บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ยังปักหลักยึดพื้นที่รอบทำเนียบฯ เป็นวันที่ 2 ในช่วงเวลาที่ล่วงเข้าสู่คืนวันที่ 27 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งยังคงปักหลักร่วมฟังการปราศรัย ส่วนที่เหลือยึดพื้นถนนรอบทำเนียบฯเป็นที่หลับนอนพักผ่อนเอาแรง หลังจากเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ส่วนบนเวทีแกนนำได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยโจมตีรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมถึงกล่าวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ สลับกับการร้องรำทำเพลงให้เกิดความครึกครื้น กระทั่งเวลาผ่านไปถึง 03.00 น. นายสุรชัย แซ่ด่าน และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท 2 แกนนำเสื้อแดง ได้ขึ้นเวทีปราศรัยในประเด็นกลุ่มคนจากหลายสถาบันมุ่งล้มรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เรียกเสียงฮือฮาซี้ดซ้าดให้ผู้ชุมนุมอย่างคึกคัก บางคนที่หลับนกอยู่ถึงกับตาสว่างเมื่อได้รับฟังข้อมูลจากแกนนำทั้ง 2 คน
ฮือไล่ไม่ให้ “อภิสิทธิ์” เข้าทำเนียบฯ
ช่วงเช้ากลุ่มผู้ชุมนุมเหลืออยู่ประมาณ 2,000 คน เพราะมีบางส่วนเดินทางกลับบ้านและจะกลับมาชุมนุมอีกครั้งในช่วงเย็น ได้เฝ้ารอคอยว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเข้าทำเนียบฯหรือไม่ กระทั่งเวลาประมาณ 08.00 น. แกนนำบนเวทีปราศรัยได้ประกาศว่านายอภิสิทธิ์จะเดินทางเข้าทำเนียบฯ บริเวณประตู 7 โดยใช้เส้นทางบริเวณถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ขอความร่วมมือให้ผู้ชุมนุมไปรวมกลุ่มที่บริเวณดังกล่าว ทำให้ผู้ชุมนุมที่ปักหลักอยู่บริเวณรอบทำเนียบฯตะโกนโห่ร้อง เขย่าตีนตบ วิ่งกรูไปที่บริเวณดังกล่าว โดยผู้ ชุมนุมบางส่วนได้ปาขวดน้ำเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล แต่เมื่อผู้ชุมนุมเคลื่อนมาถึง ผู้ปราศรัยบนเวทีได้บอกว่า นายกฯไม่เดินทางเข้ามาในทำเนียบรัฐบาลแล้ว เป็นเพียงแค่ข่าวลวง และถือเป็นการซ้อมใหญ่ ส่วนนายอภิสิทธิ์เดินทางไปที่พรรคประชาธิปัตย์และจะไปออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ขอให้รอดูว่าจะพูดเรื่องอะไรในสถานการณ์นี้ ขณะที่ข้าราชการทำเนียบรัฐบาลได้เข้ามาทำงานในทำเนียบฯบางตา เนื่องจากยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย เกรงว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้น
ติดป้ายผ้าด่าอภิสิทธิ์-สุเทพพรึ่บรั้วทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากม็อบเสื้อแดงเข้ามาชุมนุมรอบทำเนียบฯ ได้มีการใช้ป้ายผ้าเขียนข้อความโจมตีรัฐบาลแขวนไว้บริเวณรั้วรอบทำเนียบฯ จนเต็มพรืดไปหมด ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมบางคนได้ระบายความรู้สึกเกลียดชังรัฐบาลด้วยการใช้ปากกาเคมีและสีสเปรย์เขียน และพ่นข้อความด่าทอรัฐบาลไว้บนกำแพงรั้วทำเนียบฯ ที่เพิ่งจะมีการซ่อมแซมทาสีใหม่ หลังจากได้รับความเสียหายยับเยินจากการที่กลุ่มพันธมิตรฯยึดทำเนียบฯเมื่อช่วงปีที่แล้ว ซึ่งการซ่อมแซมยังไม่เสร็จเรียบร้อยก็มาถูกกลุ่มเสื้อแดงบุกเข้ายึดอีกครั้งและคงต้องมีการซ่อมใหม่อีกรอบหนึ่ง โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ มีชื่อถูกเขียนด่าไว้รอบทำเนียบฯ
ผบช.น.ประชุมแต่เช้าตามสถานการณ์
เวลา 07.00 น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้น พล.ต.ท.วรพงษ์ออกเดินทางไปประชุมที่ บช.น. โดยมอบให้ พล.ต.ต.วิชัยไปเจรจากับนายณัฐวุฒิเพื่อขอให้ผู้ชุมนุมเปิดเส้นทางให้ ระหว่างที่ ผบช.น.เดินเท้าฝ่ากลุ่มเสื้อแดงมาขึ้นรถที่จอดอยู่ตรงคลองผดุงกรุงเกษมนั้น นายณัฐวุฒิได้ประกาศบนรถขยายเสียงให้ผู้ชุมนุมเปิดเส้นทาง และไม่ให้ใช้ความรุนแรง ซึ่งผู้ชุมนุมก็ให้ความร่วมมือด้วยดี
เอาผิดคนทิ้งตู้คอนเทนเนอร์ลงคลอง
ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวถึงการดำเนินคดีกับกลุ่มเสื้อแดงที่นำตู้คอนเทนเนอร์ทิ้งลงในคลองเปรมประชากรว่า ตำรวจเก็บหลักฐานไว้หมดแล้วจะนำมาพิจารณาในภาพรวม ทั้งนี้ต้องดูที่เจตนาของการทำให้เสียทรัพย์มากกว่า ส่วนการปราศรัยของกลุ่มเสื้อแดงตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ผบช.น.ได้สั่งการให้บันทึกเสียงการปราศรัยบนเวทีทุกคำพูด หากเป็นการพาดพิงและดูหมิ่นเป็นการส่วนตัว ขึ้นอยู่กับผู้เสียหายว่าจะดำเนินคดีหรือไม่ แต่ขอร้องว่าอย่ามีการพาดพิงสถาบันเบื้องสูง ถ้าพูดพาดพิงจะมีการอนุมัติหมายจับอย่างแน่นอนในเวลาไม่เกิน 3 วัน
ตรึงพื้นที่หน้าทำเนียบห้ามนายกฯเข้า
เวลา 09.15 น. ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง แถลงข่าวว่า แกนนำได้หารือและได้ข้อสรุปว่าในวันนี้กลุ่มเสื้อแดงจะรักษาพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาล โดยจะไม่มีการใช้ยุทธวิธีดาวกระจายไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ในช่วงกลางวันจะมีการเชิญกลุ่มเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆเข้ามาปักหลักรักษาพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาล ป้องกันไม่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เดินทางเข้ามาภายในได้ เนื่องจากการชุมนุมครั้งนี้เราได้ยกระดับมาเป็นการขับไล่รัฐบาล ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีและ ครม.ยังดื้อดึงที่จะเดินทางเข้ามาในทำเนียบรัฐบาล เราก็พร้อมไปดักเพื่อขับไล่ทุกประตูเข้า-ออก
ถ้านายกฯดื้อเจอแผนดาวกระจายแน่
เมื่อถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่าจะไม่มีการดาวกระจายไปยังสถานที่ต่างๆ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อาทิ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เล่ห์เหลี่ยมในการสลายการชุมนุม หรือพยายามเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีและ ครม.เข้ามาในทำเนียบรัฐบาล โดยไม่มีการเจรจากับกลุ่มเสื้อแดงก่อนอย่างที่เคยตกลงกับ พล.ต.ท. วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ไว้ว่า ถ้านายกรัฐมนตรีต้องการเดินทางเข้ามาก็ขอให้เปิดเผย เพราะกลุ่มเสื้อแดงก็ดำเนินการอย่างเปิดเผยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่ยังมีความพยายามที่จะเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีเข้ามาในทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเสื้อแดงก็ใช้การตอบโต้ด้วยการใช้แผนดาวกระจายไปยังจุดต่างๆ แต่จะเป็นที่ไหนต้องดูสถานการณ์
แฉเสื้อน้ำเงินของเนวินเป็นเกมการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า กลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน เตรียมไปยึดพื้นที่บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เป็นเรื่องของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินในพรรคภูมิใจไทย ในการสร้างกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินขึ้นมา โดยอาศัยสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นจุดเริ่ม และสร้างบทบาทในการเคลื่อนไหว โดยมีการอ้างว่ากลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน ต้องการไปปกป้องสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มคน เสื้อแดงเข้าไปยึด เราไม่ใช้ผู้ก่อการร้ายเหมือนกลุ่มพันธมิตรฯ ขอยืนยันว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่เข้าไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิแน่นอน การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินครั้งนี้ เป็นเพียงเกมการเมืองเท่านั้น เพราะจากการตรวจสอบ พบว่ากลุ่มคนเสื้อน้ำเงินส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มคนเดียวกับที่เคยไปปิดล้อมอาคารเนชั่น ซึ่งนำโดยสมาชิกรถตู้ จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน
ยันทักษิณโฟนอินแฉเบื้องหลัง
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ในคืนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะสื่อสารกับผู้ชุมนุมผ่านวีดิโอลิงค์ หากประชาชนส่วนใหญ่ยังวิตกกังวลกับวิกฤติของประเทศ ขอให้ติดตาม เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเล่าถึงต้นเหตุวิกฤติ ทางการเมือง และแฉชื่อของคนที่อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ เมื่อ ถามว่า รัฐบาลมีการบล็อกสัญญาณสถานีโทรทัศน์ดีทีวีหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามบล็อกสัญญาณมาโดยตลอด อีกทั้งยังพบว่ารัฐบาลมีการแทรกแซงสื่อมวลชนบางแห่ง ถ้าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ให้ไปถามนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงจะมีต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เพราะเราต้องการให้รัฐบาลยุบสภา ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางกลับประเทศไทยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน กลุ่มเสื้อแดงขอประกาศว่าไม่ยอมรับระบอบอมาตยาธิปไตย เพราะเป็นต้นเหตุทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุข ซึ่งนายกรัฐมนตรีถือเป็นเพียงหลักกิโลเมตรที่หนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหา
ปัดทักษิณไม่ได้ชี้นำการชุมนุม
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณในวันนี้ มีสถานะเป็นเพียงคนเสื้อแดง และผู้ปราศรัยคนหนึ่งเท่านั้น ขอยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เป็นผู้ชี้นำกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นนั้น เพราะต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง หากวันใด พ.ต.ท. ทักษิณไม่เห็นด้วยกับระบอบประชาธิปไตย กลุ่มเสื้อแดง ก็จะเดินผ่านไป ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณหันไปเข้าข้างพวกอำมาตย์ กลุ่มเสื้อแดงก็พร้อมจะรบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนที่ตำรวจ อ้างว่าหากกลุ่มเสื้อแดงมีการปราศรัยหมิ่นสถาบันจะออกหมายจับภายใน 3 วันนั้น เจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ที่จะสามารถ ดำเนินคดีได้ เราก็พร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
ตรวจยิบผู้เข้า-ออกทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง วันที่ 2 นี้ ได้มีการตั้งเต็นท์เปิดโต๊ะรับบริจาคเงินสนับสนุน ที่เชิงสะพานอรทัย เพื่อใช้เป็นทุนในการปักหลักชุมนุมขับไล่รัฐบาลต่อไป อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ทางผู้ชุมนุมได้มีการเข้มงวด ตรวจบุคคลที่จะผ่านเข้ามาในทำเนียบรัฐบาลอย่างละเอียด โดยมีการจัดกำลังผู้ชุมนุมยืนเรียงแถวบริเวณหน้าประตูเล็กข้างประตู 8 ที่ใช้เป็นทางเข้า-ออก ทำเนียบรัฐบาล เพียงทางเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ผู้ชุมนุมได้ตะโกนด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนที่ผ่านเข้า-ออก ทำเนียบรัฐบาลตลอดเวลา
ระบุ พล.อ.เปรมตัวปัญหา
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง เปิดเผยที่ด้านหลังเวทีปราศรัยสะพานชมัยมรุเชฐ ว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง จะเป็นการจัดระเบียบของผู้ชุมนุมให้เป็นระบบ ส่วนกิจกรรมในส่วนใหญ่จะเป็นการปราศรัย โดยให้กลุ่มเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆ ผลัด เปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นแสดงความคิดเห็น ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงปราศรัยพาดพิงองคมนตรีนั้น ยืนยันว่า ปัญหาของประเทศไทยในขณะนี้อยู่ที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ซึ่งการล้มล้างระบอบอมาตยาธิปไตย ไม่ได้หมายถึงล้มล้างระบอบกษัตริย์ ส่วนสาเหตุที่ต้องดำเนินการเช่นนี้ เพราะ พล.อ.เปรมไม่ได้ทำหน้าที่ประธาน องคมนตรีอย่างแท้จริง นอกจากนี้การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาระบุว่า จะดำเนินคดีกับบุคคลที่พูดพาดพิงสถาบันนั้น คิดว่าสามารถทำได้เลย เพราะคดีของกลุ่มพันธมิตรฯในขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเช่นกัน
แห่ศพคนตายอ้างโดนน้องเทือกทำร้าย
เวลา 11.00 น. ได้มีกลุ่มแนวร่วมเสื้อแดงจาก จ.สุราษฎร์ธานี 8 คน เดินแบกโลงศพนายโสภณ ตรีสงฆ์ พร้อมรูปถ่ายและป้ายมีข้อความว่าเสื้อแดงสุราษฎร์รับใช้ชาติและประชาชน มาที่บริเวณเวทีปราศรัยสะพานชมัยมรุเชฐ พระรูปหนึ่งที่เดินนำหน้าโลงศพ ได้เผยว่า นายโสภณเป็นคน จ.สุราษฎร์ธานี บ้านเดียวกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และถูกลูกน้องของนายสุเทพยิงตาย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทำคดีไม่คืบหน้า จึงต้องนำศพแห่ประจาน จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้แบกโลงศพไปตั้งไว้ริมรั้วด้านหน้าทำเนียบฯ
ลือกลุ่มยี้ห้อย 120 ส่งคนป่วนม็อบ
นพ.เหวง โตจิราการ หนึ่งในแกนนำเสื้อแดง กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า มีข่าวว่ากลุ่มยี้ห้อย 120 จะส่งกำลัง ติดอาวุธประมาณ 1 พันคนเข้ามาก่อกวนในพื้นที่ชุมนุม จึงขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือและหากเกิดเหตุอะไรขึ้นอย่าได้วิ่งกรูเข้าไปเพราะจะเป็นอันตราย ขอให้เป็นหน้าที่ของการ์ดอาสาที่จะดูแลความปลอดภัยในทุกเส้นทางเข้าออก ให้จัดด่านเฝ้าระวังหลายชั้น หากพบคนต้องสงสัยให้รวบตัวนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งเรียกร้องให้คนมาร่วมชุมนุมมากขึ้น เพราะนายอภิสิทธิ์ อาจมีคำสั่งประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้ทุกเวลา ขอให้ทุกคนโทรศัพท์กลับไปแจ้งแนวร่วมในต่างจังหวัด หากมีการใช้กำลังขอให้เข้ายึดศาลากลางจังหวัดทุกแห่งทันที
ปล่อยข่าวเสื้อแดงยึดสุวรรณภูมิ
เวลา 13.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง แถลงหลังเวทีปราศรัย ว่ากลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ ปล่อยข่าวว่าคนเสื้อแดง จะไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นมีการจัดตั้งกลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินออกมาเคลื่อนไหว เป็นการกระทำของคนโง่แล้วขยัน การปล่อยข่าวยึดสนามบินเป็นการทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ คนเสื้อแดงไม่คิดยึดสนามบินอย่าได้ใส่ร้าย นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ต้องรู้ว่าคนให้ข่าวนี้ ล้วนอยู่ในสายงานของนายเนวินทั้งสิ้น การพยายามสร้างบทบาทของนายเนวินไม่ได้เป็นประโยชน์คนเสื้อแดงไม่ต้องการให้มีการต่อสู้ ตนเคยร่วมงานกันมาก่อน รู้จักกันดีจึงรู้อะไรเป็นอะไร มีข่าววงในบอกว่าจะมีการให้คนเสื้อแดงไปสร้างสถานการณ์ตามจุดต่างๆ ขอเตือนว่าอย่าได้เข้ามายุ่งถ้าเข้ามาก็จะตอบโต้ กลับไปทันที
ยังไม่รู้จะชุมนุมยืดเยื้อแค่ไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การชุมนุมจะยืดเยื้อนานกว่า 3 วันหรือไม่ นายจตุพรตอบว่า ถ้าแค่ 3 วันคงไม่รู้เอาหน้าไว้ไหนเพราะคนคงไม่เชื่อถือแล้ว ส่วนจะยืดเยื้อนานแค่ไหน จะนานกี่วัน นาน 2 เดือนหรือ 3 เดือน ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะทนได้นานแค่ไหน การดาวกระจายไปในที่ต่างๆ จะไปบ้านสี่เสาเทเวศร์ด้วยหรือไม่นั้น ก็ต้องแล้วแต่สถานการณ์ว่าจุดนั้นจะต้องไปไหนบ้าง ขอยืนยันว่าไม่มีการยึดสถานที่ราชการ ในส่วนของการปราศรัยทุกวันในช่วง 2 ทุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณจะมีวีดิโอลิงค์เข้ามาที่ชุมนุม เพื่อพูดคุยกันเหมือนเป็นแกนนำเสื้อแดงคนหนึ่งที่ยึดหลักการเดียวกัน วันนี้ถึงเวลาต้องเปิดหน้าสู้กัน พล.อ.เปรม ไม่ใช่สถาบันจึงไม่ตะขิดตะขวงใจ ที่จะพูดถึง
เชื่อ “เทือก” รับมือม็อบไร้ปัญหา
อีกด้านหนึ่งเช้าวันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงว่า ได้พูดคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงแล้วบอกว่า ไม่มีอะไร และยังไม่มีเหตุการณ์อะไร ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯมีแผนจะเข้าไปทำงานที่ทำเนียบฯหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มีกำหนดการที่จะเข้าไปในทำเนียบฯ แต่ถ้ามีเวลาเหมือนเมื่อวันที่ 26 มี.ค. ก็จะเข้าไปที่ทำเนียบฯ เมื่อถามว่า ถ้าไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ จะชี้ให้เห็นใช่หรือ ไม่ว่า รัฐบาลไม่สามารถบริหารงานต่อไปได้ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า “ไม่ครับ เวลานี้ไม่มีปัญหาได้คุยกับรองฯสุเทพเมื่อเช้าแล้ว” ต่อข้อถามว่า นายสุเทพยังมั่นใจว่า ยังจะเข้าไปทำงานได้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า นายสุเทพไม่เห็นบอกว่ามีปัญหาอะไร
สั่งดูแลบ้านสี่เสาให้เรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอ้างว่า จะเคลื่อนขบวนไปบ้านสี่เสาเทเวศร์ด้วยจะรับมืออย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เจ้าหน้าที่จะต้องดูแลให้เกิดความเรียบร้อย เมื่อถามว่า จะไม่ยอมให้มีการไปปิดล้อมบ้านสี่เสาฯอย่างที่เคยเกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า คราวที่แล้วมีการดำเนินคดีไปแล้ว เมื่อถามว่า มองอย่างไร ที่ขณะนี้มีการปลุกระดม จนกลายเป็นปัญหาระหว่างชนชั้นแล้ว นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มีเรื่องชนชั้นจะมีแต่พี่น้องประชาชน ยากดีมีจนก็ประชาชน ไม่ใช่เรื่องของชนชั้นแน่นอน แต่อาจเป็นเรื่องของมุมมองที่อาจมีความแตกต่างในเรื่องทางการเมือง รับข้อมูลกันคนละอย่าง จนทำให้เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม รัฐบาลก็พยายามแก้ไข
จ้องจับผิดวีดิโอลิงค์แฉรอบสอง
เมื่อถามว่า การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการปลุกเร้ามากเกินไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ทราบเพราะไม่ได้ฟัง เมื่อถามอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะมีการพูดผ่านวีดิโอลิงค์และเปิดเผยผู้มีบารมีที่อยู่เบื้องหลังอีกรอบ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ใครพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบ สังคมก็ตรวจสอบได้ ต่อข้อถามว่า จะมีการตัดสัญญาณหรือไม่ ถ้าพาดพิงสถาบัน นายอภิสิทธิ์ตอบว่า หากมีการกระทำที่ผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการทางกฎหมาย การวิพากษ์วิจารณ์บุคคลอื่นต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย แต่จะมีการพาดพิงถึงใครอย่างไรต้องดูตามข้อเท็จจริง ส่วนความเหมาะสมเป็นอีกเรื่อง คิดว่าสังคมมีวิจารณญาณ ส่วนจะมีวีดิโอลิงค์ทุกวันนั้นตนไม่ทราบ ทั้งหมดคิดว่าเป็นเรื่องของการใช้สิทธิ์ ถ้าอยู่ในกรอบของกฎหมายไม่มีปัญหา
ลั่นพ้นเก้าอี้ต้องไม่ใช่เพราะม็อบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจใช่หรือไม่ว่าการชุมนุมของ กลุ่มเสื้อแดง จะไม่เป็นปัญหาต่อการทำงาน และส่งผลให้ นายกรัฐมนตรีลาออก นายอภิสิทธิ์ตอบว่า มั่นใจ ได้กำชับกับทุกคนว่าต้องทำงานตามปกติให้ได้ จะไม่ให้เสียงาน เรามีหน้าที่ทำงานในช่วงที่ประชาชนมีปัญหา โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจต้องเดินหน้าทำงานให้มากที่สุด ต้องเดินตามแผนงานให้ได้ เมื่อถามว่า มั่นใจใช่หรือไม่ว่า ถ้าจะมีการลาออกไม่ใช่เกิดจากคนเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า การลาออกหรือไม่ลาออกจากตำแหน่ง เป็นเรื่องการเมืองซึ่งมีระบบของมันอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ทุกอย่างเดินหน้าในแง่การทำงาน เมื่อถามว่า มั่นใจได้อย่างไรเพราะปัจจัยต่างๆไม่ได้อยู่ในมือนายกฯ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่ต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง รักษาบรรยากาศของบ้านเมืองและกฎหมายไปพร้อมๆกัน
ให้ใช้ช่องปกติแก้ปัญหาไม่ต้องม็อบ
ต่อข้อถามว่า การข่าวระบุว่าการชุมนุมจะเข้มข้นและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ตนมั่นใจว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่นิยมความรุนแรง และไม่นิยมที่จะให้บ้านเมืองมีปัญหา โดยเฉพาะเมื่อบ้านเมืองเป็นอย่างนี้มีแต่อยากให้บ้านเมืองสมัครสมานสามัคคีเดินหน้าต่อไป ใครมีปัญหาหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถใช้ช่องทางตามปกติแก้ปัญหากันได้ เมื่อถามว่า แต่กว่าที่ประชาชนส่วนใหญ่จะออกมาเรียกร้องรัฐบาลจะพังไปก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า “ไม่หรอกครับ คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการรักษาบรรยากาศของบ้านเมืองเหมือนกัน และในที่สุดตนเชื่อว่าการเคลื่อนไหวก็ต้องอยู่ภายใต้กระแสสังคมด้วย”
ไม่เรียกร้องม็อบหลบงานกาชาด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการชุมนุมยืดเยื้อไปจนถึงวันที่ 30 มี.ค. ที่จะมีพิธีเปิดงานกาชาดประจำปีจะมีการข้อร้องกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า คิดว่าทุกคนก็อยากเห็นงานกาชาดเดินได้ตามปกติ ส่วนจะมีการยืดเยื้อหรือไม่นั้นเอาเป็นว่า ตนประเมินแล้วไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างก็ดำเนินการไปเขาจะใช้สิทธิ์ก็ใช้ไป เมื่อถามว่า มีหนทางการเจรจาเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ยินดีที่จะพูดคุยมาโดยตลอด ที่ผ่านมา ก็ให้ความสนใจกับข้อร้องเรียนและพยายามให้คำตอบ เมื่อถามว่า แต่ดูเหมือนการเจรจาจะแคบลง อย่างความคืบหน้าการปฏิรูปการเมืองฝ่ายค้านที่พยายามล้มโต๊ะ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ยังไม่มีการล้มโต๊ะ เพียงแต่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ภารกิจต่างๆ ไม่เอื้ออำนวยให้มานั่งพูดคุยกันและประธานสภาฯก็มีภารกิจในเรื่องการสรรหา กกต.
“เทพเทือก” เมิน “ทักษิณ” โฟนอิน
ขณะเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ยังคงปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลอยู่ว่า ยังไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์ใดๆ ต่อการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง รวมถึงการโฟนอินเข้ามา ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะมีการกล่าวถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ส่วนการจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาลหรือไม่นั้น เบื้องต้นต้องดูก่อนว่ามีงานภายในทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ ถ้ามีก็คงต้องเข้าไปตามปกติ
ส.นักข่าวแจกปลอกแขนแสดงตัวสื่อ
วันเดียวกัน สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้นำปลอกแขนสีเขียว ที่มีสัญลักษณ์สมาคม และข้อความว่า “สื่อมวลชน” มาแจกให้สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล และสื่อมวลชนที่มาปฏิบัติหน้าที่ รายงานข่าวการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งปิดล้อมทำเนียบฯ ขณะนี้ เพื่อให้ใช้ปลอกแขนเป็นเครื่องหมายแสดงตัว ป้องกันการเข้าใจผิด ระหว่างสื่อมวลชนกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่อาจเกิดขึ้นได้ อีกทั้งต้องการให้ทุกฝ่ายให้เสรีภาพและเคารพในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ปลอกแขนแต่ละอันจะมีรหัสประจำตัวของสื่อมวลชน เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ ผู้แทนสมาคมนักข่าวได้ประสานไปยังนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงให้รับทราบแล้ว โดยปลอกแขนสีเขียวดังกล่าว สมาคมนักข่าวฯได้จัดทำขึ้นตั้งแต่ช่วงการชุมนุมปิดล้อมสนามบินของกลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากการชุมนุมครั้งที่ผ่านมามีเหตุกระทบกระทั่งระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับสื่อมวลชน จากปัญหาการตรวจค้นอย่างเข้มงวดของกลุ่มผู้ชุมนุม
บช.น.เสริมตำรวจดูแล ปชป. 2 กองร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า นับตั้งแต่ที่ม็อบเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจมารักษาการประจำอยู่ที่บริเวณหน้าทางเข้าพรรค รวมถึงหัวและท้ายของถนนเศรษฐศิริ จากเดิมที่มีอยู่ 2 หมวด ให้เพิ่มเป็น 1 กองร้อย ภายหลังที่มีกระแสข่าวออกมาว่า ม็อบเสื้อแดงมีเป้าหมายจะใช้ยุทธการดาวกระจายมาปิดล้อมที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีการเสริมหน่วยอรินทราช 26 ของกองปราบปรามเข้ามาเสริม อีก 1 กองร้อย เพื่อรองรับสถานการณ์และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
“พัลลภ” แฉ “สุรยุทธ์” วางแผนล้ม “ทักษิณ”
วันเดียวกัน ที่บ้านย่านโชคชัย 4 พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินพาดพิง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ว่าอยู่เบื้องหลังร่วมวางแผนโค่นล้มระบอบทักษิณ 19 ก.ย. 2549 ว่าเป็นเรื่องจริง ที่ว่าเขาไม่เคยเชิญตนเข้าร่วมประชุม แต่เจ้าของบ้านที่ย่านสุขุมวิท เชิญตนเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งไม่ได้ประชุมแค่ครั้งเดียว แต่ประชุมกัน 3-4 ครั้ง มีการพูดคุยปัญหาของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะให้รัฐบาลล้มไปอย่างไร โดยมี 2 แนวทาง คือทางด้านรัฐธรรมนูญ หรือทางด้านกฎหมาย ถ้าแนวทางแรกไม่สำเร็จก็จะทำรัฐประหาร เมื่อถามว่า หลังทำรัฐประหารได้พูดหรือไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป พล.อ. พัลลภกล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดถึง เพียงแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ เสนอขึ้นมาว่า การทำครั้งนี้เพื่อประเทศชาติ ทุกคนจะต้อง ไม่หวังตำแหน่งใดๆ ทุกคนศรัทธาในตัวท่านมาก การหารือเป็นลักษณะโต๊ะกลม ไม่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. นั่งร่วมด้วย
“สุรยุทธ์” อ้างทำเพื่อชาติอย่าหวังลาภยศ
เมื่อถามว่า พล.อ.สุรยุทธ์ระบุว่า ท่านไม่อยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ คมช.เชิญให้ไปเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.พัลลภกล่าวว่า คงต้องไปถามท่าน ตนเดาใจไม่ถูก เพราะทุกคนงงหมด ตนเองก็งง เมื่อถามว่า แสดงว่า พล.อ.สุรยุทธ์เป็นตัวตั้งตัวตีในการวางแผนล้มรัฐบาล พล.อ.พัลลภกล่าวว่า จะพูดว่าตัวตั้งตัวตีคงไม่ได้ แต่ว่าการประชุม พล.อ.สุรยุทธ์จะมาร่วมด้วยทุกครั้ง เมื่อถามว่า คนที่เป็นแกนนำ ในการล้มรัฐบาลเป็นใคร พล.อ.พัลลภกล่าวว่า บอกไม่ได้ เพราะไม่อยากพาดพิงถึงคนอื่น แต่เมื่อ พล.อ.สุรยุทธ์มาพาดพิงถึงตน ก็จะพูดถึง พล.อ.สุรยุทธ์เท่านั้น การประชุม 3-4 ครั้ง มีการพูดถึงแนวทางเรื่องการล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณตลอด อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม พล.อ.สุรยุทธ์เป็นคนเสนอในที่ประชุมเองว่า การทำงานครั้งนี้เราทำเพื่อประเทศชาติ ทุกคนต้องไม่หวังตำแหน่งลาภยศใดๆ
จวกยับไม่มีสัจจะอยากเป็นนายกฯ
“หลังจากที่ปฏิวัติรัฐประหาร พล.อ.สุรยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้พวกเราผิดหวังมาก ตอนแรกก็ชื่นชม เกี่ยวกับแนวความคิดดังกล่าว พูดง่ายๆ พล.อ.สุรยุทธ์เสียสัจจะ กลายเป็นคนไม่มีสัจจะ และผิดมติในที่ประชุม แต่กลับมาอ้างว่าได้ประชุมได้คุยกัน ถือว่าเป็นการผิดมติ ในที่ประชุม ในการพูดคุยในวันนั้นมีประมาณ 6-7 คน เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทั้งนั้น จากนั้นตนไม่ได้ พูดจากับ พล.อ.สุรยุทธ์อีกเลย เจอหน้ากันก็ทำเหมือนคนไม่รู้จัก ทั้งที่เขาเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาและเป็นนายทหารรุ่นน้อง สมัยที่ตนเป็น ผบ.ค่ายสฤษดิ์เสนา พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นผู้บังคับหมวด” พล.อ.พัลลภกล่าว
“จำลอง” ก็ร่วมอยู่ในขบวนการด้วย
เมื่อถามว่าในการพูดคุยมีการวางแผนอย่างไร พล.อ.พัลลภกล่าวว่า อย่างแรกคือการวางแผนทางด้านกฎหมายและการทำรัฐประหารว่า จะทำอย่างไร การที่ตนไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านทราบแผนการหมดแล้ว แต่ถามตนในลักษณะใช่หรือไม่ใช่ ยกตัวอย่าง พ.ต.ท. ทักษิณเล่าให้ฟังคือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับ พล.อ.สุรยุทธ์ เชิญ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต. ไปพบที่บ้านของ พล.ต.จำลอง ย่านราชวัตร และล็อบบี้ให้ พล.อ.จารุภัทร ถอนตัวออกจาก กกต. เพื่อล้มการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2549 ซึ่ง พล.อจารุภัทรรายงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับทราบ จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณไปหา พล.อ.สุรยุทธ์ที่ทำเนียบองคมนตรี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ พล.อ.สุรยุทธ์กลับปฏิเสธ
“เรื่องแบบนี้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต. ก็เคยได้รับเชิญไปที่บ้านสุขุมวิท เพื่อไปพบ พล.อ. สุรุยุทธ์และล็อบบี้ให้ลาออกจากตำแหน่ง และล้มการเลือกตั้ง ดังนั้น เรื่องนี้ไม่เป็นความลับ พ.ต.ท.ทักษิณรู้ดีตั้งแต่ต้นว่าจะมีการล้มรัฐบาล เพราะติดตามเคลื่อนไหวทั้งหมดเพียงแต่มาสอบถามผมว่า เรื่องที่รู้มาจริงหรือไม่ เมื่อครั้งที่ผมเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ประเทศจีน” พล.อ. พัลลภกล่าว
ยืนยันว่าไม่มีการลอบฆ่า “ทักษิณ”
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.พัลลภ กับ พล.อ.สุรยุทธ์เป็นอย่างไร พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ไม่เคยมีปัญหาอะไร เขาเป็นลูกน้องถึง 6 รุ่น เมื่อถามว่า พ.ต.ท. ทักษิณโฟนอินพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.สุรยุทธ์ เพื่อพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงใช่หรือไม่ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณรู้ตลอดเวลาว่าจะถูกปฏิวัติ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า รู้มาตลอดทุกเรื่อง แม้แต่แผนการปฏิวัติ ซึ่งไม่รู้ว่าจะปฏิวัติเมื่อไร แต่ท่านประมาท เพราะไว้ใจคนใกล้ตัวและเพื่อน ตท.10 ที่คุมกำลังอยู่ในกองทัพ เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์อ้างว่าจะทำงานถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการล้มรัฐบาล ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเข้ามา พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ตนไม่รู้ เพราะ พล.อ. สุรยุทธ์ไม่เคยเล่าให้ฟัง เพราะที่ประชุมพูดกันเพียงว่า จะล้มรัฐบาล ส่วนการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณไม่มี การรัฐประหารโดยปกติจะต้องล็อกตัวนายกฯ คนละเรื่องกับการลอบสังหาร ขอยืนยันว่าไม่มีการลอบสังหาร แต่อาจเป็นการเข้าชาร์จหรือล็อกตัวนายกฯ เมื่อถามว่า เหตุใด พ.ต.ท.ทักษิณที่ออกมาพูดในช่วงนี้ ทั้งๆที่รู้แผนการปฏิวัติ มานานแล้ว พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ท่านรู้มานานแล้ว แต่คงหาคนอ้างอิงไม่ได้ เผอิญตนเดินทางไปหาพอดี จึงหาพยานอ้างอิงเสียเลย
ไม่อยากเห็นคนไทยฆ่าคนไทย
เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้ประเทศชาติจะมีทางออกอย่างไร เมื่อกลุ่มเสื้อแดงออกมาชุมนุม พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ตนไม่อยากเห็นคนไทยฆ่ากัน เกิดสงครามการเมือง มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบอกว่า คนที่จะแก้ไขปัญหาได้คือ พ.ต.ท.ทักษิณจึงทำให้ตนอยากพบ วันนี้เงื่อนไขทางการเมืองเปลี่ยนไปคือ รัฐบาลตั้งขึ้นมาโดยไม่มีความชอบธรรม เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย เพราะต้องการให้เสียงข้างมากเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่นี่เป็นการล็อบบี้กันแบบงูเห่า ไม่ถูกต้อง เพราะควรให้พรรคเสียงข้างมากตั้งก่อน หากเขาตั้งไม่ได้ ตัวเองจึงจะค่อยตั้ง แต่เป็นการชิงตั้งรัฐบาลก่อน เมื่อถามว่า เหตุการณ์จะยุติอย่างไร พล.อ. พัลลภกล่าวว่า ตนมองไม่ออกว่าเหตุการณ์จะยุติอย่างไร เมื่อถามว่ามีทางหรือไม่ที่รัฐบาลจะยอมลาออก เพื่อให้ ประเทศชาติเดินต่อไปได้ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ตนไม่รู้ เพราะไม่ได้คุยกับใครเลย เมื่อถามว่าประเมินสถานการณ์ จะมีความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า อยู่ที่จุดมุ่งหมายว่าเขาต้องการทำอะไร พูดง่ายๆ แบบพฤษภาทมิฬ เมื่อ พล.ต.จำลองโดนจับและตนเป็นคนนำ และเกิดเหตุการณ์ นักศึกษาตีตำรวจบาดเจ็บ เราจึงเข้าไปช่วยนักศึกษาตีตำรวจ จึงเกิดเหตุการณ์ขึ้น ต้องดูว่าวันนี้จะเกิดแบบนี้หรือไม่ ถ้ารัฐบาลใช้ความรุนแรงก็จะต้องเกิดขึ้นแน่ ซึ่งตนไม่อยากเห็นคนไทยฆ่าคนไทย เพราะในชีวิตตนผ่านเรื่องนี้มาเยอะ
จี้ “สุรยุทธ์” ลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี
เมื่อถามว่า หากมีการเผาสถานที่ราชการมีการยั่วยุให้เกิดการปะทะกันหรือไม่ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เมื่อถามว่า มองผู้นำกองทัพขณะนี้อย่างไร พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ตนเป็นทหารรุ่นพี่ไม่อยากวิจารณ์ เพราะผู้นำเหล่าทัพส่วนใหญ่เป็นลูกศิษย์ตนทั้งนั้น ตนเหมือนกับ “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ที่ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน ยึดถือตรงนี้ ทั้งนี้ทหารต้องยืนอยู่เคียงข้างประชาชนคือยึดถือความมั่นคงของประเทศชาติ และความสันติของประชาชนเป็นหลัก
“ผมอยากฝากไปถึง พล.อ.สุรยุทธ์ว่า เพื่อรักษาสถาบันอันมีเกียรติแห่งนี้ท่านควรจะลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี เพราะองคมนตรีต้องไม่ยุ่งกับการเมือง แต่ท่านเป็นคนที่เข้ามายุ่งกับการเมือง ดังนั้นเพื่อรักษาสถาบันอันสำคัญยิ่งไว้ ผมคิดว่าท่านควรจะต้องลาออกในฐานะที่ผมเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา และรุ่นพี่ ผมไม่มีอะไรกับท่านเลย” พล.อ.พัลลภกล่าว
ไปพบ “ทักษิณ” เพราะมีคนชวน
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ พล.อ.สุรยุทธ์เป็นองคมนตรี และไปรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเสร็จภารกิจก็ยังกลับมาเป็นองคมนตรีได้ ซึ่งเป็นการยุ่งเกี่ยวกับการเมือง พล.อ.พัลลภกล่าวว่า คนเขาพูดกันอยู่แล้ว ตนไม่ต้องพูด เมื่อถามว่า การกลับไปครั้งนี้เป็นเพราะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้การสนับสนุนหรือไม่ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ไม่อยากพูดไปถึงนั้น เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีการพูดพาดพิงองคมนตรี เพราะจะทำให้ภาพพจน์ของสถาบันเสื่อมลง พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ตอนที่ พล.อ.สุรยุทธ์เดินหน้าล้มการเลือกตั้ง ท่านบอกว่าไม่ได้ไปประชุมแต่ไปปรึกษาหารือ ท่านเป็นองคมนตรีอยู่แล้วท่านเป็นคนดึงสถาบันนี้ลงมา ตนจึงขอฝากเรียนท่านว่าให้ท่านลาออกเสียเถอะ เพื่อควบคุมสถาบันอันสำคัญยิ่งของประเทศไว้ด้วยความหวังดี ทั้งนี้ตนไม่เคยมีเรื่องอะไรกับท่าน เพียงแต่ผิดหวังที่ท่านเสียสัจจะ เมื่อถามถึงจุดยืนของ พล.อ.พัลลภต่อสถานการณ์บ้านเมือง พล.อ.พัลลภกล่าวว่า จุดยืนตนรับใช้ประเทศชาติ มีความจงรักภักดีต่อสถาบันมาโดยตลอด ยืนยันว่าการไปประเทศจีน พอดีนายพิเชษฐ์ สถิรชวาล อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย ชวนไปหาที่เมืองจีน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณยินดีให้ตนไปหา ทั้งนี้สาเหตุที่ไปพบเพราะไม่อยากเห็นคนไทยฆ่ากัน ตนก็ถาม พ.ต.ท.ทักษิณว่าจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
ไม่เคยรับเงิน “ทักษิณ” รับแต่รองเท้า
“บางคนกล่าวหาว่าผมไปรับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ 3,000-4,000 ล้านบาท ผมยืนยันได้ว่า ที่ผมไปครั้งนี้ได้รองเท้ากอล์ฟมาเพียงคู่เดียว ผมจะไปซื้อรองเท้ามาเล่นกอล์ฟ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าไม่ต้องออกเงิน ท่านจะออกให้ รวมถึงจ่ายค่าแคดดี้และค่าที่พักให้เท่านั้น ตกเป็นเงินไทยไม่ถึง 5,000 บาท ขอยืนยันว่าไม่ได้ไปรับเงิน เพราะผมไม่ได้ไปคนเดียว แต่ไปกัน 4 คน เวลาคุยก็คุยด้วยกันทั้งหมด หากรับเงินจริงวันนี้ซื้อรถเบนซ์แล้ว” พล.อ.พัลลภกล่าว
เมื่อถามว่า ในฐานะประชาชนจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ทุกคนอยากให้ประเทศชาติมีความมั่นคง ประชาชนอยู่อย่างสันติสุข มีความปรองดองในชาติ ทั้งนี้ถ้านิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณที่เพียงแต่ไปเซ็นให้ภรรยาซื้อที่ดินและถูกจำคุก 2 ปี จะทำให้ประเทศชาติสู่ความมั่นคงประชาชนอยู่อย่างสันติสุขได้ คิดว่าควรจะเลือกทางนั้น สมัยปี 2524 สมัยที่ตนเป็นผู้การฯ และนำกำลังทหารเข้ามาปฏิวัติ โทษของตนสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ตนถูกข้อหากบฏและขัดพระบรมราชโองการยังสามารถนิรโทษกรรมได้ ซึ่งแรงกว่ากันเยอะมาก
จวก ปชป.เป็นรัฐบาลฉวยโอกาส
เมื่อถามว่าควรจะนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียว เพื่อให้ประเทศชาติกลับมาเกิดความมั่นคงอีกครั้ง พล.อ.พัลลภกล่าวว่า กี่คนก็แล้วแต่ ถ้าทำแล้วทำให้ประเทศชาติ กลับมาสมานฉันท์มีความมั่นคงประชาชนอยู่อย่างสันติสุขตนคิดว่าควรทำและต้องรีบทำด้วย เพราะวันนี้ไม่ใช่เฉพาะปัญหาความมั่นคง แต่มันเป็นปัญหาของเศรษฐกิจด้วย ส่วนการที่ จปร. 7 ออกมาเคลื่อนไหว ทั้งตัวท่าน พล.ต.จำลองและ พล.ต.มนูญกฤต มีนัยอะไรหรือไม่นั้น คงเป็นฟ้าลิขิต แต่ยืนยันว่าเพื่อนก็คือเพื่อน แต่ประเทศชาติต้องมาก่อน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา จปร.7 แตกออกเป็น 2 พวก คือกลุ่มยังเติร์ก กับทหารประชาธิปไตย แต่ส่วนใหญ่เลิกกันไปหมดแล้วเหลือเพียง 3 คนเท่านั้น เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า โทรคุยเมื่อสองวันที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณถามว่าตนสบายดีหรือไม่ ก็บอกว่าสบายดี ตอนนี้กำลังเล่นกอล์ฟอยู่ ไม่ได้คุยอะไรกันมาก ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวขอโทษที่อ้างชื่อตน เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณยืมมือ พล.อ.พัลลภ ฆ่าศัตรูอีกฝั่งหนึ่ง พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ไม่ใช่หรอก ตนบอกว่าไปขอพบท่าน แต่หากท่านขอพบตนอาจจะใช้ตนเป็นเครื่องมือ เงื่อนไขที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลไม่ได้ขึ้นมาตามระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาแบบฉวยโอกาส วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคเก่าแก่ 63 ปี เป็นนายกฯ 4 สมัย ไม่ถึง 7 เป็นฝ่ายค้าน 57 ปี แต่ละครั้งที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็เป็นแบบนี้
ทหารแค้น “วาสนา-เจี๊ยบ” แฉเบื้องหลัง ปว.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันเดียวกันนี้ ได้มีโทรศัพท์จากทหารผู้หวังดีคนหนึ่งโทร.ถึง น.ส.วาสนา นา-น่วม ผู้เขียนหนังสือ “ลับ ลวง พราง ภาคสอง” เตือนให้ ระวังตัว เนื่องจากมีบิ๊กทหารบางคนไม่พอใจข้อมูลที่เขียนในหนังสือ โดยเฉพาะเรื่องการเปิดเบื้องหลังการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 และการสัมภาษณ์เปิดใจ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รอง ผอ.รมน. โดยอาจมีแผนที่จะ “อุ้ม” จับตัวหรือเชิญตัว น.ส.วาสนาไปพูดคุยเรื่องเนื้อหาในหนังสือ โดยมีแผนที่จะลงมือในวันที่ น.ส.วาสนาจะไปเปิดตัวหนังสือในวันอาทิตย์ที่ 29 มี.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายทหารผู้หวังดีคนนี้ยังระบุกับ น.ส.วาสนาด้วยว่า มีทหารลูกน้องแจ้งให้ทราบว่าบิ๊กทหารที่ไม่พอใจนี้ มองว่าหนังสือลับ ลวง พราง เป็นประโยชน์ต่อ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังโฟนอินแฉ เรื่องเบื้องหลังการปฏิวัติ นอกจากนี้ ยังเตือนไปถึงหมวดเจี๊ยบ-ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต ที่ออกหนังสือ “ทักษิณ Are you Ok” ที่จะเปิดตัววันอาทิตย์นี้เช่นกัน โดยเป็นการสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณในต่างประเทศ และมีประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณแฉเบื้องหลังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการล้มอำนาจเขา ทั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และอีกหลายคน รวมทั้งแผนการลอบสังหาร
ยันเขียนหนังสือเป็นกลางไม่เข้าข้างใคร
ด้าน น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้เขียนหนังสือลับ ลวง พราง กล่าวว่า ไม่ได้ตื่นตกใจอะไร แต่เป็นห่วงหมวดเจี๊ยบมากกว่า เพราะถูกมองว่าเป็นเสื้อแดง และเป็นฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ พ.ต.ท.ทักษิณก็ได้โปรโมตหนังสือของหมวดเจี๊ยบ ในการโฟนอินที่เชียงใหม่ เมื่อต้นสัปดาห์ แต่ของเราเองเป็นภาคต่อจากลับ ลวง พราง ภาคแรก ซึ่งมีเนื้อหาหลากหลาย ตรวจสอบทั้งฝ่ายกองทัพ คมช. และเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ มีทั้งสีแดง สีเหลือง ถ้าคนได้อ่านทั้งเล่มจะเข้าใจ และเข้าใจในจุดยืนของตนว่าไม่ได้เข้าข้างใคร ไม่ใช่สีอะไร แต่อยู่ตรงข้ามผู้มีอำนาจ ครั้งรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ตนก็ถูก พ.ต.ท.ทักษิณด่าอย่างรุนแรงมาตลอด มาตอนนี้ตรวจสอบ คมช. กองทัพ ก็เหมือนเข้าทาง พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น แต่เชื่อว่าทหารเข้าใจตน จึงเป็นห่วงแล้วโทร.มาเตือนด้วยความหวังดี ให้ระวังตัว โดย เฉพาะวันอาทิตย์นี้ แต่ไม่ได้ข่มขู่
แนวร่วมแดงบริจาคเช็คช่วยชาติ
ในช่วงเย็นวันที่ 27 มี.ค. บรรยากาศการชุมนุมที่หน้าทำเนียบฯ คึกคักขึ้นอีกครั้ง เมื่อเหล่าแนวร่วมคนเสื้อแดงนับหมื่น เริ่มทยอยเดินทางมาจับจองที่นั่ง รอฟังการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านระบบวีดิโอลิงค์ ส่งผลให้ถนนพิษณุโลกแน่นถนัดแทบไม่มีที่จะเดิน ขณะที่ถนนนครปฐม ถนนลูกหลวง และถนนราชดำเนินนอก รอบทำเนียบ เหล่าคนเสื้อแดงกระจัดกระจายกันเป็นกลุ่มๆ อยู่หน้าจอมอนิเตอร์ที่ติดตั้งไว้ จากนั้นแกนนำเสื้อแดง พร้อมใจตบเท้าขึ้นเวทีปราศรัยก่อน จัดรายการความจริงวันนี้สัญจรหน้าทำเนียบ โดยสลับกันปราศรัยโจมตีรัฐบาลอย่างดุเดือด ระหว่างนั้นได้มีนางอนัญญา หมั่นผดุงกิจ แนวร่วมคนเสื้อแดง นำเช็คช่วยชาติ 2 พันบาท มามอบให้นายวีระ มุสิกพงษ์ เพื่อเป็นเงินสมทบให้กลุ่มคนเสื้อแดง เรียกเสียงโห่ฮาอย่างสะใจจากเสื้อแดงรอบทำเนียบ
เรียกร้อง “เปรม-อภิสิทธิ์” ลาออก
เวลา 17.00 น. ที่บริเวณด้านหลังเวทีปราศรัย นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. แถลงยืนยันว่า ในเวลาประมาณ 20.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโฟนอินผ่านระบบวีดิโอลิงค์ บอกว่า ใครเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ที่อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 อย่างแน่นอน พร้อมกับจะเชิญชวนให้คนเสื้อแดงออกมาร่วมต่อสู้ ทวงคืนประชาธิปไตยให้มากขึ้น เพราะวันนี้ชัดเจนแล้วว่า ต้นตอของปัญหาการเมืองทั้งหมด คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ยังคงเข้าไปยุ่งเรื่องการเมือง ด้วยการเข้าร่วมฉีกรัฐธรรมนูญ 2540 ใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องแทรกแซงการเมือง แทรกแซงพรรคการเมือง เป็นการตระบัดสัตย์ต่อหน้าที่ ไม่เป็นไปตามคำถวายสัตย์ ตอนเข้ารับตำแหน่งองคมนตรี ถือว่าไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตย คนเสื้อแดงจะต่อสู้ยืดเยื้อไปจนกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คืนอำนาจให้ประชาชน และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี หรือประกาศจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอย่างในปัจจุบันอีกต่อไป ความคิดของคนเสื้อแดงที่จะเดินขบวนไปยังหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ยังคงมีอยู่ แต่ยังไม่ใช่ในวันที่ 27 มี.ค.แน่นอน
สายข่าวทหารถูกจับกลางม็อบอีก
เวลา 19.00 น. ที่รถโค้ชหลังเวทีปราศรัย การ์ดแนวร่วมคนเสื้อแดง จับกุมชายฉกรรจ์ 2 คน มาสอบสวนอย่างเคร่งเครียด จากนั้นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขึ้นเวทีกล่าวกับผู้ชุมนุมว่า การจับสายข่าวทหารในที่ชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อเดือน ก.พ.ก็มีปัญหาไปครั้งหนึ่ง ในการชุมนุมคราวนี้บอกก่อนแล้วว่า ถ้าทหารหรือตำรวจจะส่งกำลังมา ก็ขอให้บอกมาตรงๆ ยินดีอำนวยความสะดวกให้ฝ่ายตำรวจก็บอก แต่ฝ่ายทหารไม่ทราบว่า มีนายเป็นเผด็จการหรือเปล่า เพราะวันนี้ที่บริเวณประตูอรทัย ทางเข้าทำเนียบฝั่งการ์ดเสื้อแดงควบคุมชายวัยรุ่น 2 คน สวมเสื้อยืดรองเท้าแตะ เมื่อค้นเป้ที่สะพายมา พบ หม้อแปลงไฟฟ้า และแบตเตอรี่ ตอนแรกปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ยอมรับว่าชื่อ ส.ต.ณัฐพล เศวตจินดา และ ส.ท.ไพรพณา บุญช่วง โดยทั้งคู่สังกัด ส.พัน 1 รอ. สารภาพว่า จะเอาของไปให้นาย แต่จำชื่อนายไม่ได้ ขอประกาศให้ผู้บังคับบัญชาของทหารทั้งคู่ทราบ ว่าทั้งคู่ยังอยู่ดี หลังจากนี้จะส่งตัวให้ตำรวจ หวังว่าการตรวจค้นของเหล่านี้คงเป็นครั้งสุดท้าย จะทำอะไรบอกก่อนได้ เพราะเสื้อแดงไม่ใช่โจรก่อการร้าย ไม่ใช่ลักลอบเข้าออกกันแบบนี้
อัยการสั่งไม่ฟ้อง นปช.บุกบ้านป๋า
นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีที่กลุ่ม นปช. ตกเป็นผู้ต้องหาที่บุกรุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 50 ว่าคณะทำงานอัยการได้พิจารณาสำนวนหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏแล้วเห็นว่าลักษณะการชุมนุมเป็นไปอย่างเปิดเผย ไม่มีอาวุธ เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ จึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง หลังจากอัยการมีความเห็นเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ก็ส่งความเห็นพร้อมสำนวนกลับไปให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งกับทางอัยการหรือไม่ หาก ผบ.ตร.มีความเห็นแย้งก็ต้องให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เป็นผู้ชี้ขาด ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงในส่วนอื่น ยังปรากฏว่ามีผู้ต้องหา 2 ราย ทำร้ายร่างกายบุคคลอื่น อัยการจึงมีความเห็นสั่งฟ้อง นอกจากนี้ อัยการยังพิจารณาสั่งฟ้องคดีที่กลุ่มคนเสื้อแดงทุบรถ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ด้วย เนื่องจากการกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งไม่ใช่เงื่อนไขการใช้สิทธิการชุมนุมตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
20.35 น. ทักษิณ “โฟนอิน” ตามนัด
กระทั่งเวลา 20.35 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินผ่านระบบวีดิโอลิงค์ที่เห็นทั้งภาพและได้ยินทั้งเสียง โดย พ.ต.ท.ทักษิณสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน ได้กล่าวสวัสดีและทักทายประชาชนที่ฟังการโฟนอินทุกคน ก่อนกล่าวว่าบางท่านอาจจะฟังผมพูดที่เชียงใหม่แล้ว บางท่านอาจจะยังไม่ได้ฟัง วันนี้ โทรมกว่าเชียงใหม่ เพราะว่าเดินทางไปเมื่อคืนนี้ วันเดียวอยู่ 3 ประเทศ เหนื่อยนิดหน่อย แต่ได้ผลดี ได้ผลเพื่อทางระยะยาวของประเทศไทยของประเทศต่างๆ ที่ผมได้ไปพูดคุยด้วย พี่น้องเหนื่อยไหมครับ ผมเข้าใจว่าเหนื่อย ร้อน บางคนอาจจะหิว แต่ว่าท่านก็ยังอดทนรอคอยที่จะให้ผมได้มีโอกาสได้พูดจาทักทาย ผมต้องขอขอบคุณพี่น้องทุกท่าน พี่น้องชาวเสื้อแดง พี่น้องผู้รักประชาธิปไตย พี่น้องผู้รักความเป็นธรรมทุกท่านที่ได้มารวมตัวกันตั้งแต่เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) เมื่อวานผมตั้งใจพูด แต่เนื่องจากว่ามันเดินทางลำบาก
เรียกร้องขอประชาธิปไตยคืน
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อว่า ในวันนี้ ผมตั้งใจพูดจาเพื่อหาทางออกถึงความขัดแย้ง คนอื่นจะเอาไม่เอาไม่ว่ากัน ต้องขอขอบคุณพี่น้องแท็กซี่ ที่พาพวกท่านทั้งหลายมาที่นี่และเก็บตังค์ถูกๆ มาจากต่างหวัดเป็นครั้งประวัติศาสตร์ จัดโต๊ะจีนหัวละร้อยสองร้อยบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับล่าง พ่อแม่ก็เป็นคนจนหาเข้ากินค่ำ ภาวะเศรษฐกิจที่มีปัญหามา 3 ปี ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมแก่พวกท่านทั้งหลาย ต้องขอขอบคุณข้าราชการทหารที่อยู่ในทำเนียบ คนเสื้อแดง เป็นคนมีวินัย แต่ว่าอาจจะมีคนปลอมเป็นเสื้อแดง ของจริงอยู่ที่นี่ อยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลที่นี่ เราจะร่วมอุดมการณ์ กันว่า เราจะเรียกประชาธิปไตยของเราคืนมาได้อย่างไร
อยากเห็นสังคมไทยมีความยุติธรรม
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า วัตถุประสงค์ที่เรามารวมตัว คงพูดให้ชัด เรามารวมตัวเพื่ออนาคตของประเทศไทย ลูกหลานไทยเรากำลังมาตกลงกันว่า ระบอบการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง คือสิ่งที่เรารักและหวงแหน เราอยากจะได้ไว้กับสังคมไทย เราต้องการเห็นสังคมไทยมีประชาธิปไตยที่แท้จริง อยากเห็นสังคมไทยที่มีระบบ ความยุติธรรม ถ้าเราไม่มีความยุติธรรม ในที่สุดเราจะเจอปัญหาเหมือนกับนอกอาณาเขต สมัยก่อนโน้น เพราะว่าในวันนี้เรื่องของอนุญาโตตุลาการ หลายประเทศเริ่มรู้สึกว่า ถ้าลงทุนในประเทศไทย กลัวว่าไม่ได้รับความยุติธรรม
เผยญี่ปุ่นแหยงไทยไม่กล้ามาลงทุน
เลยบอกว่าไปใช้ศาลฮ่องกง สิงคโปร์ เริ่มเกิดขึ้นบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่อยากให้มันเกิด อยากเห็นประเทศที่มีอนาคต คนที่เคยทำงานร่วมกับผมคนหนึ่ง ได้รับเชิญไปญี่ปุ่นไปคุยกับบรรดานักธุรกิจญี่ปุ่น เขาบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศครั้งนี้ มันคือเหตุการณ์ ที่ไม่เคยเห็น ทั่งที่เคยเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเขาจะไม่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยเด็ดขาด เขาก็เล่าให้ฟังต่อไปว่า เครื่องบินของญี่ปุ่นเดิมทีเดียว อเมริกา ไม่ยอม ให้ผลิตแข่งเขา แต่วันนี้เขาเลิกผลิตแล้ว เขาแอบศึกษา ผลสุดท้ายเขาไปตั้งโรงงานประกอบเครื่องยนต์ทางด้าน เครื่องบินที่เวียดนาม เพราะที่เวียดนามมีเด็กที่เรียนคณิตศาสตร์ จบมาใหม่ๆเยอะ ก็เลยไปไว้ที่เวียดนาม
ให้นักการเมืองมองอนาคตคนไทย
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า นี่คือตัวอย่างของการสูญเสียโอกาส ทั้งที่ไทยกับญี่ปุ่นใกล้ชิดกันมาก อยากบอกกับบรรดานักการเมืองทั้งหลายว่า ถึงเวลาหรือยังที่จะมองอนาคตให้ลูกหลาน ไม่ใช่ว่าเป็นลักษณะของการเอาชนะ หรือเป็นเรื่องของความไม่พอใจ โกรธกันเราต้องเรียนรู้ เราต้องรู้บทเรียนที่เราเจ็บช้ำมานาน จากการปฏิวัติรัฐประหาร ที่เข้ามาทำให้ประชาธิปไตยของเราไม่เป็นประชาธิปไตย มันเกิดครั้งแล้วครั้งเล่า มันเกิดจนเราไม่รู้ว่า เมื่อไรมันจะจบ เพราะอะไร เพราะเราไม่ยอมพูดความจริงกัน เพราะเราตั้งกรรมการสอบข้อ เท็จจริงครึ่งเดียว ในที่สุดเราก็ไม่รู้ความจริง เหมือนกับว่าเราเสียค่าเล่าเรียน แต่เรียนไม่จบ นี่คือสิ่งที่เราเรียนรู้ ประชาธิปไตย
ย้อนอดีตก่อนถูกโค่นจนหลุดวงการเมือง
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ล้มแล้วกลับไม่พูดกันชัดเจน วันนี้ถึงเวลาที่ต้องพูดให้ชัดเจน ต้องพูดกันให้จริงๆมัวเกรงใจกันไม่ได้ เพราะพี่น้องคนไทยไม่มีโอกาสรู้ความจริง สิ่งที่จะพูดต่อไปนี้ไม่ใช่เพื่อผม แต่เพื่อลูกหลาน ความสามารถในการพัฒนาตัวเองจะมีแค่ไหน ผมขอเท้าความเล่าว่าใครคือผู้มีบารมี ที่มาของความวุ่นวาย พี่น้องคงจำได้ปลายปี 2547 ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งต้นปี 2548 ได้มีการรวมตัวเล็กน้อย ของพวกสหภาพแรงงานที่สนามหลวง เป็นการรวมตัวของคนที่ไม่พอใจผม แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปี 48 หลังจากเลือกตั้งแล้ว พรรคไทยรักไทยชนะ เริ่มมีความรู้สึกว่า พรรคไทยรักไทยแข็งแรงเกินไป พรรคฝ่ายค้านอ่อนแอเกินไป พอปลายปี 48 เกิดขบวนการรวมตัวกันของพันธมิตรฯ โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นหัวหน้าทีม เริ่มต้นที่สวนลุมพินี โดยความเอื้อเฟื้อของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. สมัยนั้น
เปิดโปงถูก “ป๋าเปรม” แทรกแซง
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็คงช่วยทางอ้อม มีคนของพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นเวทีบ้าง ขนคนมาบ้าง เริ่มต้นของการต่อสู้นอกระบบ แค่นั้นไม่เป็นไร แต่ปรากฏว่ามีองคมนตรีบางท่านได้ไปบอกกับสื่อ ไปแอบ อ้างว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่เอาผมแล้ว ให้สื่อตี ผมพูดกับสื่อ สื่อก็ยอมรับ หลังจากนั้นก็เกิดม็อบมีเส้น เอเอสทีวีได้รับการคุ้มครองจากศาลปกครอง จนถึงปฏิวัติก็ยังไม่เลิกการคุ้มครอง คุ้มครองให้ออกอากาศ ใช้คำพูดที่หยาบๆ ทำอะไรไม่ได้ จนผมต้องพูดความจริงขึ้นมา ผมประชุมข้าราชการที่ตึกสันติไมตรี ผมบอกให้ข้าราชการทุกคนทำหน้าที่ เพราะตอนนั้นเริ่มรู้ว่ารัฐบาลมีปัญหา ถูกผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญแทรกแซง เริ่มมีการนิ่งไม่ทำงาน ผมก็กระตุ้นให้ทำงานได้แล้ว บอกว่าที่มันเป็นอย่างนี้ เพราะผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ แต่ในรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้เขาสร้างการจัดการในอำนาจนั้นๆ นายสนธิกล่าวหาผม บังอาจอาจเอื้อมจริงๆ ผมมีความจงรักภักดี แต่จริงๆแล้วผมหมายถึงพลเอกเปรม ที่ผมหมายถึงอย่างนั้น และมีคนของพลเอกเปรมโทร.มาบอกว่าให้ผมช่วยได้ไหม เพราะมันไม่ใช่ ก็มันใช่ผมก็เลยไม่พูด
แฉป๋าเปรมเดินสายด่าตลอด
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า เขาบอกว่าพูดให้มันชัดได้ไหมว่าไม่ใช่พลเอกเปรม ก็มันใช่ผมก็เลยไม่พูด หลังจากนั้นท่านเดินสายแต่งเครื่องแบบทหาร ทั้งทหารเรือ ทหารอากาศ ออกเดินสายด่าผม ไปโรงเรียน จปร. ไป โรงเรียนนายเรือ โดยพลเอกสุรยุทธ์ไปด้วย เป็นคู่หูกัน ก่อนที่ผมจะพูดต่อไป ขออัญเชิญพระราชกระแสพระราชดำรัส ที่พระราชทานแก่คณะองคมนตรี ณ พระราชอุทยานสราญรมย์ วันอังคารที่ 27 มกราคม 2547 ว่าองคมนตรีมีอำนาจ แต่องคมนตรีไม่ได้เป็นที่ปรึกษาของฝ่ายพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่ว่าจะไปแนะนำกับคนอื่น เป็นการแนะนำส่วนตัวในฐานะองคมนตรี ฉะนั้น ขอให้ท่านระมัดระวังในคำพูดเท่านั้นเอง นั้นก็คือว่า ต้องเข้าใจว่าในบทบาททำหน้าที่ขององคมนตรี แต่วันนี้ที่การที่องคมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะว่าทำให้ผู้คนเข้าใจคลาดเคลื่อนไปได้ว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงเกี่ยวข้อง พระเจ้าอยู่หัวท่านสถิตอยู่ในที่สูง ท่านเป็นที่รักของพสกนิกร แต่ว่าคนที่อยู่รอบพระองค์ท่านที่เกี่ยวข้องกับการเมืองนั้นทำให้พระองค์ท่านเสีย ขอให้คนที่อยู่รอบพระองค์ท่าน อย่าได้เข้ามายุ่งกับการเมือง เพราะว่าพระองค์ ท่านสถิตอยู่ในที่สูง
เผยเบื้องหลังป๋าห่วงประชาธิปัตย์
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อว่า ขอย้ำอีกครั้งว่าสิ่งที่พลเอกเปรม พลเอกสุรยุทธ์ เข้ามายุ่งกับการเมือง เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเสียหาย ฉะนั้นจึงไม่ควรยุ่งกับการเมือง เมื่อไรท่านยุ่งกับการเมือง การเมืองก็ยุ่งกับท่าน องค์กรทุกองค์กร ถ้ายุ่งกับการเมือง การเมืองก็ยุ่งด้วย ขอเรียนว่าอย่ามายุ่งกับการเมืองเลย สิ่งที่ผมพูดวันนี้ก็คือ ผมกำลังพูดเพื่อบอกว่าหาทางออก ผมจะพูดต่อคือถ้าท่านจำได้ พลเอกเปรมท่านเคยเป็นนายกรัฐมนตรี มา 8 ปี แต่ 8 ปีของท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ถ้าในรัฐธรรมนูญในตอนนั้น ไม่ได้บังคับว่าท่านได้รับการสนับสนุนจากเสียงพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2529 ล่าสุดได้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยคุณพิชัย รัตตกุล ยกมือให้ท่านเปรม การที่พลเอกเปรมใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ ท่านก็เลยเป็นห่วงเป็นใยพรรคประชาธิปัตย์ พอหลังจากที่พรรคไทยรักไทยเข้ามา ชนะการเลือกตั้ง 2 ครั้ง 2 คราว พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีทางสู้เลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
อาสาจัดการทักษิณอ้างไม่จงรักภักดี
อดีตนายกฯยังกล่าวว่า เป็นห่วงว่าไม่อยากให้ท่านเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย ที่จริงแล้วถ้าพูดว่าไม่ยุ่งกับการเมืองเลยก็ไม่ได้ เพราะว่าท่านยุ่งกับการเมืองจริงๆ คุณสุรยุทธ์ไปที่บ้าน พลเอกพัลลภบอกว่า ไม่ได้เชิญพลเอกพัลลภ แต่เจ้าของบ้านคือคุณปีย์เป็นคนเชิญให้ไปพบกับพลเอกสุรยุทธ์ และพลเอกสุรยุทธ์ก็พูดว่า มี 3 ท่านที่เข้าไปเข้าเฝ้าฯ ก็คือมีท่านพลเอกสุรยุทธ์ พลเอกเปรม และก็ท่านองคมนตรี แต่ไม่ขอเอ่ยนาม ไม่รู้ว่ามันจริงหรือเปล่า แต่เป็นการบอกเล่าของพลเอกสุรยุทธ์ว่าได้ไปเข้าเฝ้าฯว่าขอทำงานถวาย โดยได้จัดการนายกฯทักษิณ เพราะไม่จงรักภักดี ทุกคนไม่ หวังตำแหน่ง แต่ผมไม่เชื่อว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงรับรู้ เพราะท่านสถิตอยู่ที่สูงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างนี้ มันตามมาตรงที่ที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า ที่มาร่วมอยู่ในที่ประชุม มีพลเอกสุรยุทธ์ พลเอกพัลลภ และคุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา
พูดถึงศาลรัฐธรรมนูญคดียุบพรรค
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังกล่าวถึงเรื่องการยุบพรรคว่า ศาลรัฐธรรมนูญยอดเยี่ยมมากยุบ 3 พรรค สืบพยานเช้าบ่ายยุบ เพื่อให้ทันวันที่ 4 ธ.ค. ศาลมีแต่ยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย แต่นี่มันทำให้ไม่มีใครเชื่อถือประชาชน เมื่อคืนนี้เขาก็เอาตำรวจมานอนเฝ้าหน้าห้อง เพราะเขาไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คดีอย่างนี้ติดคุก เกิดกับตนไม่เป็นไร แต่ความช้ำชอกของประเทศ หนักสุดคือความเสียหายของสถาบัน จริงๆ ศาลส่วนใหญ่เป็นคนดี แต่บางคนยอมรับและเชื่อตามนั้น ต่อไปนี้ใครมาสั่งมาแอบอ้างว่าพาเข้าเฝ้าได้ ไม่มี ปปช. เหมือนกัน วันนี้มีตัวแทน ปชป.อยู่ ส่วนระบบศาลอาญาแผนกคดีนักการเมือง และระบบศาลเดียวของเราเป็นระบบไต่สวน ซึ่งโลกยุคใหม่ไม่มีใครใช้แล้ว คุณกล่าวหาเขา คุณต้องเป็นคนพิสูจน์ก่อน
ให้ “อนุพงษ์” พาลูกน้องกลับที่ตั้ง
พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ด้วยว่า ส่วนเรื่องทหารกับการเมือง ป๊อกเอ๊ย พาลูกน้องกลับที่ตั้ง อย่ายุ่งการเมือง ถ้าอยากยุ่งออกมาเลย เพราะจะถูกการเมืองเล่น ไม่คุ้ม วันนี้ภารกิจภาคใต้ ยังมีอีกมาก เพื่อนไปดูแลตรงนั้นเถอะ ไม่ต้องมายุ่งการ เมือง เลิกเถอะอย่าเชื่อน้ำมนตร์คนที่ออกจากตนไปเลย ถ้าเพื่อนอยากเล่นการเมืองออกไปเถอะ วันนี้เห็นข่าวของบพันล้านให้ กอ.รมน. ระวังชาวบ้านไม่ให้ทหารเข้าหมู่บ้าน เรื่องของประชาชน เรื่องการเมือง เขาคิดเป็นอย่าคิดว่าพี่น้องประชาชนโง่ เขาถึงเรียกประชาธิปไตยไงเพื่อน ไม่ต้องไปครอบงำเขา วันนี้สิ่งที่ พล.อ.เปรม สิ่งที่ทหารเข้ามายุ่ง ลากประเทศถอยหลังไป 5 ปี
ชี้พันธมิตรฯได้ตำแหน่งตอบแทนเพียบ
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า เรื่องรัฐธรรมนูญ 40 กับรัฐธรรมนูญ 50 เคยพูดแล้วว่า เมื่อก่อนรัฐบาลเดี๋ยวล้ม เดี๋ยวล้ม เขาจึงร่างรัฐธรรมนูญ 40 ขึ้นมา แต่เสร็จแล้วกลับเขียน รัฐธรรมนูญ 50 แก้สิ่งที่เป็นประโยชน์ ทำให้ ส.ส.ไม่มีวินัย เวลานี้คนก็ไปตั้งพรรคใหม่อยากเป็นขนาดแอล เพื่อรออีแอบมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ตนจึงไม่รู้ว่าระบอบรัฐธรรมนูญ ฉบับ 50 เป็นประโยชน์ ต่อประเทศตรงไหน จะไปประชุม ตกลงกับใครก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวผิดรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ที่มาขององค์กรอิสระก็เป็นแบบปิดประตูตีแมว มีทั้งเอสเอ็มอี พันธมิตรฯ และดอกไม้ประดับ ขอคืนประชาธิปไตยให้คนไทยเถอะ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเราไม่สามารถเล่นตามกฎ เพราะมีคนแทรกแซงทำให้เกิด 2 มาตรฐาน หลายระบบที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นของเน่าที่เกิดจากการปฏิวัติ ที่เกิดจากต้นไม้เป็นพิษ ผลย่อมเป็นพิษ การปฏิวัติเกิดขึ้นเพราะสร้างสถานการณ์ให้เกิดการเปลี่ยนข้าง ในที่สุดประเทศก็ช้ำได้รับกฎหมายที่แย่ ได้องค์กรอิสระที่แย่ ได้รับข้อกล่าวหาที่ยัดเยียดข้างเดียวรัฐธรรมนูญ 50 ที่มี SME วันนี้ 3 กระทรวงกินกันจนกลัวว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้แล้ว สงสัยมันตกใจพี่น้องเสื้อแดงมาเยอะ นี่คือจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญ 50 ที่ทำให้เกิดแก๊ง ก๊วน คอยต่อรอง ส่วนพันธมิตรฯต่างก็ได้รับตำแหน่งตอบแทนกันถ้วนหน้า
แฉบรรหารเอี่ยว พปช.ยังถูกงอน
พี่บรรหารมาเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน ยังถูกป๋างอน แต่ตอนนี้คงให้เข้าแล้ว เพราะตอนนี้หันไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เพราะชอบหลานยายเนียมกับหลานยายเที่ยง วันนี้ถามว่า วุ่นวายอย่างนี้จะเอาอย่างไรดี คงต้องมีกรรมการห้ามมวย ความจริงถ้า พล.อ.เปรมไม่ยุ่งการเมือง ก็เป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ แต่วันนี้มายุ่งการเมืองจนเกิดคำถามว่า เพื่อตอบแทนพรรคประชาธิปัตย์ จึงทำหน้าที่เป่านกหวีดห้ามไม่ได้สื่อสมัยที่ตนเป็นนายกฯ แม้กระทั่งทีวีพูลยังเลือกภาพออก พอตนถามก็แบะๆๆ คนพอกรรมมาก็ออนไลน์ แต่กรรมตนไม่เหมือนที่ พล.อ.สุรยุทธ์พูด ตนโดนผีซ้ำดํ้าพลอยหลายเรื่อง ถูกปฏิวัติเสร็จ ลูกน้องเก่าก็ไปเพ็ดทูลว่าตนจะล้มล้าง คนอย่างตนไม่ทะเยอทะยาน แต่บ้างานถ้ามอบหมายอะไรก็ทำเต็มที่ และคนออกจากตนก็ไปเพ็ดทูลอีกว่า ที่อยู่กับตนไม่ได้เพราะตนจะไปล้มล้าง วันนี้ตนโดนอย่างนี้ ตนเจ็บ แต่ตนปรับตัวได้แม้จะอยู่ต่างประเทศ แต่ไม่ต้องการให้ตัวของตนเป็นข้ออ้างใดๆทั้งสิ้น
ให้ผู้รักความเป็นธรรมขึ้นเวทีเสื้อแดง
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า ที่พี่น้องมาวันนี้เพราะถูกขโมยประชาธิปไตยใช่หรือไม่ อยากเห็นการเลิกระบบ 2 มาตรฐานใช่มั้ยครับ สีแดงจะผนึกกำลังกันไม่เลิกรา ถ้าประชาธิปไตยไม่กลับมา โดยเฉพาะองคมนตรีต้องหยุด อย่ายุ่งการเมือง ทหารก็อย่ายุ่งการเมือง พี่น้องตำรวจ ทหารไม่สบายใจที่ลูกพี่มายุ่งการเมือง ดังนั้น ส.ส.เพื่อไทย และไทยรักไทย 111 คน ที่ถูกห้ามเล่นการเมือง อย่าเหนียม ถ้ารักความเป็นธรรม ขึ้นเวทีเสื้อแดงได้แล้ว วันนี้ต้องมารวมพลังกันจนกว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงจะกลับสู่ ประเทศไทย จนกว่าระบบ 2 มาตรฐานจะถูกยกเลิก คุณอภิสิทธิ์บอกว่า ตนไม่ควรยุ่งกับผู้ใหญ่ คุณอภิสิทธิ์ครับ ตนก็ผู้ใหญ่ คนเป็นอดีตนายกฯ ไม่ใช่เด็ก ไม่มีกฎหมายข้อไหนบอกว่าองคมนตรีเป็นส่วนหนึ่งของสถาบัน ถ้ามาเล่นการเมืองแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนขอและหวังว่าการปฏิวัติโดยนายบัง ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะไม่มีอะไรดี คนตกงาน
ขอให้ทุกคนเริ่มต้นกันใหม่
อดีตนายกฯกล่าวตอนท้ายว่า ทางออกก็คือ เราต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ วันนี้ที่เราสู้กัน ฟ้องกันไปมาว่าไอ้นั่นจะติดคุก ไอ้นี่จะติดคุก ไม่มีใครยอมใครจริงๆ การเมืองก็รู้อยู่แล้วว่าคุณอภิสิทธิ์มาเป็นนายกฯ ก็เหมือนกับมาดากัสการ์ที่เดินขบวนกันแล้วเอาเด็กอายุ 30 กว่าขึ้นมาบริหารประเทศ เราต้องการความชอบธรรมให้กระบวนการถูกต้อง ให้ประชาชนตัดสิน วันนี้ต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แก้ รธน.ใหม่ ต้องเอา รธน.40 เป็นตัวตั้ง เรื่องที่ฟ้องกันไปมาต้องยกเลิก ไม่ใช่เพื่อตน แต่วันนี้มันล่อกันไปมา จึงต้องออกเพื่อให้เริ่มต้นใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และให้ทุกคนเข้าสู่สนามเลือกตั้งไม่ต้องบอยคอต ตนไม่ลง พรรคประชาธิปัตย์จะได้สบายใจ แต่ให้ทั้ง 111 ลงซะอย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้ (28 มี.ค.) ตนจะพูดเรื่องเศรษฐกิจของโลกและทางออก
ชี้ทางออกที่ดียุบสภาเลือกตั้งใหม่
พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวตอนท้ายว่าถ้าผมเป็นนายกฯ วันนี้ ผมจะทำยังไงกับเศรษฐกิจไทย คอยฟังพรุ่งนี้ครับ ผมเชื่อว่ามีทางออก แต่ผมไม่แน่ใจว่าความไม่ชอบธรรม ที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลอยู่วันนี้ จะทำต่อตามที่ผมแนะนำได้หรือไม่ ผมว่าทางที่ดียุบสภา เลือกตั้งใหม่ แล้วให้รัฐบาลใหม่จะเป็นใครก็แล้วแต่มาทำ แล้วทุกคนหันหน้าเข้าหากันซะ รวมพลังกันซะ ไม่ใช่ว่ามายืนฟัดกันจนชนิดที่ไม่มีกติกา ไม่มีหลักการอะไรทั้งสิ้น แล้วปล่อยให้ 2 ปัญหาเกิดขึ้น ถ้าเราไม่เริ่มต้นอย่างนี้ เราไม่มีทางครับ เราไปเริ่มต้นที่สเตปเปอร์ริตี้ แล้วเราค่อยมาพอสเปอริตี้นั้นก็คือว่าเริ่มต้นที่ความมั่นคง และสร้างความมั่งคั่งการที่วันนี้ที่ผมพูดก็คือว่าการเมืองเราถอยเข้าที่ตั้งใหม่ซะ ถอยเข้าไปเริ่มต้นใหม่ คิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น 2 เม.ย. เรายุบสภาเลือกตั้งใหม่ แล้วเลือกตั้งมาวันนั้น ใครจะเป็นยังไง ประชาชนจะเลือกยังไง ไม่เป็นไร เราต้องเคารพ เมื่อเคารพการตัดสินของประชาชนแล้ว คนทำหน้าที่ก็ทำหน้าที่ไป คนเป็นฝ่ายค้านก็สร้างสรรค์ไป ไม่ต้องมาเป็นฝ่ายรอๆรอเป็นรัฐบาล ก็สร้างสรรค์ไป ประเทศชาติก็จะพากันผ่านพ้นวิกฤติในช่วงนี้ได้ ทำรัฐธรรมนูญใหม่ ทุกคนไม่ต้องแทรกแซง
ตบท้ายกราบขอโทษป๋า-สุรยุทธ์
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ ผมขอกราบป๋ากับพี่สุรยุทธ์ในฐานะเป็นรุ่นพี่ ไม่ได้คิดจะจาบจ้วงราชบัลลังก์ ไม่คิดที่จะพูดจาอะไรที่มันทำให้ท่านเสียหาย แต่มันเป็นความจริงที่ต้องพูด ถ้าไม่เช่นนั้นเราไม่เคยเรียนรู้ จากบทเรียน แล้วเราก็ถอยมาที่ตั้งเสีย เพื่อที่จะให้พระเจ้าอยู่หัวของเราทรงสบายพระทัยขึ้น ประชาชนจะได้เข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น แล้วก็ให้ ประเทศชาติมีหลัก มีประชาธิปไตย มีความเป็นธรรมเกิดขึ้น ให้องค์กรทุกองค์กรให้เค้าทำหน้าที่ของเขาอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องมีใครเข้าไปแทรกแซงเขา มันจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า แล้วก็ให้คนที่ต้องต่อสู้กันวันนี้ เลิกต่อสู้กันเสียเพราะเราคนไทยด้วยกัน หันหน้าเข้าหากันเถอะครับแล้ววันนี้พรุ่งนี้ เรามาฟังกันเรื่องของเศรษฐกิจ ผมวันนี้ก็เตรียมเรื่องเศรษฐกิจไว้เยอะแต่ว่าเอาไว้พูดพรุ่งนี้ เพื่อท่านจะได้ไม่เบื่อ สำหรับการที่มาร่วมกันอยู่ ณ ที่นี่ เรามาร่วมกันต่อสู้ เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อใคร ต่อสู้เพื่อลูกหลานเรา เราจะได้มีประเทศที่เราภาคภูมิใจ และลูกหลานเราจะได้เติบโตมาในประเทศที่เรามีระบบที่ดี และภูมิใจ ขอขอบคุณในน้ำใจของทุกท่าน ขอบคุณในอุดมการณ์ในการต่อสู้ของทุกท่าน ขอบคุณในความอดทนของทุกท่าน พรุ่งนี้พบกันใหม่อีกครั้ง ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ