โดย โจวเอินไหล
ที่มา illinoisredshirts.blogspot.com/2009/12/1.html
ถ้ารัฐบาลมีการแถลงผลงาน 1 ปี แล้วทำไมคนเสื้อแดงจะมีผลสรุป 1 ปีบ้างไม่ได้
“ทีมการเมืองเดลินิวส์” ได้สัมภาษณ์ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง ถึงความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาและความเคลื่อนไหวที่กำลังมา
ซึ่งว่ากันจะถึงขั้นแตกหักนั้นจริงหรือ
**อยากให้สรุปบทเรียนคนเสื้อแดงในรอบปี พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมา
ผมมองภาพรวมว่า สิ่งที่เราทำต้องการต่อสู้เผด็จการ ถ้าให้พูดตรง ๆ คือพวกที่ยึดอำนาจ 19 ก.ย. 49 เราจึงต้องก่อตัวต่อสู้มาตั้งแต่
ช่วงนั้น วันนี้ก็ผ่านมา 3 ปีแล้ว ถ้าหากว่าเราผิดพลาดหรือล้มเหลว มันคงจบลงแล้ว เพราะเราเป็นกระบวนการของประชาธิปไตย
ทุกคนมาด้วยความสมัครใจ มาด้วยความเสียสละ ไม่มีเหตุใดเลยที่ทำให้คนรวมตัวเป็นก้อนเดียวกันและยืนยาวได้ นอกจากความคิดอ่าน
ที่ตรงกัน ผมคิดว่ากระบวนการเสื้อแดงในวันนี้ยิ่งโตขึ้น พี่น้องเสื้อแดงวันนี้มีมากทุกจังหวัด
เวลานี้ไปไม่ทันความต้องการของเขา เวลาที่เขาจัดงานเขาเชิญไป พวกผมไม่สามารถสนองความต้องการพวกเขาได้ครบถ้วน แสดงว่า
ขบวนการมันยังไม่หยุดโตและยังขยายตัวไปเรื่อย ๆ จะว่าไปเรื่องนี้เกี่ยวกับการเมืองในระบบรัฐสภา มันก็เกี่ยว แต่ที่เป็นการเมืองภาค
ประชาชนเป็นส่วนหนึ่งคือหมายความว่า จะมีเลือกตั้ง ประชาชนเลือกพรรคไหนก็เลือกไป แต่ว่าคนเสื้อแดงจะอยู่เป็นกระบวนการต่อเมื่อ
เลือก ตั้งแล้วใครจะเป็นรัฐบาล คนเสื้อแดงก็ยังอยู่ดูแลประชาชน ถ้ายังไม่ได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ คนพวกนี้ก็จะสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อไป
**มองว่าเหตุการณ์ “เม.ย. เลือด” คนเสื้อแดงไม่ได้แพ้
ถ้าจะมองว่าเราแพ้ ทำไมถึงมีคนมากขึ้น มันน่าจะมีคนหายไปมากกว่าและไม่กลับมาอีก แต่นี่กลับตรงกันข้าม มันเติบโตแสดงว่าเราไม่ได้แพ้
และเวลานี้คนพวกนี้ต้องการคุณภาพ ต้องการการอบรม วันนี้เรามีโรงเรียนคนเสื้อแดงครบทุกภาคแล้ว ผมคิดว่ากระบวนการประชาธิปไตย
ไม่เคยมีครั้งไหนที่เติบใหญ่เท่านี้ เหตุการณ์ 24 มิ.ย. 2475 ไม่มีภาคประชาชน ขณะที่ 14 ต.ค. 16 เป็นเรื่องของนิสิตนักศึกษา
ส่วน พ.ค. 35 เป็นเรื่องของชนชั้นกลาง แต่คราวนี้จะเป็นเรื่องของประชาชน มันประหลาดที่ยังโตไม่หยุด ผมยังไม่รู้ว่ามันจะหยุดตรงไหน
**ที่บอกว่าเสื้อแดงไม่ได้แพ้ และยังโตขึ้น เกรงหรือไม่ถ้าไม่มีระบบควบคุมดูแลที่ดีจะนำไปสู่ความรุนแรง
เราคงคุมเขาไม่ได้ เพราะว่าเขามาโดยอิสระเป็นเสรีชน เราจะเอาอะไรไปบังคับเขาล่ะ นอกจากเขามาแล้ว เราก็อบรมประชาธิปไตยให้เขาฟัง
ว่าอะไรคือประชาธิปไตยที่ต้องปรับเข้าหากัน และจะรักษาอุดมการณ์นี้ได้อย่างไร รวมทั้งแนวทางสันติอหิงสาคืออะไร เราพูด เท่านี้
ถ้าหากเขาฟังเขาก็ทำถ้าเขาไม่ฟังก็ไม่ปฏิบัติก็ช่วยไม่ได้
**แต่การชุมนุมที่เกิดความรุนแรงเป็นเพราะควบคุมกันไม่อยู่
บอกตรง ๆ ผมไม่ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องคุมคนเหล่านั้น ผมถือว่าเสรีชนมารวมตัวกัน ใครก็บังคับบัญชาไม่ได้ ถ้าเขาไม่ศรัทธาไม่เดินตาม
คงไม่มีทาง ผมเลยถือว่าไม่ต้องรับผิดชอบใครจะคิดเห็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ผมถือว่าเมื่อมีทางเดินมากมายก่ายกอง ถ้าเขาจะมากับพวกผม
ก็มา
วันนี้ พวกเขาเข้าใจแล้วว่า ประชาธิปไตยดีสำหรับเขาเป็นสิ่งที่ต้องรักษาไว้ ศัตรูพวกเขาคือ เผด็จการ ปัจจุบันเป็นเผด็จการอำมาตยาธิปไตย
ต่อมาก็ศรัทธา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำประโยชน์ให้เขาจริง เขาจึงหวงแหนและอยากได้กลับคืนมา เมื่อคนมาอยู่รวมตัวกันบนถนนเยอะ ๆ
แรก ๆ อาจไม่เป็นระเบียบ แต่เมื่อเขาศรัทธาเขาก็ต้องมาเดินเป็นระเบียบ ส่วนของผมไม่ได้ถือว่า เราต้องไปถือแส้เพราะเราไม่มีอำนาจ
**ที่ผ่านมาการนำมวลชนของแกนนำหลายครั้ง ไม่ค่อยจะฟังกัน มีภาพขัดแย้งไปคนละทาง
ไม่ว่าจะเละยังไงผมไม่สน เพราะผมถือว่าทุกอย่างเกิดขึ้นตามธรรมชาติตามศรัทธา ใครจะว่าอะไรก็ว่าไปมันเลยเวลาที่จะสนใจเรื่องเหล่านี้
ผมมองข้ามมานานแล้ว โดยเฉพาะสื่อมวลชนโดยทั่วไป เขามองว่าอยากให้เราเป็นกองทหารที่ต้องมีการเข้าแถวเรียงตามลำดับ ถ้าเป็นวิธีนี้
ผมไม่เอาด้วย ซึ่งรูปแบบธรรมชาติมันจะรุนแรงก็ช่วยไม่ได้ คุณต้องเข้าใจว่าประเทศเป็นของประชาชน ประชาชนอยากจะสงบสันติก็สงบ
แต่ถ้าประชาชนอยากจะรุนแรงก็ต้องปล่อยให้รุนแรง เพราะประเทศเป็นของเขา วันนี้มีแต่คนกระทำต่อประชาชน แต่ประชาชนยังไม่ได้กระทำ
ต่อคนอื่นเลยเราต้องให้โอกาสเขาบ้าง
**หลังปีใหม่แกนนำคนเสื้อแดงคุยว่ามีไม้เด็ดล้มรัฐบาล จะสู้หมดหน้าตักเลยหรือไม่
คนก็มองกันไปผมไม่เคยคิดอย่างนั้น ผมคิดว่าขบวนการประชาชนมันก็เดินกันไปและถ้ามันโตไปเรื่อย ๆ อะไรจะเกิดมันก็เกิดเองไม่ใช่หน้าที่
ของเราที่ต้องบอกว่า ปีนี้แตกหักหรือปีหน้าแตกหัก การแตกหักหรือไม่แตกหักเป็นธรรมชาติ ผมมีความเห็นว่าแม่ไก่ฟักไข่ ก็ไม่รู้ว่าวันไหน
ไข่ จะออกเป็นลูกเจี๊ยบ ถ้าเวลาพอเหมาะ ปัจจัย เหตุการณ์แวดล้อมให้ ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้ามันจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้ามันจะรุนแรงก็ต้อง
รุนแรง ถึงแม้เราจะตั้งเข็มที่สันติอหิงสาเราก็เดินไป แต่ถ้าใครจะประเคนความรุนแรงมาให้ คนเสื้อแดงก็ต้องตอบแทนคืนไปก็ช่วยไม่ได้
**ธรรมชาติของคนเสื้อแดงจะนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่
ธรรมชาติเสื้อแดงจะไม่นำไปสู่ความรุนแรง รัฐบาลต่างหากที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ถ้าท่าทีของรัฐบาลดีก็ไม่มีปัญหาผมจะบอกให้ ถ้าผมมี
ความคิดเลวทรามและชอบไปเป็นรัฐบาลกับเขา ผมเอาใจคนเสื้อแดงก็หมดเรื่อง คนเสื้อแดงอยากชุมนุมก็เชิญเรามีหน้าที่ให้น้ำให้ท่า
อำนวยความสะดวกก็จบเรื่อง แต่ที่มันเป็นปัญหาคือ รัฐบาลถือว่าคนเสื้อแดงเป็นปฏิปักษ์ก็เลยเกิดปัญหา เคล็ดลับมันจึงอยู่ที่การมอง
รัฐบาลเป็นฝ่ายจัดสร้าง วางแผนก็จะได้พบกันแน่แต่ถ้ารัฐบาลไม่สร้างความรุนแรงคนเสื้อแดงจะไม่ทำอะไรเลย
**หลัง ๆ คุณวีระพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บ่อยไหม
จริง ๆ ไม่บ่อย ผมเป็นคนไม่ไปพบท่านเพราะผมถือว่าไม่ จำเป็นต้องพบที่บอกว่าไปพบ มันเชยสะบั้นหั่นแหลกเลย พรรคประชาธิปัตย์
บอกว่า ผมไปพบไปรับแผนมาไปรับเงินมา แผนมันต้องไปรับด้วยตัวเองเหรอ เงินต้องไปแบกมาเหรอ ถ้าจะเอาน่ะเป็นการพูดเลอะเทอะ
ไปตามประสา ผมถือว่าถ้าจะพบกันระหว่างคนที่คิดถึงก็ต้องเยี่ยมเยียนกันบ้างในโอกาสที่เหมาะสมเราก็คุยกันธรรมดา ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
**แต่คนมองว่าคุณวีระ เป็นสายตรงของ พ.ต.ท.ทักษิณ
(หัวเราะ) ผมจะเป็นสายตรงของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ยังไงเรามันเป็นสายอ้อมก็ต้องดูตอนที่อยู่พรรคไทยรักไทย ผมอยู่ของผมอย่างไหน
ผมก็เป็น ส.ส. ธรรมดาไม่เคยสร้างปัญหา ตอนนี้ก็พยายามรักษาสถานภาพนี้ไว้ แต่บังเอิญว่าประชาชนรักท่านทักษิณ มันเลยสอดคล้อง
กับผม
**ข้อเสนอการเจรจา 3 ข้อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าสมมุติว่าเป็นไปในแนวทางนี้ คนเสื้อแดงพร้อมยุติการชุมนุมหรือไม่
ผมมองว่าแนวทางนี้เป็นแนวทางที่คนเสื้อแดงเรียกร้องมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะการนำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้ การยุบสภาเลือกตั้ง
คืนอำนาจให้ประชาชน ประชาชนจะได้ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคไหน ที่ชูนโยบายว่าจะแก้รัฐธรรมนูญอันนี้เป็นผลโดยตรง แต่ว่าถ้าเขารับ
เหตุผลนี้แล้ว คนเสื้อแดงก็ยังไม่เลิกขบวนการของคนเสื้อแดง แต่ว่าก็ไม่จำเป็นต้องชุมนุมใหญ่
**หมายความว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล การเคลื่อนไหวคนเสื้อแดงยังมีอยู่
คนเสื้อแดงยังมีอยู่แน่นอน และจะกลายเป็นขบวนการการเมืองภาคประชาชนจะอยู่ไปตลอด ซึ่งจะพัฒนาไปสู่จุดนั้นถึงพรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาล แนวทางประชาธิปไตยก็ไปกันได้ แต่ถ้าแนวทางพรรคเพื่อไทยกลับไปเป็นอำมาตย์อีก ก็ต้องฟัดกับคนเสื้อแดงเพราะเราก็ไม่รู้ว่าจิตใจคนมันเปลี่ยนได้.