บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อ่าน ‘จุดร่วม’ และ ‘จุดต่าง’ ของเหลือง-แดง ผ่านมุมมองของ พิภพ ธงไชย และ สนธิ ลิ้มทองกุล

ที่มา ประชาไท

นักปรัชญาชายขอบ

(พันธมิตร - เสื้อแดง) ด้านที่เป็นแนวร่วมเป็นด้านใหญ่ด้วย ก็คือความไม่เป็นธรรมในสังคมไทย ถ้าเราตัดการเถียงกันเรื่องสถาบันไปได้ ผมคิดว่าความร่วมกันจะมีมากขึ้น และถ้าเราตัดเรื่องทักษิณออกไปได้ ด้านร่วมกันคือความไม่เป็นธรรมจะมีมากขึ้น...”

(คำให้สัมภาษณ์ไทยโพสต์ แทบลอยด์ ของ พิภพ ธงไชย ซึ่งประชาไทนำมาเผยแพร่ต่อเมื่อ 3/5/2552)

...

จริงๆ แล้ว โดยส่วนตัวผม ผมไม่ได้รังเกียจการปฏิวัติรัฐประหาร แต่ขึ้นอยู่ว่าคุณจะปฏิวัติรัฐประหารไปเพื่ออะไร ถ้าคุณปฏิวัติรัฐประหารเพื่อสมบัติผลัดกันชม เหมือนสมัยที่ คมช.ทำ ผมไม่เห็นด้วย แต่ถ้าคุณปฏิวัติรัฐประหารเพื่อให้ประเทศชาติบ้านเมืองดีขึ้น ผมเห็นด้วย

ถ้าฟังให้ดี ผมบอกว่า ถ้าทหารออกมา ผมไม่ขัดข้อง แต่ถ้าทหารปฏิวัติเพื่อตัวเอง ผมจะสู้

จริงๆ จุดยืนของผมกับเสื้อแดง ไม่ต่างกันหรอก ถ้าทหารออกมาปฏิวัติเพื่อตัวเอง ผมจะสู้ แต่ถ้าปฏิวัติเพื่อล้มล้างทุกอย่าง จุดนี้ระหว่างผมกับเสื้อแดง ต่างกันแล้ว

ต่างกันตรงที่ว่า ผมมองว่า สถาบันกษัตริย์มีความจำเป็นต่อสังคมไทย ยังมีความจำเป็นอยู่ จุดยืนผมตรงนี้ชัด แต่เสื้อแดงไม่ชัดนี่ มันก็เป็นข้อแตกต่าง ระหว่างปรัชญาที่ว่า คุณเชื่อประเทศไทยจะเดินต่อไปด้วยโครงสร้างสังคมแบบไหน

สำหรับผม ผมยังเชื่อว่าโครงสร้างสังคมที่ประกอบด้วย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นโครงสร้างที่ดีที่สุด ซึ่งข้อแตกต่างของผมกับเสื้อแดงอยู่ตรงนี้

สิ่งที่เสื้อแดง กับผม เห็นพ้องต้องกัน คือ ปฏิวัติสังคมมิใช่หรือ

(คำให้สัมภาษณ์ของ สนธิ ลิ้มทองกุล ในเนชันสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่เสาร์ที่ 2 พ.ค.2552)

...

จากคำให้สัมภาษณ์ของพิภพ จุดร่วมของเหลือง - แดง คือ ความไม่เป็นธรรมในสังคมไทย จุดต่างคือ เอา-ไม่เอาทักษิณ กับ เอา-ไม่เอาสถาบัน จากคำให้สัมภาษณ์ของสนธิ จุดร่วมของเหลือง - แดง คือ การปฏิวัติสังคมไทย แต่จุดต่างคือ เอา-ไม่เอาสถาบัน

ที่ต้องขีดเส้นใต้คือ ทุกฝ่ายเห็นว่าความไม่เป็นธรรมคือปัญหาหลักของสังคมไทย และต้องสร้างสังคมที่มีความเป็นธรรมด้วยการปฏิวัติสังคมไทย

แต่มีประเด็นที่ควรตั้งข้อสังเกตดังนี้

1. ประเด็น เอา-ไม่เอาทักษิณ มีความเห็นจากฝ่ายเสื้อแดงบางส่วนเสนอว่าประเด็นหลักของการต่อสู้ในวันนี้ได้ก้าวเลยเรื่อง เอา-ไม่เอาทักษิณ มาแล้ว แต่ต้องการประชาธิปไตยที่พ้นไปจากการกำกับของอำมาตยาธิปไตย สังคมที่เป็นธรรม หรือรัฐสวัสดิการ

2. ประเด็น เอา-ไม่เอาสถาบัน เสื้อแดงส่วนใหญ่ยืนยันมาตลอดว่าต้องการ ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ ประชาธิปไตยที่สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรม หรือ อยู่เหนือความเป็นฝักฝ่ายทางการเมืองอย่างแท้จริง

3. ประเด็น การปฏิวัติสังคม ขณะที่เสื้อเหลือง (อย่างน้อยก็แกนนำคนสำคัญอย่างสนธิ) ไม่รังเกียจการปฏิวัติของทหาร (ถ้าทำเพื่อให้บ้านเมืองดีขึ้น) แต่เสื้อแดงรังเกียจ (ในทุกกรณี?) และเรียกร้อง การปฏิวัติโดยประชาชน

ข้อที่น่าพิจารณา

ประเด็นที่ 1 เสื้อแดงควรแสดงจุดยืนให้คุณทักษิณพิสูจน์ตนเองตามกระบวนการยุติธรรม และคอยตรวจสอบว่ากระบวนการยุติธรรมดำเนินการกับคุณทักษิณอย่างเที่ยงธรรมหรือไม่ รัฐบาล และอำมาตย์เข้ามาแทรกแซงหรือไม่ (ถ้าไม่เป็นธรรมหรือมีการแทรกแซงต้องแสดงหลักฐานและเหตุผลต่อสาธารณะ ไม่ใช่กล่าวหาลอยๆ)

ประเด็นที่ 2 เสื้อเหลืองควรเลิกกล่าวหาแบบเหมาเข่ง หรือสร้างกระแสว่าเสื้อแดงไม่เอาสถาบัน (ถ้ามีการไม่เอาสถาบันเป็นรายบุคคลก็ให้ว่ากันเป็นรายบุคคลโดยต้องมีหลักฐานไม่ใช่กล่าวหาลอยๆ)

ประเด็นที่ 3 ความเห็นของคุณสนธิที่ว่า ถ้าคุณ (ทหาร) ปฏิวัติรัฐประหารเพื่อให้ประเทศชาติบ้านเมืองดีขึ้น ผมเห็นด้วย นั้น เป็นความเห็นที่ดูมีเหตุผล ถ้าอ้างอิงการปฏิวัติเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 ที่ทหารมีบทบาทอย่างสำคัญในการยึดอำนาจจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่การทำรัฐประหารโดยทหารหลังจากนั้น รวมทั้งเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 ก็เป็นอย่างที่คุณสนธิว่าคือเป็นเรื่องของ สมบัติผลัดกันชม ดังนั้น สังคมจึงไม่อาจวางใจต่อการปฏิวัติรัฐประหารโดยทหารได้อีกต่อไปว่าพวกเขาจะไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวก ฝ่ายเสื้อเหลืองจึงจำเป็นต้องแสดงจุดยืนให้ชัดว่า ต่อต้านการปฏิวัติโดยทหาร อย่างสิ้นเชิง และหันมาสนับสนุน การปฏิวัติโดยประชาชน แต่ต้องไม่ใช่วิธี ลงใต้ดิน ดังที่เสื้อแดงบางคนเสนอ

ปัญหาหลักจึงอยู่ที่ว่า จะปฏิวัติสังคมอย่างไรโดยไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งโดยกำลังทหารและการต่อสู้ใต้ดิน? นี่คือคำถามท้าทายทั้งฝ่ายเสื้อเหลือง-แดง และฝ่ายอื่นๆ ที่เรียกร้องสันติวิธี

คำตอบน่าจะอยู่ที่ว่า เสื้อเหลือง-แดง ต้องชัดเจนใน จุดร่วม เรื่อง ความไม่เป็นธรรม และ การปฏิวัติสังคม (ซึ่งจุดร่วมดังกล่าวนี้ฝ่ายที่เรียกร้องสันติวิธีและคนส่วนใหญ่ในสังคมก็เห็นด้วยอยู่แล้ว) และเดินหน้าต่อในการขับเคลื่อนประเด็นความไม่เป็นธรรมและการปฏิวัติสังคมให้กลายเป็นประเด็นสาธารณะที่ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ทำให้ภาระการปฏิวัติสังคมเพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรม เป็น ภาระของคนทุกภาคส่วนในสังคม อย่างแท้จริง

ถ้าทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เอาด้วย ไม่ว่าอำนาจใดๆ ก็ไม่อาจต้านทานได้ !

ด้วยความเคารพ ผมเชื่อว่ามวลชนเหลือง-แดงมีศักยภาพเหลือล้นที่จะปฏิวัติสังคมไทย ไม่จำเป็นต้องแสดงละครจับมือจูบปากกัน หรือเรียกร้องความปรองดองสมานฉันท์ใดๆ เพียงแต่แสดงความชัดเจนใน จุดร่วม เลิกการเสียดสีโจมตีกัน (แต่ควรวิพากษ์กันด้วยเหตุผล) แล้วมุ่งหน้าเปิดประเด็นเรื่องความไม่เป็นธรรม และเสนอแนวทางปฏิวัติเพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรมให้เห็นเป็นรูปธรรมโดยเร็ววัน !

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker