บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สายใยจากอกแม่ รักแท้..แก้ตาบอด

ที่มา ไทยรัฐ

14 กุมภาพันธ์ เป็นวันวาเลนไทน์ทั่วโลก อุปโลกน์ให้วันนี้เป็น วันแห่งความรักหลายที่จึงเต็มไปด้วยดอกกุหลาบ รูปหัวใจ และช็อกโกแลต

แต่จริงๆแล้ว วาเลนไทน์ เป็นชื่อของนักบุญองค์หนึ่ง...

นักบุญที่ทำให้ จักรพรรดิที่โรมเกิดความสำนึก และผู้พิพากษาซึ่งเคยเยาะเย้ยท่านในเรื่องที่คริสตังชอบกล่าวว่า พระคริสต์ทรงเป็นองค์ความสว่างของโลก ได้กลับใจมาเป็นคาทอลิก เพราะทำให้บุตรสาวของเขาหายจากตาบอด

วาเลนไทน์จึงเป็นแบบอย่างและกำลังใจในเรื่องของความเชื่อ และความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์

โดยเฉพาะความรักที่บริสุทธิ์ปราศจากเงื่อนไขใดๆ เช่น ความรัก ที่แม่มีต่อลูก

และก็น่าแปลกที่เรื่องราวของอาการตาบอดกับเรื่องราวของความรักถูกจับมาโยงใยเข้าหากันในพ.ศ.นี้อย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อล่าสุดแพทย์ค้นพบว่าสายใยรักจาก อกแม่หรือ น้ำนมมีสารอาหารชนิดหนึ่ง ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากอาการตาบอดของทารกและเด็กเล็กๆ

ลูทีนคือ สารที่ว่านั้น

รศ.นพ. สรายุทธ สุภาพรรณชาติ กุมารแพทย์จากชมรมเวชศาสตร์ ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทย เปิดเผยเรื่องราวนี้ ในงานประชุมวิชาการของชมรมเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆนี้

คุณหมอสรายุทธ บอกว่า ลูทีน...เป็นสารอาหารในกลุ่มที่เรียกว่า แซนโทฟิลส์ (Xanthophylls) มีลักษณะเป็นสารสีเหลือง ที่มีผลต่อการปกป้องดวงตาของคนเรา

มีการศึกษาพบว่า ในจอประสาทตาจะมีร่องเล็กๆ อยู่จุดหนึ่งที่มีเซลล์รับภาพ ซึ่งเป็นจุดที่แสงตกกระทบ ทำให้สามารถมองเห็นภาพที่ชัดเจนในแต่ละวัน ซึ่งบริเวณที่มีปริมาณของสารลูทีนอยู่หนาแน่นมากที่สุด เป็นจุดที่สำคัญมากต่อการมองเห็น

หากจุดที่ว่านี้ เกิดเสื่อมหรือเสียไป ก็จะทำให้ตาบอดหรือสูญเสียการมองเห็นได้

สารลูทีนในเซลล์รับภาพในจอประสาทตานี้ จะทำหน้าที่สำคัญ คือ คัดกรองแสงสีฟ้า ซึ่งเป็นอันตรายต่อจอประสาทตา และเป็นแสงที่หลีกเลี่ยงได้ยากเพราะมีอยู่ทั่วไป...

ทั้งแสงแดดในเวลากลางวัน แสงจากโทรทัศน์ แสงจากจอคอมพิวเตอร์ และแสงจากหลอดไฟคุณหมอสรายุทธ บอก

คุณหมอสรายุทธ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมื่อเด็กอายุมากขึ้น สารลูทีน ในเลือดจะลดลง หากไม่ได้รับสารนี้จากอาหารอย่างเพียงพอ เพราะลูทีนถือเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญในการปกป้องจอประสาทตา

มีกรดไขมัน DHA และ AA ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการด้านการมองเห็นของเด็ก

ซึ่งนอกจากจะพบลูทีนในดวงตาของคนเราแล้ว สารนี้ยังพบได้ในสมองส่วนที่เกี่ยวกับการมองเห็นถึง 66% พิสูจน์ว่า ลูทีนมีส่วนช่วยในการรับภาพและส่งต่อไปยังสมอง นอกจากนี้ ลูทีนยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ในดวงตาของคนเรา

เพราะในดวงตาของเราจะมีสารอนุมูลอิสระอยู่ ที่เป็นตัวทำลายเซลล์รับภาพและทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับจอประสาทตาทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

การศึกษาในต่างประเทศ พบด้วยว่า ปริมาณของลูทีนในกลุ่มเด็กแรกเกิดที่กินนมแม่กับกลุ่มเด็กแรกเกิดที่ได้รับนมผสม มีปริมาณลูทีนในเลือดอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่หลังอายุ 1 เดือน กลุ่มเด็กที่ได้รับนมแม่จะมีปริมาณลูทีนเฉลี่ยในเลือดอยู่ในระดับสูง แต่กลุ่มเด็กที่ได้รับนมผสมจะมีปริมาณลูทีน เฉลี่ยในเลือดลดลง

ตรงกับข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่า...

แม่ไทยนิยมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนต่ำติดอันดับสุดท้ายเอเชีย และติดอันดับ 3 ก่อนสุดท้ายของโลก ทำให้เด็กไทย มีไอคิวต่ำกว่ามาตรฐาน โดย 1 ใน 3 มีพัฒนาการช้า

นพ.โสภณ เมฆธน รองอธิบดีกรมอนามัย ระบุว่า ผลการศึกษาพัฒนาการและระดับสติปัญญาหรือไอคิวของเด็กไทย มีแนวโน้มลดลง

ล่าสุด พบว่าเด็กไทยอายุ 6-13 ปี มีไอคิวอยู่ที่ 88 จุด ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ มาตรฐานสากลที่กำหนดไว้คือ 90-110 จุด

และผลสำรวจพัฒนาการสมวัยของเด็กวัยต่ำกว่า 5 ขวบ ล่าสุดในปี 2550 มีแนวโน้มลดลง จากร้อยละ 72 ในปี 2547 เหลือร้อยละ 68 ในปี 2550

ถือเป็นดัชนีชี้วัดอนาคตเด็กไทยที่น่าห่วงมาก

ที่น่าวิตกอย่างยิ่ง คือ แม่ไทยในยุคหลังๆ นิยมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ในอัตราที่ต่ำมาก ผลการศึกษาขององค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ในปี 2549 พบประเทศไทยมีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนเพียงร้อยละ 5.4 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในเอเชีย และเป็นลำดับที่ 3 ก่อนสุดท้ายของโลก จะต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ส่วนในเรื่องของสุขภาพสายตา มีข้อมูลว่าเด็กไทยทุกวันนี้ มีสายตา แย่ลง หลายคนต้องใส่แว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์ ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 5 ขวบ

ผศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ หัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่า เด็กไทยในพ.ศ.นี้ มีภาวะของความไม่ปกติทางสายตาสูงมาก ส่วนหนึ่งมาจากกรรมพันธุ์และพฤติกรรมที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และโทรทัศน์เป็นเวลานานๆ

โรคจอประสาทตาเสื่อมในเด็ก แม้จะพบไม่บ่อยแต่ก็รุนแรง เพราะจอประสาทตา ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดต่อการรับภาพและมองเห็นภาพชัดเจน โดยทำหน้าที่เปลี่ยนแสงที่ตกกระทบเป็นสัญญาณภาพไปแปลผลที่สมอง

เมื่อจอประสาทตาผิดปกติ หรือถูกทำลายจะทำให้เห็นภาพเลือนรางหรือสูญเสียการมองเห็น ซึ่งจอประสาทตานี้อาจถูกทำลายจากแสงสีฟ้าซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของแสงที่อยู่รอบๆตัวเรา

ปัญหาสุขภาพตาของเด็กไทยในปัจจุบันยังน่าห่วง เนื่องจากพ่อแม่ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญของการปกป้องและดูแลสุขภาพดวงตาของลูก แต่มักจะพามาพบจักษุแพทย์ ก็ต่อเมื่อเกิดปัญหากับดวงตาของลูกแล้ว

ทางที่ดีพ่อแม่ควรให้ความสำคัญใส่ใจดูแลสุขภาพดวงตาของลูก ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านการมองเห็นของลูกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพัฒนาการด้านอื่นๆ

พัฒนาการทางสายตาและการมองเห็นของเด็ก...ถือเป็นประตูสู่การเรียนรู้และการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการรอบด้าน

คุณหมอศักดิ์ชัย ย้ำ

สำคัญที่สุด เด็กจะมีการพัฒนาการด้านสายตาสูงสุดช่วงแรกเกิดถึง 4 ขวบ ดังนั้น การที่เด็กได้กินนมแม่ที่มีสารอาหารที่ช่วยพัฒนาทั้งสมองและสายตาจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายชัดเจนที่จะรณรงค์ให้ แม่ได้ เลี้ยงลูกด้วยนมของตนเองเพื่อสร้างเด็กไทยให้ฉลาด สุขภาพดี อารมณ์ดี

ซึ่งผลวิจัยทั่วโลกยืนยันตรงกันว่า เด็กที่กินนมแม่จะมีปัญญาดี หรือ ฉลาดกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ถึง 11 จุด

ที่สำคัญ การให้ลูกได้ดื่มนมแม่เป็นการถ่ายทอดไออุ่นของความรัก ความผูกพันผ่านน้ำนมจากแม่สู่ลูก

มีคำกล่าวว่า...ความรักทำให้คนตาบอด

แต่จากผลวิจัยที่บรรดาแพทย์ได้ออกมายืนยันตรงกันในครั้งนี้คงเป็นบทพิสูจน์ได้ว่า...รักแท้ๆจากอกแม่ นอกจากจะไม่ทำให้ตาบอดแล้ว

ยังทำให้ตาสว่างและฉลาดอีกด้วย!

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker