได้ ถ้าไม่มีเหตุ ดังนั้น กระแสข่าวดังกล่าวอาจเป็นการสร้างสถานการณ์ไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เป็นเหตุผลในการทำลายข้าราชการหรือไม่ เรื่องนี้ก็จะต้องติดตามกันต่อไป" นายบุญทรงกล่าว

@ พท.โต้ข้อมูลอยู่ในแฟ้มนานแล้ว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน ปฏิเสธข่าวข้าราชการระดับสูงในดีเอสไอนำข้อมูลเรื่องเงิน 250 ล้านบาท ไปให้นายสมชาย โดยกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะพูดคุยกันมานานแล้ว โดยนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พท. เคยอภิปรายในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในสมัยที่พรรคพลังประชาชนยังเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และก่อนหน้านี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็นำไปเปิดเผยเอกสารระหว่างการชุมนุมคนเสื้อแดงหลายครั้ง จึงเป็นไปไม่ได้ที่ไม่กี่วันมานี้จะมีผู้ใหญ่จากดีเอสไอ เข้าพบนายสมชายเพื่อมอบเอกสารให้ เนื่องจากเอกสารทุกอย่างที่อยู่ในมือแกนนำ พท.นั้นครบถ้วนมาก่อนหน้านี้นานแล้ว ที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาพูดแบบนี้เป็นเพียงการโยนความผิดให้ผู้อื่น เพราะจริงๆ แล้วเอกสารทุกอย่างพรรคเตรียมเอาไว้ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะมีการยื่นญัตติเร็วๆ นี้

@ คุยมีทีเด็ดมัดหัวมัดท้าย"ปชป."

"หลักฐานทั้งหมดจะเป็นการมัดหัวมัดท้ายพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนอกจากหลักฐานการโอนเงินจากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด ไปยัง บริษัท แมสไซอะฯ โดยอ้างเรื่องการว่าจ้างทำประชาสัมพันธ์แล้ว พรรคเพื่อไทยยังมีหลักฐานการโอนเงินงบประมาณกองทุนพัฒนาการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์ไปยังบริษัท แมสไซอะฯ โดยอ้างเรื่องการว่าจ้างทำประชาสัมพันธ์เหมือนกัน แต่ไม่ได้มีการทำอะไรเลย เพราะเงินนั้นถูกนำไปใช้ในการทำอย่างอื่นก่อนแล้วด้วยการแจกจ่ายไปยังบุคคลใกล้ชิดนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์เหมือนกัน และในช่วงเวลาใกล้กันกับการโอนเงิน 250 ล้าน ของบริษัท ทีพีไอฯ

หลักฐานที่เรามีนั้นครบถ้วนมานานแล้ว และพร้อมที่จะเปิดเผยทุกอย่างในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะเป็นการมัดพรรคประชาธิปัตย์ ให้เห็นว่า ประชาธิปัตย์ แมสไซอะฯ และ ทีพีไอฯ นั้นเชื่อมโยงกัน โดยเป็นการกระทำรูปแบบเดียวกันคือ อ้างว่าจ้างเพื่อทำประชาสัมพันธ์ แต่ไม่มีการทำประชาสัมพันธ์จริงๆ ซึ่งเรื่องนี้แดงออกมาเมื่อกรรมการผู้จัดการบริษัท แมสไซอะฯ ถูกดำเนินคดีโดยกรมสรรพากร เนื่องจากใช้ใบกำกับภาษีปลอมไปแจ้งกับราชการ เนื่องจากบริษัท แมสไซอะฯ ไม่ได้มีการซื้อวัตถุใดๆ เพื่อทำประชาสัมพันธ์จริงตามที่อ้าง" นายจตุพรกล่าว

@ มติพท.ยื่นซักฟอกมาร์ค-รัฐมนตรี

ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค พท. แถลงผลการประชุมพรรคว่า ที่ประชุมมีมติที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีกหลายคนภายในสมัยประชุมนี้ โดยพรรคตั้งคณะทำงานขึ้น 2 ชุด คือ 1.คณะทำงานเรื่องข้อมูลหลักฐานเอกสาร มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน เป็นประธาน และ 2.คณะทำงานคัดเลือกผู้อภิปราย มีนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เป็นประธาน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการกำหนดวันและเวลาสำหรับการยื่นญัตติ สำหรับผู้ที่พรรคจะเสนอชื่อขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนนายอภิสิทธิ์ เนื่องจากการยื่นอภิปรายนายกรัฐมนตรีจะต้องดำเนินการพร้อมกับการถอดถอน ทางพรรคมีมติให้คณะกรรมการบริหารพรรคและแกนนำพรรคเป็นผู้คัดเลือกผู้ที่เหมาะสมต่อไป

@ เฉลิมคุยเหมือนเดิมไม่ตายก็พิการ

รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างการประชุม ส.ส. วาระขอความเห็นต่อการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และการเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค พท. เป็นประธานการประชุม ร.ต.อ.เฉลิมอธิบายเส้นทางของเงิน 250 ล้านบาท โดยอ้างว่ามีพยานบุคคลที่เซ็นรับเงิน และเช็คจ่ายเงิน ซึ่งไม่ได้ถูกนำไปใช้ในการว่าจ้างทำโฆษณาจริง และได้เชื่อมโยงเส้นทางเงินไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เช่นเดียวกับเงิน 23 ล้านบาท ที่ได้รับการอุดหนุนจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก็ไม่ได้ถูกนำไปใช้ทำกิจกรรมพรรคการเมือง นอกจากนี้ ยังคุยให้ ส.ส.พรรค พท.ฟังว่าการอภิปรายครั้งนี้ ไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง แต่กลับไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลเด็ด

"หลักฐานใบเสร็จทุกอย่างที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจสมบูรณ์หมดแล้ว เชื่อว่าจะน็อคได้ งานนี้ไม่ตายก็พิการ โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถน็อครัฐบาลได้" แหล่งข่าวอ้างคำพูด ร.ต.อ.เฉลิม

จากนั้นที่ประชุมเสนอความเห็นให้มีการอภิปรายกระทรวงต่างๆ ด้วย อาทิ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในประเด็นการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประเด็นการจัดซื้อชุดนักเรียน และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในประเด็นการโยกย้ายข้าราชการ จากนั้น นายยงยุทธได้ขอมติที่ประชุมพรรคในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ส.ส.ได้ยกมือสนับสนุนขึ้นพร้อมกัน

@ รับโค่น"มาร์ค"ยาก-เล็งเสนอเฉลิม

สำหรับรายชื่อ ส.ส.ที่สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องเสนอรายชื่อ กรณียื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯนั้น แกนนำพรรคเห็นว่าการอภิปรายครั้งนี้คงไม่ทำให้นายอภิสิทธิ์หลุดออกจากตำแหน่งทันที เนื่องจากเสียงของพรรคฝ่ายค้านไม่สามารถโค่นล้มรัฐบาลได้ จึงเป็นไปได้สูงที่จะใส่ชื่อ ส.ส.คนใดคนหนึ่งไปก่อน โดยเบื้องต้นมีชื่อของ ร.ต.อ.เฉลิม นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ มีแนวโน้มความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม หากนายอภิสิทธิ์ตัดสินใจยุบสภาหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทางแกนนำพรรคจะสรรหาผู้ที่เหมาะสมมาเป็นหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

นอกจากนี้ ที่ประชุมแบ่งคณะทำงานออกเป็นทีมเศรษฐกิจ สังคม จริยธรรม และการเมือง และเปิดให้ ส.ส.ลงชื่อเพื่อช่วยกันรวบรวมข้อมูล ก่อนนำมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่

นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน กล่าวภายหลังหารือกับแกนนำของพรรคว่า ทุกคนเห็นด้วยที่จะเสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิมขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แนบกับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เพราะเป็น ส.ส.หลายสมัย เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง ถือว่ามีความเหมาะสมในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ที่พรรคถูกอำนาจเผด็จการล้มมาแล้ว 2 ครั้ง ผู้สื่อข่าวถามมีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไฟเขียวให้เสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม นายสุนัยตอบว่า ยังไม่ทราบ แต่ถือว่า ร.ต.อ.เฉลิมเหมาะสมที่สุด

@ เผยเรื่องแดงเพราะตรวจสอบภาษี

รายงานข่าวจากดีเอสไอแจ้งว่า หลังจากได้รับการร้องเรียนว่า บริษัท ทีพีไอ โพลีนฯทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2551 ทางดีเอสไอเข้าตรวจสอบทางบัญชีของบริษัท ทีพีไอฯมีข้อมูลจากรมสรรพากรว่า มีเงินจำนวนกว่า 200 ล้านบาท ถูกโอนให้กับบริษัท เเมสไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด เพื่อว่าจ้างให้ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ จากนั้นกรมสรรพากรได้ทำหนังสือเรียกเก็บภาษีไปยัง บริษัท เเมส ไซอะฯ เพราะไม่พบข้อมูลการชำระภาษีรายได้ จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ ตามการชี้แจงของบริษัท ทีพีไอฯ ที่ระบุว่ามีการจ่ายเงินค่าโฆษณาให้กับบริษัทดังกล่าว ดังนั้น ดีเอสไอจึงเข้าตรวจสอบเส้นทางเงินอย่างละเอียด และพบว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีของคนสนิท และกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง นอกจากนี้ ยังพบประเด็นน่าสงสัย โดยเฉพาะบริษัท ทีพีไอฯเป็นบริษัทใหญ่โต จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ทำไมว่าจ้างบริษัท เเมสไซอะฯทำประชาสัมพันธ์ ทั้งที่บริษัทนี้ไม่ได้มีประสบการณ์มากมายและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในวงการอย่างกว้างขวาง เพราะก่อนหน้านี้ก็รับงาน แค่จัดทำใบปลิว แผ่นป้าย คัตเอ๊าต์ โฆษณาหาเสียงให้กับพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น บริษัทเช่นทีพีไอฯน่าจะว่าจ้างบริษัทใหญ่มืออาชีพที่มีชื่อเสียง เพื่อให้สัมฤทธิผล แม้ว่าเป็นสิทธิของบริษัทที่จะว่าจ้างบริษัทแห่งใดก็ได้ก็ตาม

@ นัดชี้ขาดปมร้องมาร์ค-เนวินตั้งรบ.

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งนั้น นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า กกต.จะนำผลการสอบสวน กรณีที่มีผู้ร้องว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และอดีตกรรมการบริหารคนอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล อาจผิดมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ ที่อาจถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย และมาตรา 94 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง เท่าที่ทราบ ผลการสอบกรณีดังกล่าวมีความเรียบร้อยและครบถ้วนทุกประการ คาดว่าจะสามารถลงมติและชี้ขาดได้ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker