บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ไฟนอก-ไฟใน ลามใส่รัฐบาล

ที่มา ข่าวสด

การเมืองอยู่ในช่วงผลัดกันรุกผลัดกันรับ

ระหว่างรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กับฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย

ฝ่ายรัฐบาลนั้นแค่เดือนเดียว ก็เกิดอาการเครื่องสะดุดด้วยพิษปลากระป๋องเน่า

เป็นสาเหตุทำให้นายวิฑูรย์ นามบุตร แกนนำภาคอีสาน สายตรงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯและเลขาธิการพรรค

ต้องกระเด็นตกเก้าอี้รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่ารอยร้าวในพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยแบ่งเป็นกลุ่ม"ผลัดใบ"กับกลุ่ม"ทศวรรษใหม่"

เริ่มปรากฏเค้าลางให้เห็นอีกครั้ง

ยังมีกรณีของนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน ที่เป็นปัญหาคาใจทั้งเรื่องที่ไปมอบเงินช่วยเหลือชาวบ้านแล้วแถมนามบัตรตัวเองไปด้วย

รวมถึงเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับนายบุญจง กรณีใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่งเมื่อตอนเลือกตั้งซ่อมต้นปี 2551

แต่เรื่องกลับถูกดองไว้ในแฟ้ม

ทั้งยังทำให้เรื่องแดงออกมาอีกว่า ไม่เพียงแต่เฉพาะนายบุญจง

กกต.ยังมีมติให้ดำเนินคดีอาญากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ

ข้อหาทำผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น แจกสิ่งของช่วยนายธานี เทือกสุบรรณ น้องชายที่ลงสมัครเลือกตั้งนายกอบจ.สุราษฎร์ธานี เช่นกัน

ด้วยเรื่องฉาวโฉ่เหล่านี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลสำรวจของกรุงเทพโพล ในรอบ 1 เดือนของรัฐบาล จะพบว่าประชาชนให้คะแนนการทำงานของรัฐบาล

เพียง 5.42 จากคะแนนเต็ม 10

ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังมีชื่อ นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.การพัฒนาสังคมฯ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ

ติดอันดับ"ท็อปไฟว์"

รัฐมนตรีที่สมควรถูกปรับออกจากตำแหน่ง



การชิงลาออกของนายวิฑูรย์ นามบุตร

ได้รับการคาดหมายจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ว่าน่าจะเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ช่วยให้รัฐบาลได้รับแรงเสียดทานจากสังคมน้อยลง

แต่เนื่องจากเป็นการแสดงสปิริตที่เชื่องช้าเกินไป

ประกอบกับในรัฐบาลเองก็มีองค์ประกอบหลายอย่างที่เสมือนเป็นเชื้อไฟอย่างดี จึงทำให้เปลวไฟโหมลุกลามไปยังจุดต่างๆ อย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าจะเป็นนายกษิต นายบุญจง หรือแม้แต่นายสุเทพ ล้วนแต่เป็นบุคคลที่ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ประเภท"สายล่อฟ้า"ด้วยกันทั้งสิ้น

จึงทำให้การลาออกของนายวิฑูรย์ แทบจะไม่มีผลช่วยให้สถานการณ์ของรัฐบาลกระเตื้องขึ้นแต่อย่างใด

ทั้งยังถูกครหาตามมาว่าเป็นการลาออกเพราะจำนนต่อหลักฐาน บวกกับแรงบีบจากภายในพรรค

มากกว่าต้องการแสดงมาตรฐานการเมืองใหม่อย่างจริงจัง

นอกจากปัญหาผลงานไม่ค่อยเข้าตาประชาชนแล้ว

พรรคประชาธิปัตย์ยังเริ่มที่จะมีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาล

ด้วยต้นสายปลายเหตุมาจากเรื่องการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมกลางปีกว่า 1 แสนล้านบาท

ซึ่งไปกระจุกตัวอยู่ในกระทรวงที่พรรคประชาธิปัตย์ควบคุมดูแล

ขณะที่กระทรวงของพรรคร่วมรัฐบาลได้รับการจัดสรรงบค่อนข้างน้อยแทบไม่พอยาไส้

ความเหลื่อมล้ำในการแจกจ่ายงบประมาณดังกล่าวนี้เอง ที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุสำคัญทำให้องค์ประชุมสภาในซีกของรัฐบาลมีปัญหาหลายครั้ง

ประมาณว่าเป็นสัญญาณเตือนให้พรรคประชาธิปัตย์หันมาดูแลเอาใจใส่พรรคร่วมรัฐบาลมากขึ้น

อย่างที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นเรียกร้องต่อพรรคประชาธิปัตย์

ให้ใจกว้างกับพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่านี้

พรรคฝ่ายค้านประกาศชัดเจนแล้ว ว่าจะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแน่นอน

ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์จึงต้องเร่งเคลียร์ปัญหาค้างคาใจเรื่องเงินๆ ทองๆ กับพรรคร่วมรัฐบาลให้เสร็จสิ้นก่อนที่ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเริ่ม

ไม่เช่นนั้นชะตากรรมรัฐบาลมีปัญหาแน่



ช่วงที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กำลังประสบปัญหาขาพันกันเอง

ปรากฏว่าฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทยกลับเริ่มที่จะตั้งหลักได้

เกมการขอนับองค์ประชุมสภา ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสร้างความปั่นป่วนให้กับฝ่ายรัฐบาลได้เป็นระยะ

ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวนอกสภาของ"ม็อบเสื้อแดง"ก็กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง

สังเกตจากจำนวนผู้มาร่วมชุมนุมครั้งล่าสุด 3-4 หมื่นคน แดงพรึบไปทั้งท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา

โดยเฉพาะการโฟนอินสองครั้งหลังสุดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ขึงขังประกาศพร้อมจะหวนคืนสนามการเมือง

กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

สร้างความฮึกเหิมให้กับบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายชาวเสื้อแดงจนล้นทะลัก

การวางตัวพี่น้องตระกูล"ชินวัตร"เข้ามาเป็นแม่ทัพประจำภาคต่างๆ เตรียมทำศึกเลือกตั้ง

นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ดูแลภาคเหนือ นายพายัพ ชินวัตร ดูแลภาคอีสาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดูแลภาคกลางกับกทม. และนางเยาวเรศ ชินวัตร ดูแลภาคใต้

เท่ากับเป็นการสื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ยังให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเต็มเหนี่ยวทุกด้าน

ทั้งกำลังคนและเสบียงกรัง

เป็นจังหวะเดียวกับที่ม็อบเสื้อแดงเตรียมประกาศสงครามรบยืดเยื้อ

มีเป้าหมายแรกอยู่ที่การประชุมอาเซียนซัมมิตปลายเดือนนี้

ขณะที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ฝากความหวังไว้ที่มาตรการ"ประชานิยม" ฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงินกว่าแสนล้าน

กระนั้นก็ตามกว่ากระบวนการดังกล่าวจะผลิดอกออกผลก็ต้องรอจนถึงเดือนเมษายน

แต่จากมรสุมทั้งภายในและภายนอกที่รุมเร้าตอนนี้

กว่าจะถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าจะสายเกินไปสำหรับรัฐบาลหรือไม่

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker