วันที่ 26 มี.ค.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุได้รับข้อมูลเงินบริจาค 258 ล้านบาทจากบริษัททีพีไอโพลีนเข้าพรรคประชาธิปัตย์มาจาก พล.ต. มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ไม่เชื่อคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม ส่วนที่ พล.ต.มนูญกฤตยอมรับว่าเป็นคนมอบข้อมูลให้ ร.ต.อ.เฉลิมนั้น เป็นเรื่องของ พล.ต.มนูญกฤต ก็ต้องรับผิดชอบ เอง ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.มนูญกฤตระบุด้วยว่ามี ส.ส. ระดับผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ให้ข้อมูลมาเอง เพราะหมั่นไส้คนที่ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่กุมอำนาจในพรรค นายสุเทพตอบว่า พล.ต.มนูญกฤตไม่ได้อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ลาออกไปก่อนหน้าที่จะตั้งรัฐบาลนานเหมือนกัน ขอยืนยันว่าในพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีหนอนบ่อนไส้ ถ้า พล.ต.มนูญกฤตบอกว่าคนในพรรคเป็นคนให้ข้อมูลมา สื่อมวลชนก็ต้องไปถาม พล.ต.มนูญกฤตเอง แต่ตนไม่จำเป็นต้องไปสอบถามข้อเท็จจริงกับคนในพรรค เพราะเชื่อคน ในพรรค
มั่นใจ ปชป.ไม่โดนยุบ
เมื่อถามว่ากรณีนี้จะทำให้กระบวนการต่อสู้คดียุบพรรคของพรรคประชาธิปัตย์จะยากขึ้น ไม่ราบรื่นเหมือน กับข้อกล่าวหาทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า มั่นใจในความบริสุทธิ์ของพรรค คดียุบพรรคไม่ห่วงเลย ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่มีคนในพรรคเอาข้อมูลไปปล่อยให้ ฝ่ายตรงข้ามเป็นระยะๆจะมีปัญหาหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ไม่มีคนในพรรค เป็นคนนอกพรรค
เมิน “มนูญกฤต” ให้ข้อมูล “เหลิม”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พล.ต.มนูญกฤตลาออกจาก ส.ส.ของพรรคแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวเดิมพันสูงถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่กลัว เพราะเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ถูกตรวจสอบก็ว่ากันไป ยังไม่หนักใจปัญหาเรื่องนี้เท่ากับปัญหาที่ต้องแก้ในเรื่องเศรษฐกิจและประเทศชาติ ต่อข้อถามว่ามั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกยุบเพราะเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า เรื่องทั้งหมดในขณะนี้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่ง มีกลุ่มบุคคลอยู่กลุ่มหนึ่งที่เกี่ยวข้อง แต่ในส่วนของพรรคยืนยันว่าช่วงที่ตนเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคตั้งแต่เดือน มี.ค.2548 ได้รายงานเรื่องเงินบริจาคทั้งหมดอยู่แล้ว การใช้จ่ายเงินในการเลือกตั้งปี 2548 มีการตรวจสอบหลักฐาน ส่งให้ กกต.รับรองหมดแล้ว เมื่อถามว่าการยกชื่อ พล.ต.มนูญกฤตขึ้นมาอ้างจะทำให้ข้อมูลอภิปรายของ ร.ต.อ.เฉลิมมีน้ำหนักมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ถ้าจำไม่ผิด พล.ต. มนูญกฤตไม่ได้อยู่ในพรรคในช่วงที่เหตุการณ์เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ พล.ต.มนูญกฤตอาจรู้ข้อมูล นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ข้อมูลอะไรตนก็ไม่ทราบ แต่ไม่มีปัญหาอะไร นักการเมืองพูดคุยกันได้ ไม่ได้กังวลอะไร
“สดศรี” จี้ พท.รีบส่งข้อมูลเพิ่มเติม
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่า พล.ต.มนูญกฤตเป็นผู้ให้ข้อมูลเรื่องเงิน 258 ล้านบาทว่า ขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยที่อ้างว่ามีข้อมูลในเรื่องดังกล่าวขอให้รีบส่งเรื่องมา เพื่อที่อาจจะได้รวมเป็นเรื่องเดียวกันกับของดีเอสไอ หากมีการส่งเรื่องเข้ามาจริง กกต.ต้องสอบสวน พล.ต.มนูญกฤตตามที่ ร.ต.อ. เฉลิมอ้างว่าเป็นคนให้ข้อมูล
พรรคเพื่อไทยเล็งยื่นฟัน กก.บห.ปชป.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า หลังจากที่ดีเอสไอส่งเรื่องเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ไปถึง กกต. และมีการรับเรื่องของดีเอสไอไว้แล้ว พรรคเพื่อไทยจะยื่นเรื่องต่อ กกต.เพื่อกล่าวโทษกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำผิดรัฐธรรมนูญและกฎหมายพรรคการเมือง โดยจะแถลงรายละเอียดที่ กกต. ในวันที่ 27 มี.ค. เวลา 10.00 น. ยืนยันว่าไม่ใช่ไม่กล้ายื่นหรือมีนัยสำคัญทางการเมืองใดๆ ข้อมูลที่จะยื่นนั้นเชื่อว่ามีมากกว่าดีเอสไอ จะมีทั้งสำเนาเช็ค สำเนาบัญชีงบดุล และเส้นทางการเดินของเงิน
ยื่นสอบงบพันล้านบาทของ กอ.รมน.
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.00 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบงบประมาณ 1,000 ล้านบาท ในโครงการกู้วิกฤติด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามที่ กอ.รมน.เสนอ ซึ่ง ครม. อนุมัติไปเมื่อวันที่ 23 มี.ค. เนื่องจากส่อว่าอาจจะมีการทุจริต เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดูแลโครงการ อาจมีวัตถุประสงค์เพื่อสนองประโยชน์ ทางการเมืองให้นักการเมือง ต้องการสลายกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ต่อต้านรัฐบาลให้หันมาสนับสนุนรัฐบาล โดยอ้างการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของหมู่บ้านและชุมชนบังหน้า ทั้งๆที่ กอ.รมน.ไม่ใช่หน่วยงานที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ อีกทั้งมีการเร่งรีบดำเนินการโดยเร่งด่วน ขาดแผนงานที่ชัดเจน และยังไปใช้งบกลางในรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น ทั้งที่เงินส่วนนี้กันไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน และจำเป็นจริงๆเท่านั้น เช่นการเกิดภัยพิบัติต่างๆ
ปูดนักการเมือง “ส.” งาบ 300 ล้าน
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ทราบมาว่าจะมีนักการเมือง ใหญ่ชื่อ “ส.” ได้เงินจากงบประมาณส่วนนี้ถึง 300 ล้านบาท และในการดำเนินโครงการตามหมู่บ้านและชุมชนต่างๆจะมีบริษัทพรรคพวกของคนใน กอ.รมน.ไปรอรับ จ๊อบงานเรียบร้อยแล้วก่อนที่ ครม.จะอนุมัติงบดังกล่าว 1 สัปดาห์ คือในวันที่ 15 มี.ค. มีนักการเมืองใหญ่คนหนึ่ง ไปพบกับเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.และบริษัทเอกชนที่จะไปรับงานที่โรงแรมดังย่านวิภาวดี นอกจากนี้ ในวันที่ 27 มี.ค. จะเดินทางไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินัยทางงบประมาณและการคลังตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย “ฝากถามนายกฯ และนายสุเทพว่ามีนักการเมือง “ส.” เกี่ยวข้องด้วยจริงหรือไม่ เพราะผมทราบมาว่าโครงการดังกล่าวใช้งบจริงเพียงแค่ 500 ล้านบาท ในระยะเวลาที่กำหนดเดือนเศษ อยากถามว่าแล้วที่เหลือไปตกอยู่ในมือของใคร โครงการนี้ทำกันแบบเร่งด่วน เป็นงบฟาสต์ฟู้ด โดยมีไอ้ ส.เสือบุกเข้ามากินเหยื่อก้อนโต”
ขู่ยื่นกระทู้ถาม รมว.กลาโหม
ด้านนายสุรพงษ์กล่าวว่า จะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณา ของคณะกรรมาธิการฯโดยเร่งด่วน และจะเชิญทีมโฆษกพรรคเพื่อไทยและผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ หากพบว่ามีการทุจริตจริงจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ต่อไป ขณะที่นายสุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยกำลังแกะรอยโครงการดังกล่าวอยู่ เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ เร็วๆนี้จะตั้งกระทู้ด่วนถาม รมว.กลาโหมและ ผบ.ทบ.
“ประวิตร” ปัดใช้งบละลายสีเสื้อ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงเสียงวิจารณ์ กอ.รมน.ของบประมาณ 1,000 ล้านบาท ในโครงการกู้วิกฤติด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แต่แท้ จริงมีวัตถุประสงค์เพื่อสลายกลุ่มเสื้อแดงว่า ทหารพยายามเข้าไปทำ อยากช่วยเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ได้ละลายสีเสื้อเขียว เสื้อเหลือง เสื้อแดง ไม่เกี่ยวกัน เราอยากช่วยแนะนำเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะเงินไม่ใช่น้อย แต่ให้กำลังพลลงไปทุกหมู่บ้านใช้ด้วยความระมัดระวัง ผู้สื่อข่าวถามว่า การใช้เงินจำนวนมากคาดหวังให้เกิดความสมานฉันท์หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ได้คาดหวัง แต่อยากให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เมื่อถามว่า ทำไมทหารดูแลเรื่องความมั่นคง แต่หันมาดูแลเรื่องเศรษฐกิจ พล.อ.ประวิตรกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ทหารไม่เกี่ยวข้องเศรษฐกิจ ทหารอยู่ใน กอ.รมน. ทุกหน่วยใน กอ.รมน. ร่วมมือกัน ไม่ใช่ทหารมาเกี่ยวข้องเศรษฐกิจ มาแก้ เศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กอ.รมน.”
“สุเทพ” ผวาล้มแผนส่ง ส.ส.ช่วยราชการ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ สัมภาษณ์กรณีพรรคเพื่อไทยยื่นคำร้องให้ กกต.ตรวจสอบกรณีการลงนามในหนังสือให้ ส.ส.และอดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ 19 คน ไปช่วยราชการที่กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 266 และ 268 ว่า ได้แสดงความตั้งใจจริงว่าจะเชิญ ส.ส.มาช่วยราชการในภาวะบ้านเมืองวิกฤติ โดยนำรายชื่อ ส.ส.มาขึ้นบัญชี และจัดเลยว่าใครควรไปช่วยตรงไหน อย่างไร พูดตรงๆ ก็บังคับนั่นแหละ แต่พอทำหนังสือไปที่กระทรวง ปรากฏว่ารัฐมนตรีปอด บอกไม่ได้หรอก เดี๋ยวถูกเล่นงานตาม กฎหมาย ทั้งที่ตนยืนยันว่า ส.ส.ไม่ได้เข้ามาก้าวก่ายการแต่งตั้งโยกย้าย การทำงบประมาณหรือมีตำแหน่งในกระทรวง ขณะที่ ส.ส.ก็ไม่อยากไป ดังนั้นจึงเอาหนังสือกลับมา ถือว่าไม่มีความผิดเกิดขึ้น วันนี้ฝ่ายค้านก็อ้างเหตุผลที่น่ากลัวทั้งนั้น แต่ความจริงไม่น่ากลัว
“ประสพสุข” ให้คะแนนตัวเอง 8 เต็ม 10
ที่รัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยนายนิคม ไวยรัชพานิช น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภา และประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา 22 คณะ ร่วมกันแถลงผลงานวุฒิสภาครบรอบ 1 ปี โดยนายประสพสุขกล่าวว่า ได้วางหลักการทำงานคือ ยึดหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล ความโปร่งใส เป็นธรรม เท่าเทียมกัน เป็นกลางและกล้าหาญทางจริยธรรม ส่วนตัวคิดว่าจากคะแนนเต็ม 10 ขอให้ผลการทำงานตัวเอง 8 คะแนน และจะมุ่งมั่นพัฒนาให้วุฒิสภาเป็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งการเรียนรู้ บนพื้นฐานของข้อมูล ความรู้ ทางวิชาการ เป็นที่พึ่งไว้วางใจของสังคม และการทำงานเป็นทีม สำหรับผลงานวุฒิสภาได้กลั่นกรองกฎหมาย พิจารณา กระทู้ถาม เลือกหรือให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งในองค์กรรัฐธรรมนูญ เสนอพิจารณาถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง
ลุยไม่ถอยสร้างรัฐสภาใหม่
นายนิคมกล่าวว่า จากที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านการประชาสัมพันธ์เชิงรุก แต่จากการสำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศพบว่าการสำรวจความคาดหวังของประชาชนต่อวุฒิสภา มีระดับคะแนนที่ 3.16 ถือว่าปานกลาง ถือว่าต้องปรับปรุง ขณะนี้ได้ประสานความร่วมมือจากกลุ่มผู้ให้บริการเคเบิลท้องถิ่นที่มีกลุ่มลูกค้าอยู่ 5 ล้านจาน ซึ่งจะเข้าถึงประชาชนได้อย่างน้อย 25 ล้านคน นอกจากนี้ ยังได้รับมอบหมายจากประธานรัฐสภาให้ดูแลเรื่องการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ โครงการนี้ยังดำเนินการต่อไปในหลักการเดิมคือ บริเวณเกียกกาย เนื้อที่ประมาณ 131 ไร่ ก่อสร้าง 5 ปี งบรวม 20,000 ล้านบาท วันที่ 27 มี.ค. นี้ จะประชุมประกวดแบบวันสุดท้าย จากนั้นใช้เวลา 8 เดือน ในการออกแบบรายละเอียดควบคู่ไปกับการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมสำรวจผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และประสาน กทม.ดำเนินการออกแบบและสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงโรงพยาบาลยันฮีกับวัดแก้วฟ้า ยกระดับออกไปที่ถนนประดิพัทธ์