คอลัมน์ เหล็กใน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เคยตอบในสภาว่าทุกคดีมีความคืบหน้า จะดำเนินการอย่างเท่าเทียมกันตามกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 บอกว่ายึดสนามบินสุวรรณภูมิที่ยังช้า เพราะเป็นคดีก่อการร้าย มีโทษถึงประหารชีวิต
พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วยผบ.ตร.เจ้าของคดี ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่า พนักงานสอบสวนที่ทำคดีพอจะมองเห็นช่องทางในการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ต้องรอฟังผลของผู้เชี่ยวชาญจากกรมการขนส่งทางอากาศ ที่จะต้องยืนยันเอกสารความผิดของพันธมิตรว่ามีความผิดเข้าข่ายข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรมขนส่งทางอากาศหรือไม่ ในวันที่ 28 พ.ค.จะประสานขอทราบผลอีกครั้ง
พล.ต.ท.วุฒิ ยังระบุด้วยว่าเบื้องต้นได้เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาตั้งแต่บุกรุกจนถึงข้อหาก่อการร้ายสากล คาดว่าประมาณปลายเดือนพ.ค. จะมีความคืบหน้าในการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้อง
ต่อมา พล.ต.ท.วุฒิได้ยื่นขอลาออกจากหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ เมื่อวันที่ 12 พ.ค.
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.จึงมีคำสั่งให้พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนดูแลควบคุมคดีแทน
เมื่อวันพุธที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ธานี ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีเกี่ยวกับการชุมนุมของพันธมิตร ทั้งคดีปิดล้อมรัฐสภา คดีบุกยึดสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ
เมื่อนักข่าวถามถึงคดียึดสนามบิน จะสามารถแจ้งข้อหาการก่อการร้ายสากลได้หรือไม่
พล.ต.อ.ธานี บอกหน้าตาเฉยว่าจากที่ดูรายงานการประชุมที่พล.ต.ท.วุฒิทำมา ไม่เห็นมีข้อหานี้
สำหรับคดีเกี่ยวพันธมิตร เดิมพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร.เป็นผู้ดูแล
หลังรัฐบาลนายอภิสิทธิ์เข้ามา มีการย้ายนายตำรวจที่เกี่ยวข้องหลายนาย ทำให้พล.ต.อ.จงรักพ้นหน้าที่ไป
ต่อมา พล.ต.ท.วุฒิได้มาดูแลคดีแทน เมื่อยื่นขอลาออกไป ก็เป็นอำนาจของพล.ต.อ.ธานี
ซึ่งบอกว่าไม่มีข้อหาก่อการร้ายสากลสำหรับกลุ่มพันธมิตร