บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

'สมชาย'เปิดใจกติกาพิเศษเล่นงาน

ที่มา เดลินิวส์


นายกฯมึนงบ 2 พันล้าน

"เหลิม"ประกาศพร้อมเป็นนายกฯท้าให้ดำเนินการทางกฎหมายหากอดีตเลขาฯบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ “สมชาย” เปิดใจหลุดจากเก้าอี้เพราะกติกาพิเศษ เผยบ้านเมืองจะไม่สงบหากไม่เคารพเสียงข้างมาก จวกมีปัญหาอะไรก็ดีแต่ถามทหาร ไม่ยอมถามประชาชนเจ้าของประเทศ เตือนนายกฯ หน้าหล่อกู้เงินต่างประเทศคิดให้ดีผลกระทบเพียบ อัดแหลกขึ้นภาษีน้ำมันแค่คิดก็ผิดแล้ว สอนมวยควรเอาเงินที่จะแจกให้ผู้มีรายได้น้อย 2,000 บาท มาชดเชยการขึ้นภาษีน้ำมันดีกว่า แล้วหาทางสร้างงานให้ประชาชนมีรายได้ที่ยั่งยืน “พร้อมพงษ์” ปูดอีก เงินตำแหน่ง ข้าราชการพลเรือนก็มีเค้าถูกริบเหมือนกัน ด้าน “มาร์ค” มึนตึ้บงบฯ ลับ 2,000 ล้านบาท จัด การเสื้อแดง ยันไม่มีใครของบฯ มาทั้งนั้น แย้ม “แม้ว” กลับเข้าประเทศจะให้ความคุ้มครอง อย่างดี ส่วนเอแบคโพลเผยคนไม่สนใจรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”

ยันไม่ใช่รายการตอบโต้การเมือง

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่วังสวนผักกาด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ว่า ตนจะไม่ใช้รายการทุกเช้าวันอาทิตย์เป็นเวทีตอบโต้ แต่จะมารายงานให้ประชาชนทราบถึงการทำงานและการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ

นายกฯ ยังเล่าให้ฟังถึงผลการเยือนประเทศ ญี่ปุ่นว่า ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ก่อนที่ตนจะขึ้นเครื่องบินกลับ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยบอกว่ามีนักธุรกิจญี่ปุ่นอย่างน้อย 2 คณะขอติดต่อเข้ามาลงทุนในประเทศไทยภายใน 1-2 เดือนข้างหน้าแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชาวญี่ปุ่นต้องการคือความมั่นใจว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ในบ้านเมืองของเราสงบลงแล้ว ซึ่งตนได้ให้ความมั่นใจ แต่ก็ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนทุกกลุ่มว่า ในเมื่อมิตรประเทศเขาอยากจะกลับเข้ามา จึงอยากให้เรามาช่วยกันรักษาบรรยากาศของบ้านเมือง เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทยเอง

“มาร์ค” งง!งบลับล้างบางเสื้อแดง

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังอัด รายการถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่ารัฐบาลจัดงบลับจำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้สกัดกั้น กลุ่มคนเสื้อแดงว่า ไม่ทราบ แปลกใจเหมือนกันว่าข่าวนี้มาจากที่ใด งบกลางก็ไม่มีงบส่วนนี้หรือการจัดสรรงบฯเพิ่มเติมกลางปีก็ไม่เห็นมีเช่นกัน เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบในรายละเอียดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เวลานี้ไม่ได้มีการจัดสรรงบฯ และงบกลางก็ยังไม่มีใครขอมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการอ้างเอกสารสำคัญของกระทรวงกลาโหมมายืนยันเรื่องดังกล่าวด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเรื่องมาถึงตนจะพิจารณาให้ แต่ไม่คิดมีว่ามีเรื่องนี้ เราไม่จำเป็นที่ต้องตั้งงบฯมาดำเนินการสกัดกั้นกลุ่มเสื้อแดง หรือใช้ในการปฏิบัติการทางการเมือง แต่ถ้าเป็นเรื่องของการสร้างความสมานฉันท์ สร้างค่านิยมและการเผยแพร่ประชาธิปไตย ก็สามารถจัดสรรงบฯให้ได้

พร้อมดูแลความปลอดภัย “แม้ว”

เมื่อถามว่า รัฐบาลยังคงจับตาความเคลื่อน ไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐ มนตรี อยู่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ทุกอย่างยัง เหมือนเดิมไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ตนอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับเข้ามาในประเทศ ตนคิดว่าตอนนี้ความสนใจของคนส่วนใหญ่ คือทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้า ตนสนใจแต่เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และการทำให้การเมืองมีความมั่นคง

ต่อข้อถามว่า ดูเหมือนว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคน 60 กว่าล้านคน เมื่อถามต่อว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาจะดูแลความปลอดภัยได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ดูแลได้ เมื่อถามต่อว่า ข่าวการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณมีมูลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ยิน แต่ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณกลับเข้ามาในประเทศ ก็เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ต้องดูแลให้ดีที่สุด

ห้ามไม่ได้เกมนับองค์ประชุม

นายอภิสิทธิ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการนับองค์ประชุมในการประชุมสภาที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องว่า ส.ส.รัฐบาลก็ต้องพร้อมตลอดเวลา การนับองค์ประชุมก็เป็นสิทธิของฝ่ายค้าน ถ้าเสนอขอนับองค์ประชุมในประเด็นที่มีความขัดแย้งกัน มาก ๆ ก็เข้าใจได้ แต่ถ้านับองค์ประชุมโดยที่เรื่องที่กำลังพิจารณาไม่ได้มีความขัดแย้ง ก็อยากเห็นการประชุมสภาเดินหน้าไป เพราะเกรงว่าประชาชน จะรู้สึกว่าสภามีปัญหาตลอดเวลา

เมื่อถามว่า จะขอความร่วมมือเพื่อให้การประชุมสภาเป็นไปอย่างราบรื่นด้วยตัวเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วิปพรรคร่วมรัฐบาลก็พยายามคุยกันอยู่ แต่ต้องเข้าใจว่าการขอนับ องค์ประชุมไม่ใช่เรื่องของพรรค เพราะเป็นเอก สิทธิ์ของ ส.ส. จึงไม่สามารถหยุดยั้ง ส.ส. ที่จะใช้เอกสิทธิ์นี้ได้

ปัดล้างบาง ตร.ยันจัดระบบ

นายกฯยังกล่าวถึงการวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยเฉพาะกรณีที่ให้ พล.ต.ท. ไถง ปราศจากศัตรู จเรตำรวจ สามี นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ว่า เป็นไปตามกระบวนการ เพราะองค์กร บริหารงานบุคคลของตำรวจมีอยู่แล้ว คือ ก.ตร. ที่มีการประชุมและมีมติ ก็ทำงานกันตามระบบ ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่านายสุเทพไม่มีหน้าที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดโผโยกย้ายนั้น นายสุเทพได้รับมอบอำนาจไปเป็นประธาน ก.ตร. เมื่อถามว่ามีการมองว่าการโยกย้ายครั้งนี้เป็นการล้างบางคนเก่าเพื่อเอาคนใหม่เข้ามาแทน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ได้มองอย่างนั้น แต่มองว่าเป็นการจัดระบบเพื่อประโยชน์ของงาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าโผโยกย้ายครั้งนี้แย่ที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความเห็นก็มีหลากหลาย ขณะเดียวกัน ก็ต้องดูว่าในช่วงที่ผ่านมา ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายในหลาย ๆ ส่วนเป็นที่มาของวิกฤติที่เรากำลังเผชิญในครั้งนี้ ขณะนี้จึงมีความพยายามที่จะจัดระบบบุคลากรเพื่อช่วยให้หลุดพ้นจากปัญหานี้ มุ่งที่จะให้การทำงานของตำรวจมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความเป็นธรรมในสังคม

คนไม่สนใจรายการนายกฯ

ด้านเอแบคโพลได้สำรวจความเห็นของประชาชนทั่วประเทศ 1,139 คน เรื่อง เปรียบเทียบแนวโน้มความเชื่อมั่น/ไม่เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในทรรศนะของประชาชนพบว่า 11.8% ติดตามรายการ ขณะที่ 88.2% ไม่ได้ติดตามรายการ เมื่อถามถึงความน่าสนใจของรายการ 89.4% ระบุว่ามีความน่าสนใจ ส่วน 4.4% บอกว่าไม่น่าสนใจ สำหรับ ประเด็นที่ชื่นชอบ 74.1% ชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รองลงมา 56.0% ชอบเรื่องการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในสังคมไทย

สำหรับประโยชน์ต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน 87.5% บอกว่ามีเนื้อหาสาระ มีเพียง 5.4% บอกว่าไม่เป็นประโยชน์ ส่วนความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยภายหลังการติดตามชมรายการ 81.9% เชื่อมั่น ส่วน 11.2% ไม่เชื่อมั่น ประเด็นที่อยากให้นายกฯพูดในครั้งต่อไป 67.2% เป็นเรื่องการกลับมาแพร่ระบาดของยาเสพติด รองลงมา 65.5% ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น 61.2% ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 56.9% ความแตกแยกของคนในชาติ

“เหลิม” ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ

อีกด้านหนึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีว่า ได้เตรียมข้อมูลหลักฐานเรียบร้อยแล้ว รอให้พรรคพิจารณาเห็นชอบ คาดว่าจะยื่นญัตติได้ช่วงต้นเดือน มี.ค. โดยจะมีการยื่นรายชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯคนต่อไปด้วย หากพรรคเห็นชอบเสนอชื่อตนเป็นนายกฯ ก็พร้อมเป็น แต่ไม่พร้อมเป็นหัวหน้าพรรคหรือผู้นำ ฝ่ายค้าน

ส่วนข่าวการนำงบลับ 2,000 ล้านบาทของกองทัพ เพื่อจัดทำโครงการเสริมสร้างความสามัคคี ความสมานฉันท์ ของประชาชนภายในชาติ โดยมีเป้าหมายเฉพาะกับกลุ่มเสื้อแดงนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่เชื่อว่าหากประชาชนมีความศรัทธาพรรคใดพรรคหนึ่ง ไม่ว่าใครทำอะไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของประชาชนได้

ท้าให้สอบลูกน้องรุกที่ป่า

เมื่อถามถึงกรณีที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าอดีตเลขานุการสมัยที่เป็น รมว. มหาดไทย บุกรุกป่าสงวนของอุทยานแห่งชาติป่าแม่ระกา จ.กำแพงเพชร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ทราบว่าที่ดินดังกล่าวได้ซื้อผ่านกรมบังคับคดีตั้งแต่ปี 46 เรื่องดังกล่าวควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้แถลง ไม่ใช่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ หากผลการตรวจสอบพบว่ามีความผิด และตนมีส่วนเกี่ยวข้องก็ให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม

“สมชาย” เปิดใจกติกาพิเศษเล่นงาน

ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์เปิดใจในรายการ “ความจริงวันนี้สีแดง” ทางสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น หลังจากที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีว่า ไม่เคยรู้สึกเสียใจ เพราะไม่ได้ยึดติดตำแหน่ง ตนเคารพกติกา ส่วนกติกาที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไรไม่อยากพูดถึง ว่าทำไมต้องมาจี้มาบีบบังคับให้ตนต้องออกจากตำแหน่ง หรือไม่อยากให้ตนนั่งทำงานในตึกไทยคู่ฟ้าแต่ให้อีกคนมานั่งได้โดยกติกาพิเศษ

“ผมติดตามการเมืองตลอด การที่ผมต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ คิดว่าคงเป็นกติกาพิเศษเพื่อผมเท่านั้น ไม่อยากพูดเพราะผมเคารพกฎหมายไม่ยึดติดตำแหน่ง และไม่เคยคาดหวังว่าจะได้เป็นนายกฯ” นายสมชายกล่าวและว่า หากตนยังเป็นนายกฯก็จะดำเนินการในนโยบายสำคัญ คือการปราบปรามยาเสพติด และสานต่อนโยบายหวยบนดิน เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีในการที่จะนำเงินรายได้มาใช้ประโยชน์ในเรื่องการศึกษา นอกจากนี้จะดำเนินการสร้างรถไฟฟ้าขยายต่ออีก ระยะทาง 300 กิโลเมตร และการสร้างรถไฟด่วนระหว่างจังหวัด ให้เหมือนในต่างประเทศด้วย

สอนมวยรัฐบาลเดินผิดทาง

นายสมชายยังกล่าวถึงนโยบายรัฐบาลที่แจกเงิน 2,000 บาท ให้ผู้ที่มีรายได้ไม่ถึง 15,000 บาทต่อเดือน ว่า เป็นนโยบายไม่ยั่งยืน บางคนใช้คืนเดียวหมดแล้ว บุคคลที่มีรายได้ดังกล่าวมีจำนวนน้อย อยู่ในกลุ่มของข้าราชการและลูกจ้างในระบบ ขณะที่ตัวเลขผู้ว่างงานมีมากถึง 25 ล้านคน รวมทั้งคนรากหญ้าและเกษตรกรอีกจำนวนมากที่ไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้เลย น่าจะมีนโยบายที่จะสร้างงานเพื่อสร้างรายได้มากกว่า

“การขึ้นภาษีน้ำมันผมไม่เห็นด้วย เพราะเป็นฟางเส้นสุดท้ายของประชาชนในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่เป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชนที่รัฐบาลไม่สมควรทำอย่างยิ่ง จะทำให้ราคาสินค้าขึ้นตามไปอีกเป็นจำนวนมาก ควรจะเอาเงินสองพันมาชดเชยการขึ้นภาษีน้ำมันจะดีกว่ามาก” อดีตนายกฯกล่าว

เตือนกู้เงิน ตปท.ระวังให้ดี

นายสมชายกล่าวต่อว่า นโยบายสำคัญที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการ คือผลักดันการท่องเที่ยวและการส่งออก หากกระตุ้นได้ดีจะเห็นผลทันตา รัฐบาลตนพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวและการส่งออก แต่ต้องมาถูกกระชากหัวใจเพราะการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งไม่ทราบว่าใครผิดแต่เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายแน่นอน ต้องมีคนรับผิดชอบเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากต่างประเทศกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด

อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงรัฐบาลมีนโยบายกู้เงินจากต่างประเทศกว่าแสนล้านบาทว่า ต้องระมัดระวังในการดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 190 ซึ่งถือว่าการกู้ยืมเป็นการดำเนินการตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศอย่างหนึ่ง ซึ่งจะต้องทำประชาพิจารณ์และเสนอต่อสภารับทราบ นอกจากนี้ ครม.จะต้องมีการพิจารณาช่วยเหลือเยียวยาให้กับกลุ่มต่าง ๆ ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากเงินกู้ต่างประเทศด้วย เพราะเป็นการนำประเทศไปผูกพันธสัญญาระหว่างประเทศที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบ ในวงกว้าง

ดีแต่ถามทหารไม่ถาม ปชช.

นายสมชายยังกล่าวถึงเหตุการณ์ช่วงที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ออกรายการโทรทัศน์ให้นายสมชายลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีขณะนั้นว่า การแสดงความเห็นของ ผบ.ทบ. ดังกล่าว ดำเนินการในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ซึ่งตนก็ไม่เคยคิดที่จะย้ายหรือปลด เพราะการบริหารงานตนยึดหลักโยกย้ายตามวาระ เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็น

“หลายคนตำหนิผมว่าทำไมไม่ยุบสภา หากยุบสภาวันนั้นเลือกตั้งก็ยังได้เสียงข้างมาก ผมบอกไปว่าต้องการรักษาระบบให้ทุกอย่างเป็นไปตามระบบประชาธิปไตย และจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนว่าประชาธิปไตยต้องเป็นตามวาระ กำหนดโดยเสียงข้างมากของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่เวลาบ้านเมืองเกิดปัญหาจะถามทางออกจากทหาร ไม่เคยมีใครไปถามประชาชนว่าเขาต้องการอะไร บ้านเมืองจึงไม่สงบเสียที” นายสมชายกล่าว

จี้นายกฯตอบ 2 คำถาม

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวในรายการ “เพื่อไทยวันอาทิตย์” ว่า ตนและฝ่ายกฎหมายจะไปยื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช.กรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และภรรยาแจกเงินพร้อมแนบนามบัตรให้กับประชาชน และจะร้องเรียนนาย วิฑูรย์ นามบุตร อดีต รมว.การพัฒนาสังคมฯ กรณีการแจกข้าวหอมมะลิด้วย

นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ตอบคำถามทางจริยธรรมทั้งทางนิติรัฐและนิติธรรมใน 2 ประเด็น คือ 1.กรณีนายบุญจงจะดำเนินการอย่างไร ไม่ใช่ตอบแบบ เอาสีข้างเข้าถูว่าประชาชนยังไม่เสียหาย 2.กรณีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม กรณีเหล่านี้คือหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรมของนายกฯ ใช่หรือไม่

ปูดอีกริบเงินตำแหน่ง ขรก.พลเรือน

โฆษกพรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะมีการเรียกคืนเงินประจำตำแหน่ง ของนายทหารระดับสูงกองทัพว่า จากการตรวจสอบรายละเอียดในเรื่องนี้ ทราบว่าเหตุผลที่จะเรียกเงินประจำตำแหน่งคืนนั้น มีการอ้างว่าการอนุมัติเงินประจำตำแหน่งดำเนินการในยุคของนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ แต่ระหว่างการประชุมพิจารณากรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย ก็เลยจะดำเนิน การเรียกเงินคืน ซึ่งเงินดังกล่าวได้จ่ายไปแล้ว 6 เดือน ตั้งแต่ 1-3 หมื่นบาท เป็นวงเงินประ มาณ 500 กว่าล้านบาท

“การเรียกเงินประจำตำแหน่งคืนดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลกำลังถังแตก ดังนั้นไม่ควรหน้าใหญ่ เกทับ บลั๊ฟแหลก ด้วยโครงการอภิมหาประชานิยม เพราะทราบมาว่า นอกจาก ทหารที่จะถูกเรียกเงินคืนแล้วยังมีข้าราชการพลเรือนด้วย” นายพร้อมพงศ์ กล่าว

เตรียมลาก “ชวรัตน์” ขึ้นโรงพัก

ด้าน พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากตั้งข้อสังเกตถึงการแจกเงินสงเคราะห์คนยากไร้ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ คนละ 500 บาทว่า ที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการตาม ขั้นตอนและหลักเกณฑ์หรือไม่ ว่าคนที่ได้รับ เงินเป็นชาวบ้านที่ยากไร้จริง เพราะหลายคนที่ได้รับแจกเงินไม่ได้มีฐานะยากจนจริง และสมัยที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็น รมว.การพัฒนาสังคมฯ ก็ได้มีการแจกเงินให้กับประชาชนที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 51 หัวละ 500 บาท ไม่ต่ำกว่า 500 หัว โดยสถานที่แจกเป็นที่ว่าการอำเภอ มีฉากหลังเป็นภาพของนายชวรัตน์ กรณีนี้อาจจะเข้าข่ายความผิดฐาน ฉ้อโกงตามมาตรา 343 ของประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่

“ที่กล่าวหาว่าการกระทำดังกล่าวอาจจะ เข้าข่ายความผิดฉ้อโกง เพราะมีเจตนานำเงินหลวง ออกไปแจกประชาชน เพื่อประโยชน์ของตนเอง และคนที่แจกก็เตรียมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่น ดังนั้นอาจจะเข้าข่ายแจกเงินซื้อเสียงล่วงหน้าหรือไม่ ผมจึงให้ทีมกฎหมายของพรรครวบรวมหลักฐานทั้งหมด เพื่อไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายชวรัตน์ ไปพร้อม ๆ กับการแจ้งความดำเนินคดีกับนายบุญจงในสัปดาห์หน้าที่ จ.นครราชสีมา” พ.ต.ท.สมชาย กล่าว

อ้างเพิ่งได้หลักฐานเล่นงาน

เมื่อถามว่า เรื่องที่นำมาเปิดเผยเป็น ช่วงที่นายชวรัตน์อยู่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน ทำไมเพิ่งนำมาพูด พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า การตรวจสอบก็ทำไปตามหน้าที่ของฝ่ายค้าน กรณีของนายชวรัตน์จะเกิดขึ้นตอนไหนก็แล้วแต่ คดียังไม่หมดอายุความ ดังนั้นสามารถที่จะดำเนินการทางกฎหมายได้ ที่สำคัญตนเพิ่งได้หลักฐานมา

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ยื่นเอกสารเพิ่มเติมให้ กกต.ตรวจสอบกรณีที่นายอภิสิทธิ์ และนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยตกลงร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้น คณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ได้ทำ หนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ให้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว และได้ชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษรมาแล้ว คณะอนุกรรมการฯ เห็นแล้วว่า ข้อมูลทุกอย่างเพียงพอที่จะสามารถสรุปเรื่องและเสนอให้กับ กกต.ได้ภายในสัปดาห์หน้า โดยได้นัดประชุมในวันที่ 10 ก.พ.

“วิฑูรย์” พร้อมให้ ป.ป.ช.สอบ

ด้านนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีต รมว. การพัฒนาสังคมฯ กล่าวถึงการจะลงพื้นที่ไปดูปัญหาเรื่องปลากระป๋องชาวดอยที่ จ.พัทลุง ในวันที่ 9 ก.พ. ว่า ได้คุยกับทีมงานของตนที่ จ.อุบลราชธานี และปรึกษากับ ส.ส.พัทลุงแล้ว เห็นว่าควรเลื่อนกำหนดการออกไปก่อน เพราะตรงกับวันมาฆบูชาชาวบ้านในพื้นที่ต้องทำบุญกัน จึงอาจไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังเห็นว่าควรรอให้รัฐมนตรีและคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ดำเนินการสอบสวนไปก่อน

“ผลสรุปออกมาอย่างไรจากนั้นผมจะเดินทางไปทันที ยืนยันว่าไม่ใช่การหนียังคงต้องไปแน่นอนและน่าจะได้ไปเร็ว ๆ นี้ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะยื่นให้ ป.ป.ช.สอบสวนในเรื่องดังกล่าว ผมยินดีและพร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ” นายวิฑูรย์กล่าวและว่า พรรคเพื่อไทยคงพยายามจะให้ประชาธิปัตย์สูญพันธุ์ไปจากภาคอีสาน แต่คงยากที่จะทำอย่างนั้นได้

เจ้าอาวาสแจ้งจับเสื้อแดง

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง เมื่อเวลา 14.00 น. พระมหาบุญถึง ธุตินังธโร (ปธ.5) ผู้อำนวยการสถาบันธรรมประชาธิปไตย และเป็นเจ้าอาวาสวัดตะล่อม แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กทม. พร้อมกับนายสมาน ศรีงาม เลขาธิการทั่วไป เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.เจรวัตร จรจบ พงส. (สบ 1) สน.ชนะสงคราม เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ กรณีที่ถูกกลุ่มบุคคลที่อ้างตัว ว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ประมาณ 20 คน รุม ทำร้าย และขว้างปาสิ่งของเข้าไปภายในเต็นท์ ขณะที่กำลังนั่งปฏิบัติธรรมภายในเต็นท์ที่ 38-39 ท้องสนามหลวง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร

นายสมาน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนพร้อมกับพระมหาบุญถึง ได้เข้าร่วมงานเผยแผ่สัปดาห์พระพุทธศาสนา เนื่องในช่วงวันมาฆบูชาประจำปี 2552 ที่บริเวณท้องสนามหลวง โดยได้จองเต็นท์ไว้หลังที่ 38-39 ตรงถนนผ่ากลางสนามหลวง ฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 20.30-22.00 น. วันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นกลุ่มของคนเสื้อแดงประมาณ 20 คน เข้ามาก่อกวน โดยพูดจาข่มขู่ให้ออกไป หากไม่เชื่อฟังจะทำการรื้อเต็นท์ที่กางอยู่ ระหว่างนั้นก็ได้ขว้างปาสิ่งของเข้ามาในเต็นท์ ซึ่งพวกตนไม่ มีการโต้ตอบใด ๆ ทั้งสิ้น หลังจากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ก็เข้ามารุมทำร้าย โดยชกเข้าที่หูซ้าย พร้อมกับล็อกคอลากตนลงกับพื้น ก่อนจะรุมกระทืบ โชคดีที่ตนสะบัดหลุดแล้ววิ่งขึ้นรถแท็กซี่หลบหนีไป ก่อนจะเดินทางเข้ามาแจ้งความดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งไว้เป็นหลักฐาน แล้วจะได้ส่งตัวไปตรวจร่างกาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี หากพบว่ามี ร่องรอยถูกทำร้ายจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ปชป.ลั่นเรื่อง “งบลับ” ไร้สาระ

ทางด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหารัฐบาลและทหารทุ่มงบกว่า 2 พันล้านบาท เพื่อล้มมวลชนคนเสื้อแดงว่า เป็นข่าวไร้สาระ ไม่มีข้อมูลความจริง ส่วนที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยงดเดินทางไปเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกง โดยอ้างว่าไม่ต้องการให้คนอื่นทราบแหล่งที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เป็นการแก้เกี้ยวทางการเมือง แต่ความจริงกลัวว่าทางจีนจะถอนวีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศจีนในฐานะนักท่องเที่ยว ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง ดังนั้นหาก ส.ส.ไปพบจะเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองผิดซึ่งเงื่อนไขที่ได้รับ

แฉมะกันจ้องถอนวีซ่า “แม้ว”

สำหรับข่าวที่ประเทศญี่ปุ่นไม่ออกวีซ่าอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศนั้น หาก ส.ส.พรรคเพื่อไทยอยากรู้ความจริงต้องให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ลองขอวีซ่าจากญี่ปุ่นดู โดยไม่จำเป็น ต้องให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยไปกดดันที่สถานทูตญี่ปุ่น นอกจากนี้จากการตรวจสอบเป็นการภายในจากกระทรวงการต่างประเทศยังทราบมาว่า ทางสหรัฐอเมริกาอยู่ในระหว่างการพิจารณาระงับการออกวีซ่าให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกด้วย

“กรณีที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทบ. ระบุมีขบวนการลอบสังหาร พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นการสร้างจิตวิทยามวลชนให้กลุ่มเสื้อแดงสงสาร พ.ต.ท.ทักษิณ และปลุกชนวนการต่อต้าน ส่วนที่พรรคเพื่อไทยระบุว่ารู้ ๆ กันอยู่ว่าใครคิดลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เกิด จากการจินตนาการของตัวเอง หากอยากให้ประชาชนรู้ช่วยบอกมาหน่อยว่าเป็นใคร” นายเทพไทกล่าว

พท.ร้องกองทัพแจงงบลับ

ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมดีสเตชั่น วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในฐานะทีมงานการเมืองพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวว่าเกี่ยวกับเอกสารงบลับ 2 พันล้านของกองทัพที่ใช้ในการล้างสมองกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มคนฝ่ายตรง ข้ามรัฐบาลว่า ตนยืนยันเป็นเรื่องจริงเพราะได้รับการบอกกล่าวมาจากเจ้ากรมทหารท่านหนึ่งที่เข้าร่วมการประชุมของกองทัพบก ร่วมทั้งมีการจัดทำเป็นเอกสารแจกจ่ายนายทหารที่เข้าร่วมการประชุมในวันนั้น ที่จัดขึ้นที่ตึกบัญชาการกองทัพบกชั้น 5 ถนนราชดำเนินเมื่อกลางเดือนมกราคม โดยมีนายทหารระดับผู้บัญชาการหน่วยเข้าร่วม 500 คน ซึ่งมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานประชุม

“ในช่วงระหว่างการประชุมมีการบรรยายว่าจะใช้จ่ายงบประมาณอย่างไร ในการเข้าถึงชุมชนหมู่บ้านทั่วประเทศ 7 หมื่นกว่าหมู่บ้าน เพื่อสลายพฤติกรรมของชาวบ้านให้มาเห็นด้วย กับรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยมีการแจกแจงว่าเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงเท่าไหร่ในการลงพื้นที่ทั่วประเทศ ดังนั้นการประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นจริง มีเอกสารการใช้งบลับ 2 พันล้านจริง เพราะฉะนั้นตนขอเรียกร้องให้นายทหารระดับแม่ทัพผู้บัญชาการเหล่าทัพออกมาชี้แจงด้วย ว่าทำไมต้องใช้งบประมาณสิ้นเปลืองขนาดนี้ในการล้างสมองคนเสื้อแดง หรืออาจจะมีการเบิกงบจริงแต่ไม่ได้มีผลในทางปฏิบัติ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะส่งเรื่องให้กรรมาธิการทหารของรัฐสภาเข้ามาตรวจสอบ ผมจะตามกัดติดเรื่องนี้แบบไม่ปล่อยแน่นอน” นายณัฐวุฒิกล่าว

เสื้อแดงระดมพล 14 ก.พ.

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 14 ก.พ. จะจัดที่ลานหน้าวัดเวฬุวัน ดอนเมือง ตั้งแต่ เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป โดยจะมีการสังสรรค์ใหญ่และกำหนดการเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลอีกครั้ง ส่วนการโฟนอินของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นจะมีขึ้นในวันที่ 14 ก.พ. หรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านว่า จะโฟนอินมาหรือไม่ ซึ่งท่านจะให้คำตอบในสัปดาห์หน้า

เปิดโปงงบฯ จัดซื้อเครื่องบิน

ที่พรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.สมชาย เพศ ประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภา ผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ได้ไปตรวจเยี่ยมกองทัพ บกและมีการเสนอของบประมาณเพิ่มเติม จัด ซื้อเครื่องบินและสายพานลำเลียง โดยจะมี การวางเงินมัดจำ 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าผิดระเบียบและผิดกฎหมาย สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ ซึ่งตนอยากชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลนี้จะทำอะไร ก็ได้โดยไม่ยึดระเบียบหรือกฎหมาย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าที่คณะกรรมการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ได้มีการศึกษามาแล้วว่า ในช่วงระยะเวลา 10 ปีนี้ ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ดังนั้นนายสุเทพควรชะลอโครงการออกไปก่อน

ขณะที่ นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีการสอบสวนเหตุการณ์สลายการชุมนุม วันที่ 7 ต.ค. 51 ซึ่งมีกระแสข่าวว่านายตำรวจระดับสูงที่เกี่ยวข้องได้เข้าเจรจาเคลียร์ปัญหากับ ป.ป.ช. แล้วนั้น ว่าไม่มีการเคลียร์ เรื่องนี้เคลียร์ไม่ได้ ต้องทำงานตามหน้าที่ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนและเรียกพยานมาชี้แจงอีกกว่า 30 ปาก ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา

เสื้อแดงเชียงใหม่ไล่ “มาร์ค”

วันเดียวกันที่ จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กลุ่มรักลำพูน 51 กลุ่มรักลำปาง 51 และกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 3,000 คน ได้สวมเสื้อแดงเดินขบวนไปตามถนนเส้นรอบคูเมืองเชียงใหม่ เพื่อต่อต้านนายกรัฐมนตรีและ ครม. โดยมีการนำรถ 6 ล้อติดป้ายทั้งภาษาไทยและอังกฤษ นอกจากนี้ยังพูดผ่านเครื่องขยายเสียงขับไล่รัฐบาล และพูดสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและกลุ่มรัฐบาลเก่าของ พ.ต.ท. ทักษิณ ซึ่งขบวนที่ผ่านตามสถานที่ต่าง ๆ ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ รถตุ๊กตุ๊ก และรถจักรยานยนต์เข้ามาร่วมขบวนด้วย พร้อมบีบแตรและโห่ร้องเสียงดังสนั่นไปตลอดเส้นทาง

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker