เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 ธันวาคม ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย
พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม
พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก
พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ
พล.ต.อ.ปทีป ตัน ประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
รวมทั้งคณะนายทหารและนายตำรวจระดับสูง เดินทางเข้าอวยพร
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2553
ในระหว่างงาน พล.อ.เปรม ได้เดินทักทายกับบรรดาผู้นำเหล่าทัพ และได้พูดกับผู้นำเหล่าทัพเป็นการส่วนตัวว่า ขอให้ไปอ่านหนังสือพิมพ์แนวหน้า หน้า 3 ฉบับวันที่ 28 ธันวาคม
สำหรับคอลัมน์หน้า 3 ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 28 ธันวาคม นำเสนอบทความเรื่อง "เรากำลังอยู่ในยุคสงครามกลางเมือง" เขียนโดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง คอลัมน์นิสต์ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า
เรากำลังอยู่ในยุค "สงครามกลางเมือง"! (เจิมศักดิ์ขอคิดด้วยฅน)
มีผู้แสดงความห่วงใยว่า ขณะนี้ คนที่คิดร้ายต่อบ้านเมืองกำลังพยายามเคลื่อนไหว ก่อเหตุ เพื่อชักนำบ้านเมืองของเราเข้าไปสู่สถานการณ์ที่เป็น "สงครามกลางเมือง" ในอนาคตอันใกล้...
ผมเรียนตอบด้วยความเคารพ และด้วยความห่วงใยไม่แพ้กันว่า... ขณะนี้... วันนี้... ปัจจุบัน... สงสัยว่า เรากำลังอยู่ในช่วงต้นของ "สงครามกลางเมือง" เสียแล้ว!
1) ในประวัติศาสตร์สงครามการเมือง ไม่ว่าจะในประเทศใดของโลก ก่อนที่แต่ละฝ่ายที่มีความแตกแยกกันภายในประเทศ จะเริ่มต้นสาดกระสุน หรือใช้อาวุธสงครามเข้าห้ำหั่นโจมตีกัน ก็จะต้องเริ่มต้นด้วยการประกาศไม่ยอมรับอำนาจปกครองรัฐของอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะในสงครามกลางเมืองในสหรัฐอเมริกา หรือที่ไหนๆ ก็ตาม
2) ขณะนี้ ฝ่ายระบอบทักษิณ เหมือนพยายามแสดงออกว่า ไม่ให้การยอมรับอำนาจการปกครองของรัฐบาลที่มีที่มาตามรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 หากว่ารัฐบาลนั้นไม่ใช่พรรคพวกของตน จะเห็นว่าขบวนการเสื้อแดงและระบอบทักษิณเคยให้การยอมรับรัฐบาลสมัคร และรัฐบาลสมชาย แต่กลับไม่ให้การยอมรับรัฐบาลอภิสิทธิ์ ทั้งๆ ที่ มีที่มาจากการเลือกตั้งครั้งเดียวกัน และมีการเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมของสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือก ตั้งชุดเดียวกัน พยายาม ปลุกระดม เคลื่อนไหว คุกคามมิให้คนของรัฐบาลไปปฏิบัติหน้าที่ในงานอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลตาม พื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่จังหวัดที่เป็นฐานคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทย พยายาม สร้างเหตุการณ์ต่อต้านรุนแรง เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขข้ออ้างในการกีดกันมิให้คนของรัฐบาลได้ปฏิบัติหน้าที่ ตามพื้นที่ต่างๆ เช่น อ้างว่า จะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ถ้านายกฯ หรือรัฐบาลไปพื้นที่ เป็นต้น
เป็นลักษณะที่แทบจะไม่ต่างจากการพยายามสถาปนา
เขตอำนาจหรือเขตอิทธิพลของพรรคพวกตนเอง
แบ่งแยกหรือทับซ้อนเขตอำนาจอธิปไตยของรัฐไทย
3) มีการใช้สื่อเพื่อแบ่งแยกประชาชนออกจากอำนาจรัฐ โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ ปลุกระดมด้วยความเท็จ ป้อนข้อมูลปั้นแต่ง และสร้างอารมณ์ความรู้สึกให้เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองประเทศของรัฐบาล
สถานี โทรทัศน์ดาวเทียม "ดีทีวี" ถูกจัดตั้งขึ้นมาด้วยเจตนาในทางการเมืองมากกว่าจะทำหน้าที่ตามจรรยาบรรณ วิชาชีพของสื่อสารมวลชนที่ดีทั่วไป
"ดีทีวี" ถูกจัดตั้งและดำเนินการโดยขบวนการของกลุ่มคนซึ่งล้วนแต่เป็น "บริวารผู้จงรักภักดีต่อทักษิณ" ไม่ว่าจะเป็น อดีตทนายของทักษิณ อดีตลูกจ้างของทักษิณ หรืออดีตคนที่ทักษิณเคยโยนเศษเนื้อเศษกระดูกให้ เป็นต้น โดยมีเป้าหมายที่กระทบกระเทือนต่อ "รัฐ-ราชอาณาจักรไทย"
ถ้อย แถลงของนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำผู้จัดตั้ง แจ้งชัดว่า "พวกผมมาคิดการใหญ่ ไม่ใช่แค่เปิดรายการโทรทัศน์ แต่สร้างรัฐไทยขึ้นมาใหม่ด้วยมือคนเสื้อแดง"
การจัดตั้ง "ดีทีวี" จึงเป็นการสร้างเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ต้องการเคลื่อนไหวทางการเมืองภายในประเทศไทย เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองประเทศของรัฐบาล แบ่งแยกประชาชนในประเทศ เอื้อประโยชน์ทางการเมืองแก่นักโทษหลบหนีคำพิพากษาของศาล ก่อให้เกิดสถานการณ์ทางการเมืองที่เอื้อต่อสงครามกลางเมือง
4) การแสดงท่าทีของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และอดีตนายทหาร เตรียมทหาร 10 ที่พยายามส่งสัญญาณ "ตบเท้า" เข้าสวามิภักดิ์ต่อพรรคการเมืองระบอบทักษิณ ส่งสัญญาณว่าทหารบางส่วน แม้จะเป็นส่วนน้อยของกองทัพไทย ยังโอนเอน และอาจแกว่งไปเข้าทางระบอบทักษิณ
ใน ขณะที่ตำรวจจำนวนมาก ยังคงเป็นคนของระบอบทักษิณ ดังจะเห็นว่า คดีที่คนร้ายใช้ระเบิด M79 ยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมอย่างสันติของพันธมิตรฯ เสียชีวิตหลายครั้งหลายหน ยังไม่มีความคืบหน้าเลย ทั้งๆ ที่ เสธ.แดง เคยหลุดปากออกมาว่า คนร้ายที่ลงมือนั้น เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังที่ตนเองเคยฝึกหัดอาวุธให้ เป็นต้น
5) มีการพยายามดึงรัฐต่างประเทศ หรือกองกำลังต่างชาติ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลผู้ปกครองประเทศไทย
จะเห็นว่า ภายหลังจากที่พลเอกชวลิต เดินทางไปกัมพูชา หลังจากนั้น ท่าทีของกัมพูชาต่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็เปลี่ยนไปในทางที่เลวร้ายอย่างทันที นายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ถึงกับแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อผู้กุมอำนาจรัฐบาลไทย ถึงขนาดแสดงท่าทีชี้นำหรือกำหนดผลการเลือกตั้งภายในของประเทศไทย ว่าจะต้องได้คนของทักษิณหรือพรรคพวกของทักษิณเข้ามาเป็นรัฐบาลเท่านั้น จึงจะเป็นที่พอใจของตนเอง เสมือนหนึ่งว่า ไทยเป็นประเทศที่ต้องให้กัมพูชาเป็นฝ่ายกำหนดว่าคนไทยต้องให้ใครขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี
6) การเคลื่อนไหวของแกนนำคนเสื้อแดงในประเทศไทย มีการนำเอกสารที่อ้างว่าเอกสารลับของทางการออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชน และหลุดไปถึงรัฐต่างชาติ ทั้งๆ ที่ เนื้อหาในเอกสารดังกล่าวเป็นการวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่น คงของประเทศชาติ มีการใส่สีตีไข่ ปรุงแต่งเนื้อหาของเอกสาร สื่อความหมายอันเป็นเท็จ เพื่อเปิดช่องทางให้รัฐต่างชาติใช้เป็นข้ออ้างในการก่อเหตุ หรือดำเนินการในทางที่เป็นผลร้ายต่อประเทศไทย และ สร้างเรื่อง สร้างเงื่อนไข ปูทางให้เกิดการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลภายในประเทศ เช่นเดียวกับที่เคยพยายามกระทำมาก่อน แม้ที่ผ่านมาจะถูกจับได้ไล่ทันว่าใช้ความเท็จเป็นเครื่องมือปลุกระดมทางการ เมืองมาแล้วหลายครั้งหลายหน เช่น โกหกว่า มีคนเสื้อแดงถูกฆ่าตายระหว่างการก่อจลาจลในช่วงเดือนเมษายน 2552 และการบุกทำลายการประชุมอาเซียนที่พัทยา, โกหกว่า นายกฯ อภิสิทธิ์ไม่ได้อยู่ในรถที่คนเสื้อแดงรุมล้อมพยายามจะฆ่า, โกหกว่า มีคลิปเสียงที่นายกฯ อภิสิทธิ์สั่งฆ่าประชาชน, โกหกว่า มีเทปเสียงรัฐมนตรีกษิตสั่งการให้จารกรรมข้อมูลลับของกัมพูชา ฯลฯ ทั้งหมด ล้วนแต่เป็นการพยายามโกหก เพื่อสร้างสถานการณ์รองรับการเคลื่อนไหวของพวกตนทั้งสิ้น
7) การทำสงครามกลางเมืองในขณะนี้ อยูในขั้นหาแนวร่วมเคลื่อนไหว ร่วมรบ โดยเอาผลประโยชน์เฉพาะหน้าของแต่ละฝ่ายเป็นเครื่องล่อให้ทำงานรับใช้ระบอบ ทักษิณในสงครามกลางเมืองครั้งนี้ เช่น
กับกลุ่มนักเคลื่อนไหวการเมืองที่พร้อมขายตัว ขายจิตวิญญาณ ขายแรงงาน ก็เอาเงินค่าจ้างเป็นเครื่องล่อกับกลุ่มคนที่เป็น "คอมมิวนิสต์เก่า" ก็พยายามปลุกเรื่องชนชั้น นำมาเป็นของล่อใจ
กับกลุ่มคนที่ไม่เอาเจ้า ก็เอาขบวนการล้มเจ้ามาเป็นเครื่องล่อกับนักวิชาการเสื้อแดงบางกลุ่ม ที่มีแนวคิดว่าระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไม่เหมาะสม กับประเทศไทยในปัจจุบัน ก็นำเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองมาเป็นเครื่องล่อ เพื่อที่จะลดบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้เหลือเพียงแค่สัญลักษณ์ในการปกครอง ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบอื่น เช่น ประธานาธิบดี ฯลฯ หรือไม่ก็พยายามทำให้เหมือนในประเทศกัมพูชา ที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวกษัตริย์ โดยเอากษัตริย์ที่ตนครอบงำไม่ได้ออกไป แล้วสนับสนุนให้กษัตริย์ที่ตนเองครอบงำได้ขึ้นมาแทน ทำให้ตนเองสามารถมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือกว่าทุกสถาบันในประเทศ
กับกลุ่มคนที่รักและชื่นชอบรัฐธรรมนูญ 2540 ก็เอาเงื่อนไขเรื่องการนำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาแก้ไขดัดแปลงใช้แทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทั้งฉบับ มาเป็นเครื่องล่อ
กับกลุ่มคนยากจน หรือคนที่เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสารเพียงพอ ก็ใช้ผลประโยชน์เฉพาะหน้าและความคาดหวังลมๆ แล้งๆ ในตัวทักษิณมาเป็นเครื่องล่อ
กับทหารรับจ้างบางกลุ่ม ก็เอาเงิน เอาผลประโยชน์เป็นเครื่องล่อ หรือเครื่องว่าจ้าง
หรือ แม้แต่กับรัฐต่างประเทศ ผู้นำต่างประเทศ ก็เอาสิทธิและผลประโยชน์ของชาติ อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนไทย เป็นเครื่องล่อ โดยหวังว่า หากพวกระบอบทักษิณได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็จะเอื้อประโยชน์ตอบแทนแก่ต่างชาติ ดังกล่าว มากกว่าที่ได้รับในปัจจุบัน เป็นต้น
จะเห็นว่า ระบอบทักษิณพร้อมเอาทุกอย่างเป็นเครื่องล่อ โดยพ่วงสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวของตนเองไว้ในทุกๆ เงื่อนไข คือ การพ้นผิดจากคดีทุจริตโกงกินทั้งหลาย และไม่ถูกยึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ในคดีร่ำรวยผิดปกติ
8) หากมองว่า ระบอบทักษิณกำลังทำสงครามกับรัฐราชอาณาจักรไทย อาจมองได้ว่า มีการจัดวางยุทธวิธีการรบอย่างเป็นขบวนการ เช่น นายใหญ่ทำหน้าที่กดปุ่ม หรือยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป หรือรับหน้าที่ "โจมตีน่านฟ้าของราชอาณาจักรไทย", บริวารเสื้อแดงส่วนหนึ่งทำหน้าที่ทหารราบ เคลื่อนไหวรุนแรงสร้างสถานการณ์ในประเทศ บริวารเสื้อแดงอีกส่วนหนึ่งก็ทำหน้าที่ทหารปืนใหญ่ ใช้โทรทัศน์เป็นเครื่องมือโจมตี อีกส่วนที่อยู่ในสภา ก็มีหน้าที่ปั่นป่วน ขัดขาขัดขวาง เหมือนเป็นทหารม้าในรถถังบุกตะลุย โดยมีตำแหน่ง ส.ส.เป็นเกราะป้องกันตัว แม้แต่ข้าราชการบางส่วนที่ยู่ในตำแหน่งสำคัญ ก็ทำหน้าที่เสมือน "สายลับ" คอยส่งข่าวหรือขัดแข้งขัดขาอย่างลับๆ เป็นต้น
ประเทศไทยในวันนี้ ไม่ได้กำลังจะก้าวไปสู่สงครามกลางเมือง
แต่ "สงครามกลางเมือง" ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
โดยกองกำลังภายใต้อาณัติของระบอบทักษิณ
รัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดินเยี่ยงสถานการณ์ปกติต่อไป ไม่ได้เด็ดขาด
แต่จะต้องดำเนินการตอบโต้ และเดินเกมรุก เพื่อสลายความร่วมมือของฝ่ายตรงข้าม รักษาอำนาจรัฐไทย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อำนาจตุลาการ การบังคับใช้กฎหมายบ้านเมือง และดูแลความสงบเรียบร้อย รักษาประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่เอาไว้ให้ได้
มีภาษิตจีนกล่าวว่า "ถ้าจะจับขุนพล ก็ต้องยิงม้าขุนพลก่อน"
เพราะถ้านายใหญ่ไม่มีม้าขี่ ก็จะถูกจัดการได้อย่างง่ายดาย
จะต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะบริวารทักษิณที่มีคดีติดตัว บ้างอยู่ระหว่างการประกันตัว แต่กลับก่อเหตุซ้ำแล้วซ้ำอีก รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือในการก่อการทั้งหลาย จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยเร็วที่สุด พร้อมๆ กับขยายข้อมูลความรู้เท่าทันออกไปสู่สังคมวงกว้างให้มากที่สุด
ทำอย่างไร จะยุติ "สงครามกลางเมือง" ได้ก่อนกาลที่เลือดจะนองแผ่นดิน?
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต