"ทักษิณ" ซัดปฏิวัติ19กันยา สร้างความแตกแยก จี้เลิกทำได้แล้ว ฝันหวนคืนเก้าอี้นายกฯ เพื่อไทยเปิดวงถล่ม"รัฐประหาร" "ยงยุทธ"ลั่นตั้งเพื่อไทยรอ"แม้ว" กลับเป็น"นายกฯ" "จาตุรนต์"ซัด ผบ.ทบ.มีอำนาจ กำหนดอายุรัฐบาล จี้"มาร์ค"อย่าซื้อเวลา เร่งแก้รธน.
"ทักษิณ"เปรียบ"19 กันยา" เป็น"นิยายการเมือง"น่าขนลุก
เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 22 กันยายน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้วิดีโอลิงก์มาร่วมงานเสวนาของพรรคเพื่อไทย โดยพูดถึง 3 ปีของการรัฐประหารว่า ต้องขอบคุณทุกคนที่ชวนกันมารำลึกถึง 3 ปีการรัฐประหารว่าได้อะไรหรือเสียอะไร ซึ่งที่เราได้มาจากการรัฐประหารนั้นยังไม่เห็น และที่ได้เห็นจริงๆคือยังไม่มีสิ่งที่เราได้ แต่การเสียสิ่งที่ดีๆ ไปนั้นมีอย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งที่อยากพูดวันนี้คือ ถ้าตนยังอยู่และ ไม่มีการปฏิวัตินั้นประเทศจะมีหน้าตาอย่างไร ซึ่ง 3 ปีที่มีการปฏิวัติแล้วเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มีการทำให้นายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งไปแล้วถึง 2 คน มันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าเขียนนิยาย เป็นนิยายการเมือง ที่น่าขนลุกขนชัน สำหรับการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และเราก็เสียเวลามามั่วอยู่กับการเมืองที่มีการสาดโคลน
ซัด"รัฐประหาร"ได้แค่เศรษฐีใหม่ ยศ"พลเอก"ไม่กี่คน
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ปกติประเทศประเทศประชาธิปไตยที่ศิวิไลนั้นจะแข่งกันทางความคิด โดยประชาชนเป็นผู้ตัดสินตามระยะเวลาที่กำหนดและมีระบบถ่วงดุล ซึ่งทุกระบบจะยึดไปที่ประชาชนไม่ใช่กลุ่มบุคคลบางคน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้นกับประเทศไทย ซึ่งหลังจากโดนปฏิวัติตนไปญี่ปุ่น แล้วมีนักลงทุนมาบอกกับตนว่าประเทศไทยเหมือนหักหลังเขา เพราะทำเหมือนจะเป็นประชาธิปไตยที่แมดชัวร์ แต่กลับมามีการปฏิวัติ แต่ถ้าถามว่าคนไทยได้อะไรบ้างนั้น ก็ต้องบอกว่าได้เศรษฐีใหม่มาไม่กี่คน แล้วส่วนใหญ่จะเป็นยศพลเอก ได้ทหารที่แข็งแกร่งขึ้นมีอาวุธมากขึ้น แต่ก็ไม่หมายความว่ าจะสามารถแก้ไขปัญหาภาคใต้ได้ และได้รัฐธรรมนูญ 2550 ที่ไม่เคารพการอำนาจประชาชน ได้รัฐบาลที่อ่อนแอน ไม่สามรถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา
"นอกจากนี้ ยังได้หนี้ก้อนโต ที่จะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่มีการกระตุ้นจริงๆ และได้ความแตกแยกที่หนักกว่าเดิม มากขึ้นกว่าเดิมเยอะ รวมถึงได้กระบวนการยุติธรรมที่ 2 มาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งล่าสุดมีคคนมาบอกว่าจะทำเสื้อยืดสีขาวขายโดยมีตัวหนังสือสีเหลืองเขียนว่า “เมิงทำอะไรก็ไม่ผิด” แล้วข้างล่างเป็นสีแดง เขียนว่า “กูทำอะไรก็ผิด” นอกจากนี้ยังได้คนจนมากขึ้น และได้เห็นข้อกล่าวหาที่ไม่จงรักภักดีมาใช้กับตน แต่ไม่จริง รวมทั้งในขณะที่ทหารแข็งแรงขึ้น แต่ตำรวจอ่อนแอลง ที่สำคัญคือการโกหกยังได้ผล ซึ่งก็ล่าสุดก็ใส่ร้ายว่า ตนเป็นมะเร็งและใส่วิกผม" (พ.ต.ท.กล่าวพร้อมกับเอามือดึงผมตัวเอง)
ปูดรบ.หากินทุกกระเบียดนิ้ว เตรียม“ทุน”เลือกตั้ง ส่งสัญญาณอยู่ไม่นาน
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ ทำไมคนเสื้อแดงจึงมากขึ้นทุกวัน และผู้เรียกร้องประชาธิปไตยส่วนใหญ่มาจากคนหาเช้ากินค่ำ มาจากคนรากหญ้า โดยจะเห็นได้ชัดว่าประชานเริ่มเห็นจากการปฏิวัติว่ารัฐธรรมนูญ 40 นั้นกินได้ทำให้รู้ว่าภาษีถูกใช้เพื่อเขาและการพัมนาประเทศอย่งจริงจัง จึงอยากได้รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยและเข้มแข็ง ไม่ใช่รัฐบาลที่ไปทุบเขามา ไปปล้นเขามา แล้วทหารมาช่วยจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งประชาชนอยากได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของเขา และทำตามสัญญาที่ให้กับเขาได้เขาก็เลือกคนนั้น นี่คือประชาธิปไตยที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปเยอะ เพราะมีนักธุรกิจ มาบอกกับตนว่ารัฐบาลนี้หากินทุกกระเบียดนิ้ว ทุกที่ ทุกหน่วย มองดูแล้วมันเป็นสัญญาณของการเมืองที่อ่อนแอ การเมืองที่ไม่รู้เมื่อไรจะออกได้ การเมืองที่ประชาชนไม่เอาแล้ว ก็เลยเป็นการเมืองที่นักการเมืองมุ่งหาประโยชน์ไปเป็นทุนเลือกตั้ง
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ครั้งหนึ่ง น.พ.ประเวส วะสี ราษฎร อาวุโส คิดอยากแก้รัฐธรรมนูญตอนโน้น เพื่อภาวะผู้นำเกิดแก่นายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศและแข่งขันได้ ซึ่งเป็นการคิดถูก พูดถูกและทำถูก แต่เมื่อรัฐบาลไทยรักไทยแข็งแรงขึ้นก็เกิดความกลัว เพราะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยเลยและไม่น่าจะมีอีกแล้ว แต่ก็อาจจะเป็นอีกได้หากพรรคเพื่อไทยถูกกลั่นแกล้งมากๆ ถูกกระทำทุกรูปแบบทั้งอำนาจรัฐ กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม จึงอยากจะให้ทุกคนมองว่าการคืนอำนาจให้ประชาชนแล้วช่วยกันทำให้ประชาชน เพราะตามหลักประชาธิปไตย ทฤษฎีว่าด้วยการเมืองเพื่อประชาชนทั้งหลายนั้นบอกว่าคนที่มาใช้อำนาจนั้นใช้อำนาจแทนประชาชน เพื่อประโยชน์ประชาชน แต่วันนี้เรากำลังมาใช้อำนาจเพื่อตัวเองและพวกพ้อง
ตีปี๊บตั้งใจวางมือการเมือง26 ก.ค.52 ตำแหน่ง"นายกฯสมัย2"
"หากผมยังอยู่ตามกติกาผมจำได้ว่าผมชนะการเลือกตั้งปี 2548 และจะอยู่ถึงปลายปี 2552 และเมื่อครบเทอม 52 ผมไม่เลบ่นการเมืองแล้ว ผมจะวางมือจริงๆ เพราะมั่นใจว่า 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้างนั้นทำได้ และเป็นการสร้างประเทศไทยวางอนาคตไว้กับลูกหลาน และมั่นใจว่าพอแล้ว เพราะ 8 ปีที่ทำงานเผาผลาญพลังงานของตัวเองไปมากมายแล้ว และตั้งใจจะไม่อยู่ถึงวันสุดท้ายของการเป็นนายกฯด้วย กะว่าวันเกิดผม 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา จะเลี้ยงขอบคุณญาติพี่น้องและทุกคนที่ทำเนียบ แล้วจะขึ้นไปห้องทำงานเพื่อเขียนใบลาออก ที่ได้รับใช้บ้านเมืองมาพอสมควรแล้วก็เปิดโอกาสให้คนรุ่นหลัง โดยจะให้ใครคนใดคนหนึ่งในพรรคไทยรักไทย ขึ้นมารักษาการจนครบเทอมแล้วเลือกตั้งกัน สาบานได้ และได้พูดกับรัฐมนตรีสมัยนั้นบางคนแล้ว ผมตั้งใจไว้อย่างนั้นจริงๆ ผมไม่ได้จะบ้าจะอยู่ต่อไป เพราะการเมืองทำงานมันเหนื่อย" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ถามว่าวันนี้ตั้งใจกลับไปเป็นนายกฯหรือไม่ก็อยู่ที่ประชาชนว่าจำเป็นไหม ถ้าไม่จำเป็นก็อยากใช้ชีวิตปั้นปลายก็อยากใช้ชีวิตที่สงบสุบ แต่ถ้าจะเหนื่อยก็ขอเหนื่อยให้คนที่เคยเหนือยให้ตน อย่างคนเสื้อแดงบางคนก็ไม่ได้มีฐานะอะไรก็ยังมาชุมนุมกัน บางคนขายที่ดินเอามาเป็นค่ารถก็รู้สึกตื้นตันมา เมื่อประชาชนมีน้ำใจกับตนก็ต้องนึกถึง ซึ่งตอนนั้นเคยประกาศว่าปี 52 มั่นใจว่าความยากจนจะหายไป กะว่าจะใช้เงิน 2.5 แสนล้าน 4 ปีแก้ปัญหาความยากจน เพราะที่อาจสามารถโมเดล จ.ร้อยเอ็ด ทำให้เห็นปัญหาทั้งหมดแล้วว่าจะแก้ไขอะไรบ้าง และตั้งใจจะทำเมกกะโปรเจค 1.2 ล้านล้านบาทโดยจะเชิญนักธุรกิจและชาวต่างชาติมาทำให้ โดยเราไม่ต้องจ่ายอะไรสักบาท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ ถนน จราจร รถไฟฟ้าที่อยู่อาศัยของคนที่มีรายได้น้อย จัดสรรที่ดินทำกินเตรียมไว้ทั้งหมดใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เสร็จเร็ว โดยไม่ใช่เงินสักบาทหนึ่ง แล้วเอาสินค้าไปผ่อนชำระใช้ โดยเป็นความพยายามที่จะทำและจะเอาจริง แต่มีปัญหาทางการเมืองเสียก่อนซึ่งน่าเสียดายมาก เพราะหลายๆ อย่างตั้งใจว่าจะพัฒนาให้ดี
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า แต่ตนก็เห็นใจรัฐบาลที่ทำอะไรไม่ค่อยได้ เนื่องจากต้องแก้ปัญหาการเมือง เพราะไม่มีเสถียรภาพ กับแค่การตั้ง ผบ.ตร. คนเดียวก็ยังตั้งไม่ได้ เพราะมีการต่อรองกันของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นปัญหามานาน แต่แก้ไขได้ด้วยรัฐธรรมนูญ 40 แต่เราไม่ชอบที่จะเดินกลางๆ พอไปทางซ้ายก็ไม่ชอบแล้ววิ่งไปกาบขวา พอจะไปทางขวาก็วิ่งไปกาบซ้าย ซึ่งไม่มีความพอดี ไม่เคยคิดว่านั่งกลางๆจะเป็นอย่างไร
ยกผลเลือกตั้ง"สกลนคร-ศรีษะเกส" จี้เลิก"ปฏิวัติ"
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ต้องเเลิกปฎิวัติได้แล้ว เพราะนั่นคือการตัดสินใจจากคนบางกลุ่ม และคนกลุ่มนั้นไม่ได้ฉลาดมากกว่าคนทั้งประเทศ ดังนั้นขอให้ทุกคนเคารพการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งประชาชนรู้ดีว่าใครทำประโยชน์ให้เขา อย่าไปคิดแบบเก่าๆว่าการเมืองไทยคือการซื้อเสียง ซึ่งการเลือกตั้งซ่อมที่จ.สกลนครและจ.ศรีสะเกษ เป็นเครื่องยืนยันได้ วันนี้ขอให้แข่งกันทำความดีให้ประชาชน ตนอยากเห็นว่าเมื่อไหร่จะคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งตนอยากให้มองไปข้างหน้าว่าวันนี้การแข่งขันมีความรุนแรงมาก ซึ่งการตแข่งขันที่ปัญญา เป็นเรื่องสำคัญ เพราะปัญญาต้องพัฒนามาจากองค์ความรู้ แต่วันนี้องค์ความรู้ไม่มีการพัฒนา 3 ปีที่ผ่านมาเป็นการทำลายอนาคตของลูหลาน ทำลายสิ่งที่เป็นโอกาสของประเทศไทย ขอเรียกร้องให้เริ่มต้นใหม่ โดยปล่อยให้ประชาธิปไตยเกิดขึ้นและให้การเมืองเป็นเรื่องของประชาชนอย่างแท้จริง อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และมีอำนาจมากกว่าประชาชน เพราะจะทำให้ประเทศเสียหาย
เพื่อไทยเปิดวงถล่ม"รัฐประหาร"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 กันยายน เวลา 13.30 น. พรรคเพื่อไทย ร่วมกับมูลนิธิ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จัดงานสัมมนา "3 ปี...หลังปฏิวัติ 19 กันยา ประชาชนได้อะไร" โดยมีแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หัวหน้ากลุ่มวังบัวบาน น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายพานัพ ชินวัตร น้องชายพ.ต.ท.ทักษิณ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยกรรมการบริหารของพรรคและ ส.ส.มาร่วมเพื่อไทยมาร่วมคับคั่ง ไปจนถึงอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนจำนวนมาก อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้ากลุ่มไทยรักไทย นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้ง แกนนำคนเสื้อแดงอย่างนายวีระ มุสิกพงษ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จกการแห่งชาติ (นปช.) –แดงทั้งแผ่นดิน นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจรัล ดิษฐาภิชัย นายอดิศร เพียงเกษ รวมทั้งนายเมธี อมรวุฒิกุล ดารานักแสดงชื่อดังและแฟนคลับพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงกว่า 500 คนมาร่วมงาน
โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสมชาย และ นายจาตุรนต์ ซึ่งเป็นตัวแทนของหัวหน้าพรรคการเมืองในเครือข่ายของไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทย ซึ่งนายจาตุรนต์ เคยดำรงตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายสมชาย เป็นตัวแทนหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และนายยงยุทธ แทนหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้บนเวทีเสวนายังมีหุ่นวางอยู่ร่วมบนโต๊ะเสวนาด้วย แต่ได้นำกระดาษติดเครื่องหมาย ? (เครื่องหมายคำถาม) ไว้เพื่อเป็นตัวแทนของพรรคการเมืองต่อไป หากพรรคพลังประชาชนถูกสั่งให้ยุบพรรค ตามสองพรรคแรกไป
นายยงยุทธ กล่าวระหว่างการเสวนาตอนหนึ่งว่า การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549ที่เกิดขึ้นนั้นได้ประหารนักการเมืองไปแล้ว 2 ครั้ง คือการยุบพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน แต่วันนี้ที่เราอยู่ได้เพราะพวกเรามีความหวังว่าสักวันหนึ่งพวกเราจะชนะการเลือกตั้ง และกลับมาได้จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพวกเราอยู่ได้เพราะเรามีความหวังอย่างนี้และเราก็หวังว่าสักวันหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพวกเราอีกครั้ง จึงขอให้ทุกคนจำคำว่า"ไทยรักไทย พลังประชาชน" และเพื่อไทยไว้ให้ดี และพวกเราจะช่วยกันเอาอดีตเป็นบทเรียนและทำอนาคตให้เป็นจริง
"สมชาย" ขู่แก้ไขไม่ถึงต้นเหตุอย่าหวังบ้านเมืองสงบเรียบร้อย
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในวันปฏิวัติตนเป็นข้าราชการคนเดียวที่ถูกควบคุมตัวทำให้เสียความรู้สึกมาก ซึ่งไม่รู้ว่าจะปฏิวัติไปทำไม เพราะประเทศกำลังจะมีการเลือกตั้งแล้วทำไมจะต้องมีใครมาตัดสินใจแทนประชาชน จนประชาชนต้องสูญเสียอธิปไตยในการเลือกคนที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งคนไทยทั้งประเทศจะต้องสูญเสีย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พอขาดไปแล้วทำให้คนไทยได้รู้สึก ซึ่งมั่นใจว่าประชาชนเกินครึ่งประเทศยังคิดถึงพ.ต.ท.ทักษิณ และตั้งแต่วันนั้นมาบ้านเมืองเรามีแต่ความแตกแยกและไม่มีความเป็นธรรม โดยได้สร้างความร้าวฉานให้กับประเทศเป็นครั้งแรก จนมีรัฐธรรมนูญ 2550 ออกมา ซึ่งถ้าเราจะแก้ไขอะไรก็ต้องไปแก้ที่ต้นเหตุว่าอะไรคือสาเหตุของความแตกแยก ถ้าแก้ไม่ถึงตรงนั้นก็อย่าหวังว่าบ้านเมืองจะสงบเรียบร้อย
โอดปฏิวัติทำประชาชนสูญเสีย
"ความเสียหายจากการรัฐประหารนั้นมีมากมาย แต่ถามว่าที่ทำรัฐประหารเพราะอะไร ที่ทำเพราะไม่ชอบเขาใช่ไหม อย่างที่นายกฯทักษิณ บอกเผาบ้านเพื่อจับหนูตัวเดียวใช่ไหม แล้วทำไมถึงไม่ชอบ เพราะทั้ง 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารประชาชน โมเดลแก้ปัญหาความยากจน ฮับทางการบิน สนามบินสุวรรณภูมิ ไปจนถึงการหาตลาดการค้า มันเป็นความคิดใครแล้วใครทำ หลังการปฏิวัติ ทำอะไรได้บ้าง คิดได้สักครึ่งหนึ่งของเขาหรือเปล่า ดังนั้นการปฏิวัติมันจึงทำให้ประชาชนเสียโอกาสและส่งผลให้ประชาชนยังคิดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจำนวนมาก" นายสมชายกล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า ปัญหาเขาพระวิหารนั้นช่วงที่นายนพดล ปัทมะ เป็น รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาลพรรคพลังประชาชนได้เข้าไปทำงานเรื่องนี้จนมีแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาออกมานั้น เป็นเพราะเราไม่ยอมให้ทางกัมพูชาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกทั้งหมด เพราะพื้นที่ทับซ้อนยังไม่มีการวินิจฉัย เราจึงไม่ขัดข้องที่จะให้เขมรนำตัวปราสาทที่ศาลโลกตัดสินให้เป็นของเขมรนั้นไปขึ้นทะเบียน ส่วนพื้นที่ทับซ้อนนั้นเราไม่ยอมแน่ แต่สุดท้ายมติ ครม.นั้นกลับมีปัญหา
"จาตุรนต์"ซัด ผบ.ทบ.มีอำนาจ กำหนดอายุรัฐบาล
ด้านนายจาตุรนต์ กล่าวว่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการทำรัฐประหาร ที่ในที่สุดแล้วพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช. ก็ออกมายอมรับว่าก่อนทำการรัฐประหารไม่ได้คิดถึงเหตุผลที่ให้ไว้ 4 ข้อแต่อย่างใด คิดแต่จัดการกับพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงเห็นว่าแม้ระยะเวลาผ่านมา 3 ปีแล้วจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามข้ออ้างทั้ง 4 ข้อของคมช.เลย นอกจากนี้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นที่พูดกันมาจนมีการพูดว่ารัฐบาลชุดของพ.ต.ท.ทักษิณ จะติดคุกกันหมด แต่เวลาผ่านไป3 ปีแล้ว กลับดำเนินเสร็จสิ้นเพียงหนึ่งคดีเท่านั้น คือที่ดินรัชดา โดยมีการใช้กระบวนการตรวจสอบทุจริตที่ผิด ตั้งคนที่เป็นคู่อริกับพ.ต.ท.ทักษิณโดยตรงเป็นผู้ดำเนินการ
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ไม่แปลกใจว่าผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนกว่าครึ่งจะระบุว่าไม่เชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ในอดีตที่ผ่านมาแม้จะเกิดตุลาการภิวัฒน์แต่ก็ไม่ชัดเจนเท่าวันนี้ รวมไปถึงระบอบอำมาตยาธิปไตย และบทบาทของทหารที่ไม่ยอมกลับเข้ากรมกอง มีบทบาทในการล้มรัฐบาล ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวผบ.ทบ.ว่าจะให้รัฐบาลไหนอยู่หรือไม่
จี้"มาร์ค"อย่าซื้อเวลา เร่งแก้รธน.
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศไม่ได้ เพราะมีที่มาไม่ชอบธรรม รวมถึงยังเป็นหนี้บุญคุณหลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็น กลุ่มพันธมิตรฯ ทหาร และพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีหมดไป ไม่สามารถสั่งการรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลได้ อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรีบแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นที่เป็นปัญหา และประกาศยุบสภาให้มีเลือกตั้งใหม่ จากนั้นให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอีกครั้งหนึ่ง โดยอย่าใช้กระบวนการทำประชามติ เพราะแสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ และต้องการซื้อเวลา