กิจกรรมนี้เกิดขึ้นจากทีมนักแปลอาสาสมัครที่อยากให้สาธารณชนได้บริโภคข่าวสารอย่างรอบด้าน เนื่องเพราะเห็นว่าสื่อสารมวลชนของไทยมีปัญหาเรื่องการทำงานในสถานการณ์วิกฤตินี้ เราจึงเลือกแปลข่าวของสื่อต่างชาติที่ยังสามารถทำงานตามหลักการวิชาชีพได้ โดยไม่มีอคติต่อฝ่ายใด และไม่มีอำนาจรัฐมาครอบงำ |
ทีมแปลข่าวเฉพาะกิจ
ที่มา : แปลจาก “Thailand Needs New Elections” เขียนโดย Colum Murphy รองบรรณาธิการนิตยสาร Far Eastern Economic Review ตีพิมพ์ใน THE WALL STREET JOURNAL และใน Far Eastern Economic Review, 15 เมษายน 2009
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชนชั้นนำทางการเมืองไทยเข้าร่วมเกี่ยวข้องกับสมรภูมิบนท้องถนนในเมืองหลวงโดยใช้ม็อบเพื่อโค่นอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ในปัจจุบัน เป็นการกลับมาของฝ่ายสนับสนุนทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ถูกโค่นลงไป อันเป็นการเแก้แค้นคืนของพวกเขา ในขณะเดียวกัน มันเป็นช่วงเวลาที่เกิดปัญหาความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และประเทศที่ดูเป็นประชาธิปไตยมายาวนานประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเซีย ดูเหมือนจะยิ่งแตกกระจายมากยิ่งขึ้น คำถามคือ ประเทศไทยเดินทางผิดในจุดใด
เป็นเวลาหลายทศวรรษมาแล้ว นายหน้าค้าอำนาจในกองทัพ ในรัฐสภา และในห้องประชุม ใช้รัฐบาลเพื่อเพิ่มความร่ำรวยให้กับพวกเขา จนกระทั่ง ทักษิณผู้ที่มีประชาชนนิยมได้คุกคามผลประโยชน์ของพวกเขา ด้วยได้รับการมอบหมายจากเสียงประชาชนที่เข้มแข็งในระบบประชาธิปไตย เพื่อการเริ่มต้นโครงการรัฐบาลที่ใช้งบประมาณสูงในการให้ประโยชน์กับคนจนในชนบท และยังได้เปิดประตูกว้างขึ้นเข้าไปสู่พลังของโลกาภิวัตน์และการแข่งขัน
การจราจลในวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดย “เสื้อแดง” ผู้สนับสนุนทักษิณ อันซึ่งเป็นกลยุทธล้อกับกลุ่ม “เสื้อเหลือง” ที่ต่อต้านทักษิณในช่วงปลายปีที่แล้ว คนกลุ่มนี้ได้ล้อมทำเนียบรัฐบาล และปิดสนามบินหลายวันทำให้ประเทศไทยเหมือนเป็นอัมพาต
ผู้ประท้วงทั้งสองกลุ่มสะท้อนถึงการแบ่งขั้วสังคมไทยที่เพิ่มระดับขึ้น ในฝั่งของสีเหลืองประกอบด้วย ผู้ประกาศตัวอย่างโจ่งแจ้งว่า จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ รวมถึงกองทัพ นักวิชาการจำนวนมาก ชนชั้นนำทางธุรกิจบางกลุ่ม และคนธรรมดาที่ส่วนใหญ่ที่มาจากหลายจังหวัดในภาคใต้ ในฝั่งของสีแดงเป็นกลุ่มผู้สนับสุนนทักษิณ ซึ่งรวมไปถึงเจ้าของกิจการที่ได้รับประโยชน์ภายใต้กติกาของทักษิณ และประชาชนชาวชนบทผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภาคเหนือ และภาคอีสาน พวกเขาเป็นผู้ได้รับการตบรางวัลอย่างก้าวกระโดดจากผู้ที่เขาให้ความนิยมจาก “ทักษิโนมิกส์”
ฝ่ายสีแดงมีความได้เปรียบในเรื่องของจำนวนโดยสมบูรณ์แบบ และบางทีการเลือกตั้งที่เปิดกว้างอย่างเสรีและบริสุทธิ์ยุติธรรมมากที่สุด อาจจะทำให้พลังข้างสนับสนุนทักษิณกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง ส่วนฝ่ายสีเหลืองกล่าวอ้างความชอบธรรม เนื่องด้วยความจงรักภักดีของพวกเขามีต่อพระมหากษัตริย์ พวกเขายังมีกองทัพ และแรงหนุนจากตำรวจ ในส่วนระหว่างกลางของทั้งสองฝ่าย เป็นคนไทยธรรมดาๆ จำนวนมากที่ต้องการให้ประเทศกลับไปสู่ความมีเสถียรภาพและความมั่งคั่ง
แต่เป้าหมายเหล่านี้ยังเป็นสิ่งที่จับต้องได้ยาก จนกระทั่งวันที่การแบ่งฝ่ายของสีแดงและสีเหลืองได้เชื่อมต่อกัน อุปสรรคสำคัญคือ ทำอย่างไรจึงจะจัดการกับทักษิณ ผู้หนีการจับกุมข้อหาคอรัปชั่นและการตัดสินให้ถูกจำคุก 2 ปีให้อยู่มือ ในการสัมภาษณ์ที่ดูไบเมื่อเดือนที่แล้ว เขาเน้นถึงความจงรักภักดีที่มีต่อพระมหากษัตริย์ และเขากล่าวอีกว่า “เขาต้องการกลับประเทศไทยเพื่อทำหน้าที่เป็น “ที่ปรึกษา” ให้กับรัฐบาล “ผมเป็นสุนัขที่เชื่องได้ทุกเวลา ผมเชื่องอยู่แล้วและสามารถเชื่องได้อีก” เขาบอกกับผู้เขียน
การคืนสิทธิให้ทักษิณนั้น เป็นไปได้มากที่เดียวว่า ต้องมีการพระราชทานอภัยโทษโดยพระมหากษัตริย์หรือไม่ก็นิรโทษกรรมโดยรัฐสภา แต่ทว่า มันยังมีก้าวอื่นๆ ที่อาจทำได้ และมันไม่จำเป็นต้องเป็นปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับตัวทักษิณ และมันก็อาจจะปูทางให้เกิดความปรองดองที่มีความหมายกลับคืนมา
รัฐบาลอาจให้นิรโทษกรรมแก่สมาชิก 111 คนของพรรคไทยรักไทย และอนุญาตให้พวกเขากลับเข้าสู่การเมือง ทั้งนี้ คนเหล่านี้รวมถึงตัวทักษิณเองได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปีโดยคณะกรรมการที่ถูกตั้งขึ้นโดยคณะรัฐประหาร ในฐานที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งก่อนการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549
ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันปี 2550 คงต้องมีการแก้ไขให้ดีขึ้น ให้สะท้อนถึงความเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนปี 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่หลายคนเห็นว่า เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ไม่เพียงรัฐธรรมนูญปี 2540 นี้จะเกิดจากการปรึกษาหารือกับสาธารณชนอย่างกว้างขวาง แต่มันเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองสภาคือสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งโดยตรง
ในกรณีใดๆ ก็ตาม อำนาจส่วนใหญ่จำเป็นต้องกลับไปสู่สมาชิกรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งและถอนอำนาจออกมาจากสถาบันต่างๆ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง รวมไปถึงอำนาจของตัวแทนของรัฐต่างๆ ทั้งนี้การปฏิรูปบางอย่างที่เกิดในรัฐธรรมนูญปี 2540 ถูกหมุนย้อนกลับหลังไปในรัฐธรรมนูญปี 2550
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ประเทศไทยควรจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การเกาะแน่นอยู่ในอำนาจจนถึงวันที่ความขมขื่นจบลง นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ และพรรคร่วมรัฐบาลเสี่ยงในการทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าทำให้ดีขึ้น นายกรัฐมนตรีควรรู้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นสถานการณ์ที่ไม่สามาถรถจะต้านทานให้คงอำนาจอยู่ได้
ในเดือนมกราคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวกับผู้เขียนว่า เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะไปหาประชาชนทุกกลุ่ม และการแก้ไขความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเรื่องสำคัญลำดับแรกที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นก่อน แต่ในเวลาช่วงสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือน ความรุนแรงและความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งพิสูจน์แล้วว่า เขาผิดไปถนัด ประเด็นการแก้ปัญหาระยะยาวต่างๆ ที่หยุดไว้นั้น ไม่ได้ช่วยให้ประเทศไทยดีขึ้นทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ ในทางกลับกัน มันยืดระยะเวลาของความเจ็บปวด และทำให้มันยากยิ่งขึ้นในการเยียวยารักษาการแบ่งแยกของสังคม และยากยิ่งขึ้นในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ