ทำไปทำมา ระหว่าง โอบามากับโอบามาร์ค ไม่รู้ใครลอกเลียนแบบใคร วันวาน นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาแถลงผลงานครบรอบ 1 ปีรัฐบาล ออกอาการไม่พอใจผลงานบางอย่าง อาทิ เรื่องของการคอรัปชัน เป็นต้น ไม่รู้ปากว่า ตาขยิบหรือเปล่า คนใกล้ตัวทั้งนั้น
ข้าง โอบามา ไปออกทีวีให้สัมภาษณ์ ประกาศไม่พอใจกับตัวเลขการว่างงาน ที่อยู่ในระดับสูงมาก ทำให้ไม่พอใจผลงาน ตัวเอง หลังดำรงตำแหน่งผู้นำเป็นเวลาครบ 11 เดือน
เสร็จแล้วโอบามาก็ตบท้ายด้วยประโยคที่ว่า แต่ สิ่งที่รัฐบาล ทำไปถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบาก
สร้างภาพตัวแม่
ก็ตัวเลขว่างงานของสหรัฐฯในปัจจุบันสูงถึงร้อยละ 10 สูงที่สุดในรอบ 23 ปี ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯไม่ได้ดีขึ้น เพียง แต่ว่าไม่มีการไปแตะในจุดที่มีปัญหาเท่านั้น
หนีปัญหา
โอบามาตีกรรเชียงไปเรื่อยๆ รอให้ปัญหาทุเลาไปเอง แต่หันไปจับในจุดที่จะเป็นประโยชน์กับคะแนนเสียงมากกว่า เพราะคนอเมริกันกำลังอยากเห็นอะไรที่เป็นความหวัง ในสภาวะวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำ
คนอเมริกันก็ไม่ต่างจากคนไทย มีความเชื่อในพระเจ้ามากขึ้น 8 ใน 10 คนอเมริกันเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง ร้อยละ 82 เชื่อในพระเจ้า และคนอเมริกันกว่าร้อยละ 87 สารภาพบาปว่ากลับใจมาเชื่อพระเจ้าอีกครั้ง
ข้อมูลเหล่านี้ เชื่อว่าวิกฤติที่ผ่านมาทำให้คนอเมริกันว้าเหว่ เหมือนๆกับคนไทยที่อยู่ในสภาพจิตตก ไขว่คว้าหาที่พึ่งทางใจ
เลยตกเป็นเหยื่อของการสร้างภาพ
วันหนึ่งเมื่อความจริงปรากฏและเกิด ผลกระทบจากปัญหาฝีแตก ชาวบ้านที่เคยหลงใหลก็จะเกิดความรู้สึกว่าถูกหลอก จากที่เคยรักก็จะเกลียดทันที
คะแนนนิยมของโอบามาเลยตกลงมาเรื่อยๆ รอจังหวะที่จะฟื้นความนิยมจากสถานการณ์บางอย่าง บุคลิกของ ผู้นำประเภทนี้ คะแนนนิยมจึงไม่ค่อยคงที่ เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง และมีผลต่อนโยบายในการบริหารประเทศด้วย เนื่องจากจะต้องปรับนโยบายให้สอดคล้องกับคะแนนนิยมของผู้นำ
หันมาดูการเมืองบ้านเราส่งสัญญาณอันตราย แม้ฝ่ายความมั่นคงจะประเมินกันว่าพลพรรคเสื้อแดงอ่อนกำลังลง และมีจำนวนน้อยลง แต่ก็ยังห่วงว่า การชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงเที่ยวนี้จะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น
อย่างที่บอกเป็นสงครามครั้งสุดท้าย
ถ้าครั้งนี้เสื้อแดงแพ้ คงจะถูกขุดรากถอนโคน เช่นเดียวกันถ้ารัฐบาลรับมือไม่อยู่มีโอกาสที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในทุกประตูสูงมาก จึงต้องทุ่มเทเดิมพันกันอย่างหนัก บนซากปรักหักพัง.
หมัดเหล็ก