ช่วงสัปดาห์นี้ มีข่าวที่ส่งผลกระทบถึงคน 2 คน รายแรก บิ๊กหมง พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ประธานบริหารบริษัท ไออาร์พีซี รายที่สอง ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง
ทั้ง 2 กลายเป็นอดีตไปเรียบร้อย คนแรกลาออก คนหลังถูกไล่ออก
คนแรก บิ๊กหมง อดีต ผบ.สส. ที่ได้รับการเชื้อเชิญจากรัฐบาล แม้ว ให้เข้าไปนั่งเป็นผู้บริหารแผน บริษัท ทีพีไอ ของ ประชัย เลี่ยวไพ รัตน์ และเปลี่ยนมาเป็น ไออาร์พีซี หลังรัฐให้คลังเข้า ไปดูแลแทน
จากบริษัทหนี้กว่าแสนล้าน เจ้าหนี้รุมกว่า 120 ราย ผ่านมือบิ๊กหมงและคณะ เข้าไปฟื้นฟู เจรจาเจ้าหนี้ทำแผนและบริหารในระยะหนึ่ง ทำให้หนี้จากแสนล้าน เหลือหมื่นกว่าล้าน
ไม่เคยจ่ายปันผล ก็จ่ายได้เป็นครั้งแรก แม้ปีที่ผ่านมา จะขาดทุน แต่ก็สุดวิสัย เป็นผลจากการสต๊อกน้ำมันที่พุ่งปรี๊ดกว่า 147 ดอลลาร์ และคาดการณ์จะถึง 200 ดอลลาร์ เจ้าหนี้เลยขอให้ซื้อความเสี่ยงล่วงหน้า
แต่ใครจะไปตรัสรู้ จู่ ๆ ช่วงครึ่งปีนี้ น้ำมันดันลดเหลือ 30-40 ดอลลาร์ ก่อนไต่ทะยานเกือบ 60 ดอลลาร์
จะหาว่า “บิ๊กหมง” บริหารงานพลาด จึงไม่ได้ ที่ทำมาควร ได้รับ คำชม และ ขอบคุณ มากกว่า บอกตรง ๆ แต่แรกก็ไม่คิดหรอกว่า บิ๊กหมงจะเก่งกาจขนาดนี้ คิดว่าแค่รับ “จ๊อบ” หลังเกษียณ ดีกว่าอยู่เฉย ๆ
แต่บิ๊กหมงกลับเอาจริง ศึกษาเรื่องการเงิน และ ธุรกิจน้ำมันกับปิโตร เคมี จนลึกซึ้ง สามารถบริหารจัดการ “ไออาร์พีซี” ให้ค่อย ๆ ดีขึ้น กลายเป็นบริษัทที่มีอนาคต
สำคัญ คือ มีความสุจริตต่อผู้ถือหุ้น การลาออกเมื่อถึงเวลาอันควร จึงเป็นการแสดงสปิริตนักบริหารที่ดี สมควรได้รับเสียงปรบมือ และช่อดอกไม้ ส่งท้าย
อีกคน เป็นข่าวมานานและที่สุดเป็นไปตามคาด
อกพ.กระทรวงการคลัง มีมติตาม ป.ป.ช.ให้ไล่ออก ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ข้อหาผิดวินัยร้ายแรง กรณีแต่งตั้ง 4 รองอธิบดีกรมสรรพากรเมื่อปี 2544 โน่น เพราะเอาระเบียบ ก.พ. เป็นเกณฑ์
แต่ศาลปกครองมีคำวินิจฉัยต่อมาให้ระเบียบ ก.พ. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำสั่งแต่งตั้งเลยเป็นโมฆะ ศุภรัตน์ ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลว่า ประพฤติชั่วร้ายแรง มีโทษถึงถูกไล่ออกจากราชการ ???
ไม่มีบำเหน็จบำนาญ รวมทั้งถูกริบเครื่องราช
หนทางเดียวที่จะบรรเทาโทษได้คือ อุทธรณ์ต่อ ก.พ. ให้ลดโทษจากไล่ออก เป็น ปลดออก เพื่อให้บำเหน็จบำนาญและไม่ถูกริบเครื่องราช หากผ่านได้ ก็ยังบอบช้ำอยู่ดี
เป็นความเสียดาย ที่ข้าราชการ “ตงฉิน” ที่ทำงานด้วยความรู้ ความสามารถ และไม่มีเรื่องมัวหมอง ทุจริตคอร์รัปชั่นมาตลอดชีวิตที่รับใช้ชาติ กลับต้องเจอชะตากรรมที่โหดร้ายเยี่ยงนี้
เป็นการสูญเสียบุคลากรที่เก่งและเป็นกำลังสำคัญด้านการคลัง ขณะบ้านเมืองเจอมรสุมเศรษฐกิจรุมเร้า
แต่น่ายินดีที่ภาคเอกชนอีกหลายแห่ง อ้าแขนรับทั้ง 2 เข้าไปทำงาน เพราะเสียดายในความรู้ ความสามารถที่ทั้ง 2 ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม ถือเป็นการช่วยชาติอีกทาง
สมกับที่โบราณว่า คนดี ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ โดยแท้.
ดาวประกายพรึก