ลั่นปักหลักยืดเยื้อ 'ทักษิณ'โฟนอินให้รอฟังทีเด็ดนายกฯมั่นใจไม่ใช้ พรก.ฉุกเฉิน
ม็อบเสื้อแดง มาตามสัญญา บุกปิดล้อมทำเนียบ ขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ลั่นปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ ฮือฮา!เจอแผนตู้คอนเทเนอร์สกัดกั้น แต่แก้เผ็ดทันควัน ใช้รถเครนยกตู้โยนทิ้งคลอง แกนนำขู่หากใช้แก๊สน้ำตาสลายม็อบ ยกพกลุยบ้าน “สี่เสาเทเวศร์” อุบไต๋แผนเด็ดดาวกระจาย “ทักษิณ” โผล่โฟนอินขอบคุณผู้ชุมนุม นัดรอชมวิดีโอลิงก์ เปิดเกมแฉแหลก “มาร์ค” มั่นใจคุมเกมไหว ยังไม่ประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน “เทพเทือก” ไม่ได้ท้าทายเข้าทำงานทำเนียบ สุดปลื้ม “ป๋าเปรม” ให้กำลังใจ “เนวิน” ผสมโรงระดมชุดน้ำเงิน สั่งคุ้มกันเข้มสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะที่ ส.ส. เพื่อไทยจวก รัฐบาล 2 มาตรฐาน ส่วนบรรดาผู้นำเหล่าทัพ ตบเท้าประชุมสภากลาโหม เน้นย้ำปกป้องสถาบัน
ภายหลังจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นัดชุมนุมใหญ่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ทำให้ต้องมีการระดมกำลังตำรวจ-ทหาร และอปพร.จำนวนมากเกือบ 1 หมื่นนายมาดูแลความปลอดภัย ตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 26 มี.ค. บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าในทำเนียบรัฐบาลได้มีการนำรถดับเพลิง รถน้ำ รถบดถนน และรถขังผู้ต้องหา มาจอดกั้นไว้ตามประตูต่าง ๆ โดยรอบ พร้อมนำรั้วลวดหนามหีบเพลงมาวางเป็นแนวกั้นตามรอบกำแพงทำเนียบรัฐบาลอีกชั้น
ขนตู้คอนเทเนอร์ขวางถนน
นอกจากนี้ยังมีการขนตู้คอนเทเนอร์มาวางขวางกั้นตามจุดต่าง ๆ ตั้งแต่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยแบ่งช่องเปิดให้เป็นทางเดินเข้า-ออกของข้าราชการและสื่อมวลชน รวมถึง รถของรัฐมนตรีที่จะเดินทางเข้ามาผ่านได้เพียงช่องทางเดียว ส่วนบริเวณถนนพิษณุโลก สะพาน ชมัยมรุเชฐ ไม่มีการนำสิ่งกีดขวางไปกั้น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าบริเวณถนนลูกหลวง ได้มีการนำตู้คอนเทเนอร์ 8 ตู้มาวางซ้อน 2 ชั้นขวางปิดตายไม่ให้ผู้ชุมนุมสามารถใช้เส้นทางเลียบคลองผดุงกรุงเกษม เดินทางถึงบริเวณประตู 7 ได้ โดยจะให้รถเข้ามาทางสะพานมัฆวานฯเท่านั้น จากการตรวจสอบพบว่า วันนี้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เดินทางเข้ามาทำงานกันน้อยมากส่วนใหญ่ได้ใช้สิทธิลางาน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความรุนแรง ที่อาจเกิดขึ้นจากการชุมนุมในครั้งนี้ได้
“เทพเทือก”โผล่ตรวจทำเนียบ
ต่อมาเวลา 08.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เดินทางเข้ามาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ ตามด้วยนายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ เข้ามาเซ็นเอกสาร ก่อนที่จะออกเดินทางไปประชุมรัฐสภา จากนั้นพล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.เข้ารายงานสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงกับนายสุเทพ เชื่อว่าการชุมนุมคงจะไม่รุนแรงแต่อาจมีการดาวกระจายไปตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งนี้นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ว่า ตำรวจได้ประเมินสถานการณ์จากการข่าว เพื่อเตรียมการรับมือเนื่องจากมีประสบการณ์มาแล้วซึ่งตนก็เคารพในความเป็นมืออาชีพของตำรวจ
ลั่นไม่ได้ยั่วยุมาทำงานปกติ
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า นายกฯมอบให้ตนดูแลเรื่องความมั่นคง ถ้าอยู่ในวิสัยที่ตัดสินใจด้วยตัวเองได้ก็ดำเนินการ แต่ถ้าเหลือบ่ากว่าแรงเกินกว่านั้นก็ต้องหารือนายกฯอาจขอนัดประชุมครม.นัดพิเศษ แต่ก็ภาวนาว่าขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี อยากวิงวอนผู้ชุมนุมว่า เราคนไทยด้วยกันแม้มีความเห็นการเมืองต่างกันแต่มีวิธีอื่นในการต่อสู้โดยไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหายได้ ทั้งนี้จะไม่ติดตามสถานการณ์การชุมนุมในทำเนียบฯทั้งวันเพราะมีภารกิจประชุมสภา ซึ่งการเดินทางมาทำเนียบวันนี้ไม่ใช่การมายั่วยุแต่มาทำตามหน้าที่ถ้าหลบได้ก็หลบไม่ได้อวดเก่ง และในวันที่ 27 มี.ค. จะพยายามเข้ามาทำงานในทำเนียบฯเหมือนเดิมแต่ไม่ใช่การท้าทาย
ปลื้ม“ป๋าเปรม”ให้กำลังใจ
นอกจากนี้นายสุเทพ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค มนตรีและรัฐบุรุษ ให้กำลังใจรัฐบาล โดยบอกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯที่ดีที่สุดว่า ต้องกราบขอบพระคุณท่านที่เป็นผู้ใหญ่ เป็นนายกฯที่บริหารบ้านเมืองมา 8 ปีในช่วงนั้นก็แก้วิกฤติปัญหาบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี เป็นนายกฯที่มีความซื่อสัตย์เป็นแบบอย่างของคน ดังนั้น เมื่อท่านแสดงความชื่นชมนายกฯก็ถือเป็นมงคลสำหรับนายอภิสิทธิ์ ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยเข้าชื่อส.ส. 149 คน ยื่นร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ เพื่อนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดทางการเมือง มีส่วนเชื่อมโยงกับการที่ม็อบเสื้อแดงมาล้อมทำเนียบหรือไม่นั้นต้องติดตามไปก่อนว่ามีเป้าหมายอย่างไร
นายกฯเชื่อคุมสถานการณ์ได้
ด้านนายอภิสิทธิ์ นายกฯช่วงเช้าเดินทางไปร่วมงานครบรอบ 39 ปีสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อาคารมาลีนนท์ ถนนพระราม 4 หลังจากนั้นไปเป็นประธานในพิธีมอบเช็คช่วยชาติที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้วเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ทางประตู 8 ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า อยู่ภายในทำเนียบรัฐบาล ประมาณ 40 นาทีจากนั้นเดินทางต่อไปยังรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้รับทราบรายงานความเคลื่อนไหวของการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นระยะ ทั้งนี้ได้ย้ำกับนายสุเทพ ให้ใช้ความอดทนและความอดกลั้นเป็นพิเศษ โดยตน ครม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันตัดสินใจไม่ว่าเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นรัฐบาลพร้อมที่จะรับมือและตัดสินใจอย่างเหมาะสมจะรักษากฎหมายตามวิธีการแนวปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับได้ มั่นใจรัฐบาลดูแลควบคุมสถานการณ์ได้โดยไม่ต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ตร.คุมเข้มจับตา “มือที่ 3”
ที่ บช.น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ผบช.น. กล่าวภายหลังเรียกประชุมนายตำรวจระดับ รองผบช.น. และกองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผบ.ตร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ท้องสนามหลวงว่า ในวันนี้ เป็นการซักซ้อมทำความเข้าใจในการปฏิบัติ เพื่อการปฏิบัติที่ถูกต้อง ซึ่งการประเมินจำนวนผู้ชุมนุมขณะนี้มีประมาณ 15,000 คน และคาดว่าน่าจะมีมากถึง 25,000 คน ส่วนแผนหรือขั้นตอนในการปฏิบัตินั้นมีการวางแผนการดำเนินการอย่างรัดกุม นอกจากนี้ยังมีการจัดกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบ เพื่อสังเกตการณ์ที่อาจจะมี “มือที่สาม” เข้ามาสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย
ปิดการจราจรชั่วคราว
ผบช.น.กล่าวต่อว่า ส่วนกำลังพลที่ปฏิบัตินั้นมีการปรับแผนใหม่ให้ดูแลสถานการณ์เพียง 12 ชม.เพื่อลดความตึงเครียดและยืนยันจะดำเนินการอย่างละมุนละม่อมหลีกเลี่ยงการปะทะ สำหรับการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีการจับตาประเด็นใดเป็นพิเศษ แต่จะมีทีมกฎหมายที่จะตรวจสอบทุกคำพูดที่มีการโฟนอินเข้ามา
ด้านพล.ต.ต.วีระพัฒน์ ตันศรีสกุล ผบก.จร. กล่าวว่า มีความจำเป็นต้องจัดระเบียบการรักษาความปลอดภัยและการจราจรบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล ในระหว่างวันที่ 25-31 มี.ค. 52 ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและสะดวก จึงจำเป็นต้องปิดการจราจร (ชั่วคราว) เพื่อรองรับการจราจรในห้วงเวลาดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. เวลา 18.00 น. ถึง 31 มี.ค. เวลา 24.00 น. ห้ามรถทุกชนิดหรือบางชนิดเดินในถนนลูกหลวง ตั้งแต่ถนนราชดำเนินนอก-ถนนนครสวรรค์
ม็อบเสื้อแดงคึกคักแต่เช้า
ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดบรรยากาศเริ่มคึกคัก มีกลุ่มแนวร่วมเสื้อแดงจากทั่วสารทิศได้ทยอยเดินทางมาชุมนุมเป็นจำนวนมาก โดยมีบรรดาแกนนำ นปช. ตบเท้ากันมาอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข นายก่อแก้ว พิกุลทอง นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ฯลฯ ได้เดินทางมาขึ้นเวทีปราศรัยที่บริเวณท้องสนามหลวงอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งในตอนแรกทางแกนนำจะประกาศเคลื่อนขบวนในช่วงประมาณเวลา 11.00 น. แต่จัดเตรียมความพร้อมต่าง ๆ ยังไม่เรียบร้อยจึงเปลี่ยนเวลาไปเป็นช่วงบ่าย
“จตุพร”ยันปักหลักยืดเยื้อ
นายจตุพร ให้สัมภาษณ์ว่า จะเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลโดยจะปักหลักชุมนุมยืดเยื้ออยู่ที่สะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น จนกว่านายอภิสิทธิ์ นายกฯ จะลาออก โดยยืนยันว่าจะไม่บุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลหรือยึดสถานที่ราชการ สำหรับจุดแรกที่ทางกลุ่มจะเคลื่อนขบวนไปประกาศจุดยืน คือ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม อยากให้ ผู้ว่าฯ กทม.จัดรถสุขา มาอำนวยความสะดวกให้เพียงพอกับผู้ชุมนุมด้วย เพราะตอนนี้ไม่มีข้ออ้างใด ๆ แล้ว ดังนั้นควรปฏิบัติอย่างเป็นธรรมกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย ในเวลาประมาณ 19.30 น. ของทุกวัน พ.ต.ท.ทักษิณ จะพูดผ่านวิดีโอลิงก์ โดยมีประเด็นใหม่ ๆ มาพูดคุยให้พี่น้องกลุ่มเสื้อแดงฟังตลอด คาดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้เวลาพูดประมาณวันละประมาณ 45 นาที กรณีการพูดที่ จ.เชียงใหม่นั้นเป็นแค่หนังม้วนแรกเท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้พูด ขอให้รอฟังต่อไป
สกัดเสื้อแดงตจว.ทุกรูปแบบ
นายจุตพร กล่าวด้วยว่า เมื่อคืนวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ทราบข่าวว่าในหลายจังหวัดเจ้าหน้าที่รัฐมีการสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงไม่ให้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ หลายรูปแบบด้วยกัน เช่น การห้ามรถไฟ รถทัวร์ขายตั๋ว ห้ามเช่าเหมารถ ซึ่งทำให้การเคลื่อนขบวนของกลุ่มเสื้อแดงไปยังทำเนียบอาจต้องล่าช้าไป โดยเฉพาะ จ.ขอนแก่น มีการสั่งให้นำรถไปปิดตามซอยเพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมออกมาได้ นอกจากนี้ที่ จ.น่าน ก็ได้มีการทำหนังสือจากเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัด ขอความร่วมมือไม่ให้มีการเช่าเหมารถมาชุมนุมที่กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ในส่วนของกลุ่มเสื้อแดงขอนแก่นที่ถูกสกัดกั้นนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากรถปรับอากาศ 3 คันไม่กล้ามารับคนเพราะกลัวไม่ได้รับการต่อทะเบียน ส่งผลทำให้เสื้อแดงขอน แก่นไม่พอใจมาชุมนุมปิดถนนมิตรภาพบริเวณสี่แยกบ้านกุดกว้าง อ.เมือง จ.ขอนแก่น การจราจรติดขัดยาวเหยียดหลายกิโลฯ กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. (25 มี.ค.) นายขวัญชัย ไพรพนา นำกลุ่มสมาชิกคนรักอุดร กว่า 3 พันคนผ่านมาประสบเหตุจึงร่วมชุมนุมด้วย สุดท้ายทางนายทรงพล จำปาพันธ์ ผวจ.ขอนแก่น และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 ทราบเรื่องจึงรีบมาเจรจากับผู้ชุมนุมจัดรถมารับพาเข้ากรุงเทพฯ
จยย.นำขบวนบุกล่วงหน้า
ต่อมา 13.30 น. นายจตุพร และนพ.เหวง แกนนำคนเสื้อแดงได้ตัดสินใจ ประกาศนำผู้ชุมนุมเคลื่อนออกจากสนามหลวงเดินไปตามถนนราชดำเนินเพื่อมุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีขบวน จยย.ถือธงชาติไทยหลายร้อยคันอยู่หัวขบวนล่วงหน้าไปก่อนมีการบีบแตรกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว นอกจากนี้ยังจัดเตรียมรถเครน 2 คันมาร่วมขบวนด้วย โดยมีผู้ชุมนุมปีนขึ้นไปอยู่บนรถจำนวนมากเพราะทางแกนนำได้ทราบว่าเจ้าหน้าที่นำตู้คอนเทเนอร์มาวางปิดขวางหัวท้ายถนน ลูกหลวง (เลียบคลองผดุงกรุงเกษม) การเคลื่อน ขบวนเดินทางมาอย่างง่ายดายไปตามถนนราชดำเนินนอกเลี้ยวขวาตรงแยกมิสกวันมายังถนนพิษณุโลกถึงสะพานชมัยมรุเชฐแล้วเลี้ยวมาถนนนครปฐมประชิดแนวรั้วด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า
แก้เกมยกตู้คอนเทเนอร์ทิ้ง
เมื่อหัวขบวนผู้ชุมนุมขยับมาถึงเชิงสะพานอรทัย ไม่สามารถเลี้ยวขวาเข้าไปยังถนนลูกหลวงได้ เนื่องจากมีตู้คอนเทเนอร์และรถหกล้อขนผู้ต้องขังขวางกั้นอยู่ รวมทั้งตำรวจปราบจลาจลตั้งแถวรอรับเป็นจำนวนมาก ส่วนทหารได้เตรียมพร้อมตั้งแถวอยู่บริเวณแนวรั้วรอบทำเนียบท่ามกลางบรรยากาศร้อนอบอ้าว อย่างไร ก็ดีในช่วงที่รถเครนยังมาไม่ถึง กลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมแรงร่วมใจแสดงพลังเข็นรถผู้ต้องขังที่จอดขวางอยู่ออกทีละคัน พอรถเครนมาสมทบจึงเริ่มทยอยยกตู้คอนเทเนอร์ซึ่งบางตู้บรรจุถุงทรายเพิ่มน้ำหนัก แต่รถเครนก็ค่อย ๆ ยกตู้ออกไปทิ้งลงคลองท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม แกนนำบอกว่าอาจจะใช้ตู้วางต่อเป็นสะพานให้เดินข้ามคลอง
ขรก.หอบเอกสารกลับบ้าน
ภายหลังสามารถฝ่าด่านบริเวณถนนลูกหลวงได้แล้ว ยังมีด่านของตำรวจปราบจลาจลและตชด. 2 กองร้อยตั้งแถวขวางอยู่ นายณัฐวุฒิ แกนนำ นปช. จึงประกาศบนรถปราศรัยว่าให้ชายฉกรรจ์และการ์ดไปอยู่แถวหน้าผลักดันตำรวจออกซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นานเนื่องจากผู้ชุมนุมมีจำนวนมากกว่า จนกระทั่งเวลา 15.20 น. กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถฝ่าแนวกั้นตำรวจไปได้ พร้อมกับกระจายกำลังปิดล้อมทำเนียบได้หมดทุกประตู จนทางทหารต้องมาเสริมกำลังเพิ่มเติมบริเวณประตู 7 (ใกล้สะพานอรทัย) โดยนำโซ่มาล็อกปิดกั้นอย่างถาวร ด้านกลุ่มเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ลูกจ้าง ที่ทำงานอยู่ในทำเนียบ หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาถึงต่างก็รีบเก็บข้าวของสัมภาระ เอกสารสำคัญ ๆ เพื่อทยอยเดินทางออกจากทำเนียบไปอย่างเร่งรีบ อย่างไรก็ตามพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ได้ประสานงาน เพื่อขอให้เปิดเส้นทางออกซึ่งผู้ชุมนุมก็ไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด
ขู่บุกบ้านสี่เสาฯหากถูกสลาย
ทั้งนี้ตำรวจได้ใช้วิธีการประชาสัมพันธ์ โดยการพูดผ่านเครื่องกระจายเสียงขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บริเวณโดยรอบทำเนียบเป็นจุด ๆ ขอความร่วมมือจากกลุ่มเสื้อแดงว่า ให้ชุมนุมโดย สงบ และปราศจากอาวุธ ขอให้รักษากฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ อย่าได้ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ หรือบุกรุกสถานที่ราชการ แต่นายณัฐวุฒิ ประกาศรถปราศรัยเคลื่อนที่ตอบโต้ว่า จะไม่บุกยึดทำเนียบอย่างแน่นอน แต่ยกเว้นหากตำรวจใช้แก๊สน้ำตาเมื่อใดจะเคลื่อนไปที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ทันที พร้อมแจ้งว่าหลังจากเรายึดทำเนียบฯได้ 100% แล้วก็จะใช้ยุทธศาสตร์ดาวกระจายไปยังบ้านพวกอมาตยาธิปไตย แต่จะแจ้งให้ทราบอีกทีว่าเป็นวันไหน
ผวาดาวกระจายสุวรรณภูมิ
ที่กระทรวงมหาดไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุม ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลว่า ตนทราบจากข่าวว่ามีประมาณ 30,000 คน อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงในสถานการณ์ระดับหนึ่ง เพราะยังไม่ทราบว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อหรือไม่ เพราะกระทรวงมหาดไทยไม่ได้ประเมินเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของตำรวจ ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดได้รายงานความเคลื่อนไหวมาแล้ว
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่ากลุ่มเสื้อแดงจะดาวกระจายไปสนามบินสุวรรณภูมิ จะมีการป้องกันหรือไม่ นายชวรัตน์ ตอบว่า เป็นเรื่องของตำรวจ ส่วนกรณีที่มีกลุ่มเสื้อน้ำเงินป้องกันสนามบิน เพื่อป้องกันกลุ่มเสื้อแดงปิดสนามบินนั้น ตนไม่ทราบเพราะเสื้อน้ำเงินใครก็ใส่ได้
จวกยับ “มาร์ค” 2 มาตรฐาน
ขณะเดียวกันในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม มีการพิจารณากระทู้ถามสดของ นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสด นายกฯ เรื่องการดำเนินการของรัฐบาล 2 มาตรฐาน โดยอ้างว่ามีการสั่งให้ทหารมา 6,000 นายให้เข้ามาตรวจห้ามคนเสื้อแดงเข้ามาชุมนุม นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ตำรวจ 1,000 กว่านายไปดูแลและอารักขากลุ่มพันธมิตรฯ ที่จ.ชัยภูมิ หรือแม้แต่การ “ปาไข่” มาตรฐานก็ไม่เหมือนกัน อย่างนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ถูกปาไข่ที่ภาคเหนือยังไม่ว่าอะไร แต่นายสุเทพ รองนายกฯ โดนครั้งเดียวสั่งดำเนินคดี ประชาชนส่วนใหญ่จึงยังสงสัยว่า เหตุใดคนปิดสนามบินสุวรรณภูมิกลับไม่มีการดำเนินการอะไร จึงขอถามว่าเป็นนายกฯ 3 เดือนเคยดำเนินการ 2 มาตรฐานหรือไม่
นายกฯแจงส่งตร.คุ้มกันพธม.
ด้านนายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า ในรัฐบาลชุดนี้ไม่มีเรื่อง 2 มาตรฐานแน่นอนเพราะตั้งแต่ตนเข้ามาทำงานจุดยืนชัด ว่าการเคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญทำได้ และได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลและควบคุมเท่านั้น ส่วนที่บอกว่ามีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปรักษาการณ์ให้กับบางกลุ่มหรือไม่นั้น คือบางกลุ่มประกาศชัดว่าไม่ยอมให้อีก กลุ่มหนึ่งมีการชุมนุม และจะไปล้อม ซึ่งก็เป็นการเสี่ยงว่าจะเกิดการปะทะ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไป เพื่อดูแลไม่ให้เกิดการปะทะ
ตบเท้าประชุมสภากลาโหม
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม โดยมี พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ. อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง ภายหลังการประชุม พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีม็อบเสื้อแดงระบุว่ากองทัพใช้ 2 มาตรฐานในการดูแลผู้ชุมนุมต่างจากสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาว่า “ขอโทษครับ ตอนนี้คนละรัฐบาล ทหารทำตามรัฐบาลไม่ใช่ทำตามอำเภอใจของทหาร รัฐบาลสั่งอย่างไรทำอย่างนั้น อย่าเปรียบเทียบอย่างนั้นไม่ได้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่ผ่านมาใช้ทหารแค่ไหน”
ต่อข้อถามว่า รัฐบาลที่ผ่านมาประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้ทหารปฏิบัติหน้าที่แต่ทหารไม่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี การไม่ปฏิบัติรัฐบาลมีอำนาจ ลองทหารไม่ปฏิบัติรัฐบาลก็ปลดเอา เมื่อถามต่อว่าสถานการณ์การเมืองที่ผ่านมามี พ.ร.ก.ฉุกเฉินแต่ทหารไม่ออกปฏิบัติ แต่ขณะนี้สถานการณ์ปกติทหารกลับออกมาทำหน้าที่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทหารทำวันนี้ทำตามคำร้องขอของตำรวจโดยเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน
เน้นย้ำการปกป้องสถาบัน
ด้าน พ.อ.จิตตสักก์ เจริญสมบัติ โฆษก กระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุม รมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำเรื่องการปกป้องสถาบัน ซึ่งปัจจุบันมีการเผยแพร่รูปภาพหรือข้อความที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบันเบื้องสูงผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต วิทยุชุมนุม และสื่อสิ่งพิมพ์อื่น ๆ จึงขอให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และ ผบ. เหล่าทัพ ได้ช่วยกันป้องกันแก้ไขกรณีดังกล่าวในทุก วิถีทาง โดยใช้ทหารเกณฑ์ซึ่งปลดประจำการออกไปกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศในการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ ปกป้องสถาบัน
“พัลลภ” ยกเลิกงานแถลงข่าว
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ. รมน. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่าจะไปปราศรัยในเวทีเสื้อแดงว่า ตนจะไม่ขึ้นเวทีกับกลุ่ม นปช. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเรื่องเบื้องหลังการปฏิวัติ 19 ก.ย. 49 และขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยหรือติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนแนวทางออกกับปัญหาที่เกิดขึ้น ตนมองว่าตอนนี้ฝุ่นยังตลบอยู่ มองไม่ออกว่าบ้านเมืองจะเดินไปในทิศทางไหน เมื่อถามว่า หากมีโอกาสเจอ พ.ต.ท. ทักษิณ จะบอกให้หยุดเคลื่อนไหวเพื่อเห็นแก่ชาติบ้านเมืองหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตอนนี้พูดอะไรไม่ได้ ส่วนการชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นขอพักไปก่อน ตอนนี้มีคนโทรศัพท์มาหาเยอะไม่อยากพูดในรายละเอียด และการเลื่อนการประชุมไทย อาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) ในวันที่ 26 มี.ค. นี้ มีคนแจ้งว่าให้เลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด
“น.1” จ่อใช้กฎหมายฟันม็อบ
ส่วนบรรยากาศบริเวณพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในช่วงเย็น หลังสามารถปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลได้เกือบทุกด้านแล้ว เริ่มมีการตั้งเวทีบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ และจัดเตรียมจอโปรเจคเตอร์เพื่อรองรับการพูดผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ขณะที่ พล.ต.ท.วรพงษ์ ผบช.น. ในฐานะผู้บัญชาการสถานการณ์ ได้เรียกประชุมวอร์รูมของศูนย์รักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐ บาลเป็นการด่วน จากนั้นเปิดเผยว่า ตนกำลังมอบให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาในเรื่องการทำให้เสีย ทรัพย์สินทางราชการหรือการขัดคำสั่งเจ้าพนัก งาน เพราะถนนบริเวณนี้มีประกาศของเจ้าพนักงานแล้วซึ่งถือเป็นความผิดลหุโทษ ส่วนการรักษาความปลอดภัยของทำเนียบฯ ยังคงเข้มข้น มีการปรับแผนอีกเล็กน้อย ยืนยันว่าในวันที่ 27 มี.ค. นายกฯ และรัฐมนตรีสามารถเข้ามาทำงาน ในทำเนียบฯ ได้
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่า เหตุที่ทาง ผบช.น. ต้องมีการปรับแผนใหม่ เนื่องจากได้รับรายงานจากหน่วยข่าวว่าทางกลุ่มเสื้อแดงที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมคาดว่าเพิ่มกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ จากเดิมที่ประเมินไว้ว่าจะมีผู้ชุมนุมมาไม่เกิน 2-3 หมื่นคน แต่ขณะนี้ได้เพิ่มเป้าหมายว่าน่าจะไม่เกิน 4 หมื่นคนแล้ว
“เนวิน”ขอกำลังดูแลสุวรรณภูมิ
รายงานข่าวจากพรรคภูมิใจไทย แจ้งว่า นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำ “กลุ่มเพื่อนเนวิน”ได้ประสานขอกำลังตำรวจ ทหาร และ อส. ประมาณ 3,000-4,000 คน โดยให้สวมใส่ เสื้อโปโลสีน้ำเงินที่มีข้อความว่า “สงบ สันติ สามัคคี” ไปประจำอยู่ที่อาคารซ่อมบำรุงภาย ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อคุมพื้นที่เอาไว้ เนื่องจากได้รับรายงานข่าวว่าจะมีแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงบางคนจะใช้วิธีดาวกระจายไปปิดล้อมสนามบินเช่นเดียวกับที่กลุ่มพันธมิตรฯ ทำ เพราะเชื่อว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วง 3-4 วันนี้จะไม่ทำเพียงแค่การปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ คงต้องการให้เกิดแรงกระเพื่อมของการชุมนุมมากกว่าครั้งที่ผ่าน ๆ มา
นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า กองทัพภาคที่ 1 ยังได้เตรียมพร้อมกำลังจำนวน 15 กองร้อย เพื่อรักษาพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และป้องกันการยึดสนามบินเหมือนครั้งสมัยกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งหากเกิดเหตุความไม่สงบขึ้นนั้น กำลังทั้ง 15 กองร้อยจะพร้อมเดินทางไปรักษาพื้นที่ทันที
“ทักษิณ”ขอแถลงคดีทางวิดีโอฯ
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีพร้อมองค์คณะรวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์นัดตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำที่ 14/2551 ที่อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ และได้มาเนื่องจาก การกระทำที่เป็นการขัดกัน ระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำนวน 76,621,603,061.05 บาท พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งนี้ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องขอให้ศาล มีคำสั่งอนุญาตให้แถลงเปิดคดี โดย ระบบการประชุมทางจอภาพ (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์) และคำร้องอื่น ๆ ของผู้คัดค้าน ซึ่งศาลยังไม่ได้มีคำสั่งในวันนี้ แต่ จะมีคำสั่งในวันที่ 27 มี.ค. เวลา 16.00 น.
ศาลรับฟ้องอีกคดี“สนธิ”หมิ่น
นอกจากนี้วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งในคดีที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พธม., นางสโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการทางสถานี โทรทัศน์เอเอสทีวี และ บริษัทแมเนเจอร์ มีเดียร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาท กรณีเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 50 จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันจัดรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ทางเอเอสทีวี และลงตีพิมพ์ ใน นสพ.ผู้จัดการรายวัน โดยนำเทปบันทึกภาพ รายการของโจทก์ กล่าวปราศรัยที่สหรัฐอเมริกามาเผยแพร่ อ้างคำบอกเล่าของนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกฯ ว่า สาเหตุที่ต้อง ออกจากรัฐบาลโจทก์ เนื่องจากทนไม่ได้ที่โจทก์ได้พูดจาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับรับฟ้องนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 29 มิ.ย.นี้
ปูด “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เวลา 20.00 น. บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มม็อบเสื้อแดง ที่ตั้งเวทีอยู่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ เต็มไปด้วยความคึก คักสุดเหวี่ยง โดยมีนายวีระ 1 ในแกนนำ นปช.ขึ้นเวทีปราศรัยแล้วต่อโฟนอินคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณ 5 นาทีใจความว่า ขอบคุณชาวเสื้อแดงทุกคนที่มาร่วมกันชุมนุมเพื่อทวงคืนประชาธิปไตย เพราะที่ผ่านมาสังคมถูกหลอกเป็นประชาธิปไตย แต่เต็มไปด้วยระบบ 2 มาตรฐาน รัฐบาลที่แล้วขอให้ทหารออกมาช่วยแต่ไม่ยอมออก คราวนี้พอม็อบเสื้อแดงทหาร ออกมาถึง 6,000 นาย ผู้บังคับบัญชาที่เล่นการเมืองมีใครบ้างจะพูดให้หมด
“ในวันที่ 27 มี.ค.จะมีการวิดีโอลิงก์ จะพูดให้ชัดถึงเรื่องผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ คือใคร ยุ่งการเมืองอย่างไร ไม่ได้พูดเพื่อสร้างปัญหาแต่จะช่วยหาทางออกให้ประเทศโดยเฉพาะเรื่องการเมือง-เศรษฐกิจ จะพูดเป็นตอน ๆ ขอบคุณตำรวจ-ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ แต่พวกเราทุกคนคือคนไทย เราต้องการสร้างระบบที่ดีเพื่อลูกหลาน”.