คอลัมน์ เหล็กใน
และพูดก็พูดเหอะ ตรงเผง ตีแสกหน้ากันจริงๆ!!
อย่างฉายารัฐบาลว่า"ใครเข้มแข็ง" นี่ก็ชัด เพราะปัญหาทุจริตต่างๆ โผล่ออกมาไม่เว้นแต่ละวัน
เจ็บแสบสุดก็คือเงินที่นำมาถลุงเป็นเงินกู้ ที่คนไทยทั้งประเทศต้องมาชดใช้ในภายหลัง
"หล่อหลักลอย" ของนายอภิสิทธิ์ ก็บ่งบอกตัวตนได้อย่างดี
เพราะในอดีตที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ มักจะมีสโลแกนเรื่องยึดมั่นประชาธิปไตย หรือยึดถือความซื่อสัตย์สุจริต
แต่การมาเป็นรัฐบาลหนนี้ ก็รู้กันอยู่ว่ามาด้วยวิธีพิเศษแบบไหน เพราะเป็นการร่วมมือร่วมใจกันขององค์กรต่างๆ สหบาทาพรรคการเมืองที่ได้ส.ส.เข้ามาเป็นอันดับ 1
ส่วนพรรคเล็ก พรรคน้อย ก็เจอยุทธการ"ตบเด็ก" ทั้งขู่ ทั้งปลอบ ต้องยอมเปลี่ยนขั้วในที่สุด
เช่นเดียวกับการเลือกผบ.ตร.คนใหม่ ที่นายอภิสิทธิ์ ออกแนวไม่ยอมรับเสียงข้างมากที่ลงคะแนนให้คนหนึ่ง แต่กลับพยายามดันคนที่ตัวเองต้องการขึ้นมาแทน
ทั้งบีบ ทั้งกดดันเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามมาลงคะแนนให้
แต่เมื่อทำไม่สำเร็จก็ซิกแซ็กใช้วิธีตั้งเป็น"รักษาการ"ไปเรื่อยๆ
หลักลอยอีกประการคือการประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อ ช่วงก่อนรับตำแหน่งนายกฯ ถึงวันนี้เห็นๆ อยู่ว่ามีรัฐมน ตรี มากขนาดไหนที่ละเมิด แต่นายอภิสิทธิ์ นอกจากจะไม่ทำอะไรแล้ว หลายครั้งยังออกมาปกป้องอีกด้วย
ส่วนเรื่องทุจริตไม่ต้องพูดถึง
รัฐมนตรีอีกคนที่โดนเพ่งเล็งมาตั้งแต่แรกในฐานะ"เด็กเส้น" คือนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้รับฉายา"ไส้ติ่งรัฐบาล" เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ยังทำให้อักเสบบ่อยๆ อีกต่างหาก
ผลงานที่ผ่านมานอกจากการไล่ล่า"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" จนสร้างศัตรูไปทั่ว เพราะอาละวาดฟาดงวงฟาดงากับประเทศที่ให้อดีตนายกฯไทยผ่านไปพำนัก
ยังขยันด่ากราดผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะสมเด็จฮุนเซน แห่งกัมพูชา ที่ไล่จวกมาตั้งแต่บนเวทีพันธมิตรฯ
พอตัวเองมาเป็นรัฐมนตรี เลยเข้าหน้ากันไม่ติด
แถมล่าสุดยังเจอพิษเอกสารลับ จนแทบไปไม่เป็นอีก
ไม่รู้ว่าครม.ชุดนี้จะรู้สึกรู้สาอะไรหรือไม่
กับฉายาที่ได้ในครั้งนี้!?