บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

จากสนามหลวง กลุ่มเสื้อแดง บุกไปทำเนียบฯ

ที่มา ไทยรัฐ

จากการที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศนัดรวมพลคนเสื้อแดง จากทั่วทุกสารทิศมาร่วมฟังรายการ “ความจริงวันนี้” ที่ท้องสนาม หลวงในเย็นวันที่ 31 ม.ค. โดยจุดหมายหลักเพื่อปราศรัยโจมตีความไม่ชอบธรรมของการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และอาจเคลื่อนพลออกจากสนามหลวงไปยังทำเนียบรัฐบาล ทำให้หลายฝ่ายกังวล จนต้องออกมาตรการรับมืออย่างเข้มข้น

“สุเทพ” กำชับตำรวจคุมม็อบแดง

โดยเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 31 ม.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.และคนเสื้อแดงที่จะมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลว่า รู้สึกห่วงใยเหมือนกัน แต่การประท้วงหรือก่อม็อบขอให้อยู่ภายใต้ กฎหมาย เราจะทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งได้ให้ เจ้าหน้าที่รับผิดชอบเตรียมแผนป้องกันไว้แล้ว เพื่อดูแลไม่ให้ฝ่าฝืนกฎหมาย

แขวะแกนนำอย่ารักชาติแต่ปาก

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การชุมนุมเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ แต่ขอร้องว่าประเทศกำลังเดินไปได้ด้วยดีแล้ว การแก้ไขปัญหาเริ่มต้นไปแล้ว งบกลางปีแสนกว่าล้านบาทกำลังจะเสร็จในอีกไม่กี่วัน ทำไมถึงต้องทำให้เกิดปัญหา ทั้งนี้หากการชุมนุมอยู่ในขอบเขต ไม่ทำนอกเหนือกฎหมาย รัฐบาลคงจะไม่มีทางไปขัดขวางได้ เว้นแต่จะเป็นการกระทำผิดกฎหมาย เช่น บุกรุกสถานที่ราชการ สร้างความเดือดร้อนรำคาญ หรือดำเนินการอย่างอื่นที่ผิดกฎหมาย อย่างนี้ รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องรักษากฎหมาย เชื่อว่าประชาชนที่มาชุมนุมเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดี แต่ประเด็นอยู่ที่แกนนำมากกว่าถ้ารักชาติจริงก็ต้องไม่รักแต่ปาก ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ คนที่สนับสนุนกลุ่มเหล่านี้ต้องตั้งคำถามด้วยว่า ท่านรักชาติจริงหรือเปล่า

ทหารเฝ้าระวังพื้นที่สำคัญ

ด้าน พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้ สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พราง ทางวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิรตซ์ ว่า จากการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเตรียมการรับมือการชุมนุมใหญ่ของ นปช. ผู้ดูแลรับผิดชอบหลักคือ ตำรวจ มีนายตำรวจระดับสูงเป็น ผบ.เหตุการณ์ที่จะติดตามและประเมินสถานการณ์ ส่วนทหารเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นแผนตามปกติทหารจะออกไปได้ต้องมีการร้องขอจากตำรวจในกรณีที่เขาเอาไม่อยู่ แต่หากเขาไม่ได้ทำเรื่องขอมา หรือผู้บังคับบัญชาไม่ได้สั่ง ทหารจะอยู่ภายในที่ตั้งตามปกติ อย่างไร ก็ตาม ส่วนใหญ่ที่ได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ทหารจะดูแลในสถานที่สำคัญเช่น รอบวังสวนจิตรลดา และพื้นที่วีไอพีทั้งหมด รวมถึงทำเนียบรัฐบาล เพื่อไม่ให้ เกิดเหตุการณ์มือที่สามเข้าไปชนกับม็อบ ทหารที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่จะมีเพียงโล่และกระบองเท่านั้น เราไม่มีหน้าที่เข้าไปการสลายการชุมนุม และจะไม่ปะทะกับประชาชนเด็ดขาด

ปฏิเสธส่งคนแฝงตัวในม็อบ

“การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในรูปแบบประชาธิปไตยทำได้ภายใต้กฎหมาย แต่คิดว่าทุกกลุ่มคงไม่อยากสร้างให้เกิดความเดือดร้อนต่อประเทศซ้ำเติม หากกลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติตามที่แกนนำระบุว่าจะชุมนุมโดยสงบภายใต้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ คาดว่าไม่น่าจะมีอะไรรุนแรงถ้าพูดกันรู้เรื่อง ทั้งนี้ เราได้วาดภาพประเมินไว้ หลายแบบ ไม่ได้มองอะไรในแง่ดีหรือร้ายเกินไป แต่ ติดตามในทุกแง่มุม ผบ.ทบ.ให้กองทัพปฏิบัติตามแผนปกติ ไม่ได้เน้นอะไรเป็นพิเศษ” แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว และตอบปฏิเสธว่า กองทัพไม่ได้ส่งทหาร 400 นาย เข้าไปแฝง ในกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.เพราะการใช้กำลังถึง 400 คนถือว่ามาก ส่วนการติดตามสถานการณ์เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว หากการชุมนุมอยู่ในระเบียบ สิทธิ หน้าที่ โดยไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่นก็สามารถทำได้

ล็อกทำเนียบฯหวั่นซ้ำรอย พธม.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากภายในทำเนียบรัฐบาลว่า ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารระดมกำลังเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาลเพื่อเตรียมรักษาความปลอดภัยรอบพื้นที่ ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ประจำทำเนียบรัฐบาล 1 กองร้อย เจ้าหน้าที่คอมมานโด 1 กองร้อย ทหารจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ 1 กองร้อย และกองกำลังจากสารวัตรทหารเรือ 1 กองร้อย มีอาวุธเป็นโล่และกระบองเตรียมไว้ป้องกันตัว นอกจากนี้ ยังเตรียมรถไฟฟ้าส่องสว่างและรถดับเพลิงหลายคันมาจอดประจำการภายในทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ ได้มีการปิดประตูทางเข้าออกทุกด้าน โดยนำโซ่เหล็กมาคล้องไว้อย่างแน่นหนาทุกประตู ขณะที่บางอาคาร เช่น ตึกสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตึกบัญชาการ ที่เคยถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) งัดขโมยทรัพย์สินช่วงบุกยึดทำเนียบฯ มีการปิดประตูทางเข้าและนำกุญแจมาล็อกไว้ ส่วนบริเวณรอบนอก ทำเนียบฯ เช่น เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ และสะพานอรทัย มีตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 1 กองร้อย ยืนกระจายกำลังรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ นายพงษ์ศักดิ์ ศิริวงศ์ ผอ.สำนักสถานที่และรักษาความปลอดภัย ทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า จะไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้ามายึดทำเนียบรัฐบาลเหมือนกลุ่มพันธมิตรฯแน่นอน หากมีการบุกเข้ามา จะปฏิบัติการตามมาตรฐานสากล คือ เจรจาและตักเตือนก่อนเป็นลำดับแรก ถ้าไม่ได้ผลจริงจะใช้โล่ดันกลุ่มผู้ชุมนุมออกไป

เสื้อแดงมาแน่นสนามหลวง

ส่วนบรรยากาศการชุมนุมใหญ่กลุ่ม นปช.ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 31 ม.ค. ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดนับพันคนทยอยมาร่วมชุมนุมกันอย่างต่อเนื่อง จนพื้นที่บริเวณหน้าเวทีแน่นขนัดตั้งแต่เวลา 13.00 น. โดยส่วนใหญ่เดินทางมาจากพื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จ.อุดรธานี เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง โคราช ขอนแก่น และอุบลราชธานี ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 2 กองร้อย รักษาความปลอดภัย ส่วนโดยรอบสนามหลวงมีพ่อค้าแม่ค้า นำสินค้าของกลุ่มเสื้อแดง อาทิ เสื้อยืด ผ้าพันคอ เท้าตบ และภาพถ่ายการชุมนุมทุกๆครั้งมาวางขายกันอย่างคึกคัก กระทั่งเวลา 14.00 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง 3 แกนนำ นปช.กลุ่มความจริงวันนี้ได้ทำพิธีบวงสรวง เพื่อให้การชุมนุมเป็นไปอย่างราบรื่น จากนั้น จึงเปิดเวทีปราศรัยในเวลา 16.00 น. โดยเป็นการเล่นดนตรีสร้างความคึกคักให้กลุ่มผู้มาชุมนุมกว่าหมื่นคน

ยืนยันไร้เสียง “ทักษิณ”

ต่อมานายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. เปิดเผยว่า เวทีปราศรัยในครั้งนี้ จะมีการแสดงดนตรีและกิจกรรมต่างๆบนเวที ตั้งแต่ เวลา 15.00 น. จนกระทั่งเวลา 16.30 น. จะเริ่มการปราศรัยโดยทีมงาน “ความจริงวันนี้” และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยเนื้อหาจะเน้นความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล นอกจากนี้ ตนได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในช่วงที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนขบวนจากสนามหลวงมายังทำเนียบรัฐบาลในเวลา 21.00 น. อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี แน่นอน

ยื่น 3 ข้อรอฟังผล 15 วัน

“ผมจะเป็นผู้นำในการเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมไปยังทำเนียบรัฐบาลในเวลา 21.00 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่มีการตั้งจุดสกัด 4 จุด คือ อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย สะพานผ่านฟ้าลีลาศ แยก จ.ป.ร. และสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งการเคลื่อนขบวน เพื่อเข้าไปประกาศข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล 3 ข้อ ได้แก่ 1. ปลดนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ 2. ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ และ 3. รัฐบาลประกาศยุบสภา และเมื่อประกาศข้อเรียกร้องเสร็จก็จะสลายการชุมนุม หลังจากนั้นจะให้ เวลารัฐบาล 15 วัน ในการดำเนินการตามข้อเรียกร้อง อย่างไรก็ตาม ถ้ารัฐบาลใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม กลุ่มเสื้อแดงก็จะชุมนุมไม่เลิก และยืดเยื้อจนกว่าจะแตกหัก” นายจตุพรระบุ

ไม่ยืดเยื้อหากไร้การปะทะ

นายจตุพรยืนยันด้วยว่า คนเสื้อแดงจะไม่เข้าไปในทำเนียบฯ หรือทำอย่างที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคยทำเมื่อครั้งยึดทำเนียบรัฐบาลแน่นอน รัฐบาลกังวลกับเรื่องนี้มากเกินไป แล้วไปกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะยังมีความคิดว่าเจ้าหน้าที่ ตำรวจระดับปฏิบัติงานอยู่ฝ่ายเสื้อแดง และการชุมนุมวันนี้ไม่แตกหัก แต่ถ้ามีการปะทะก็อาจจะมีการชุมนุมยืดเยื้อ ส่วนกรณีที่นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดร ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานด้วยนั้น ตนไม่มีอะไรต้องเจรจานายขวัญชัย เพราะแตกหักกันไปแล้ว และคงไม่มีอะไรมาประสานงานกันอีก การชุมนุมที่ผ่านมาหลายครั้ง นายขวัญชัยก็ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย จึงไม่จำเป็นต้องออกมาบอกว่าจะไม่มาร่วม

แกนนำจวกแหลก ปชป.พธม.

ต่อมาเวลา 17.30 น. แกนนำ นปช.ทั้งหมด ได้แก่ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นพ.เหวง โตจิราการ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ฯลฯ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยเรียกขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ชุมนุม เพื่อให้ฮึกเหิมพร้อมจะเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลในเวลา 21.00 น. จากนั้นแกนนำผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลพรรค ประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อย่างเผ็ดร้อน

ตร.พร้อมตั้งด่านสกัดม็อบ

จากนั้นช่วงค่ำ พล.ต.อ.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 ได้เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่บริเวณท้องสนามหลวง เปิดเผยว่า สถานการณ์ชุมนุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย คาดว่ามีประชาชนมาร่วมชุมนุมประมาณ 3 หมื่นคน ซึ่งในมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น ได้ส่งเจ้าหน้าที่ประสานกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเป็น ระยะๆ เนื่องจากตำรวจไม่อยากให้มีการเคลื่อนขบวนในตอนกลางคืน เนื่องจากเกรงว่าจะมีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้วุ่นวาย แต่หากผู้ชุมนุมยืนกรานจะเคลื่อนขบวน ก็จะมีการตั้งด่านสกัดเป็นระยะ ตั้งแต่อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย ไปจนถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ยืนยันจะไม่มีการใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด

“สุเทพ” รอรับหนังสือ นปช.

ต่อมาเวลา 19.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติด ตามสถานการณ์ที่กลุ่ม นปช.จะปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในช่วงดึก โดยนายสุเทพกล่าวว่า หลังจากนี้จะโทรศัพท์ สอบถามตรวจสอบสถานการณ์ ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานอะไร ตนจะอยู่แถวทำเนียบฯ เบื้องต้นทราบว่า นปช.จะมายื่นหนังสือ ก็ต้องมีคนไปรับ หากไม่มีใครไปรับ ก็พร้อมไปรับหนังสือเอง ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต้องการให้รัฐบาลยุบสภาและแก้รัฐธรรมนูญนั้น ไม่ สามารถทำตามได้ หากผู้ชุมนุมจะเดินทางมาชุมนุมใน อีก 15 วันข้างหน้า ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ จะมาอีกกี่วันก็เรื่องของเขา ทั้งนี้ จะรายงานสถานการณ์ทั้งหมดให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ ได้รับทราบในคืนนี้ เพื่อให้ท่านทำงานให้สบายใจ

กร้าวจับแน่ถ้าบุกที่ราชการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้ชุมนุมปีนรั้วเข้ามาในทำเนียบฯจะทำอย่างไร นายสุเทพตอบว่า เข้าไม่ได้ แต่จะไม่ใช้แก๊สน้ำตา และไม่ใช้ความรุนแรง หากบุกเข้ามาก็จับดำเนินคดี เตรียมรถและสถานที่ไว้มาก เพียงพอสำหรับทุกคนที่ทำผิดกฎหมาย ยืนยันไม่มีมาตรการขั้นสูงสุดในการดำเนินการกับผู้ชุมนุม หากใครบุกสถานที่ราชการก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องถูกจับกุมดำเนินการ ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่าสถานการณ์จะรุนแรงบานปลายหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า เราไม่ใช้ความรุนแรงแน่นอน แต่ก็ไม่ยอมให้ใครทำผิดกฎหมาย เมื่อถามว่าแสดงว่าหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งไม่ได้ นายสุเทพตอบว่า ถ้าขัดขืนการจับกุมก็ยิ่งผิดเข้าไปอีก

“บัญญัติ” เมินข้อเรียกร้องไร้เหตุผล

ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลไม่หวั่นไหวต่อการรวมตัวของคนเสื้อแดง เพราะทราบกันอยู่แล้วว่าการชุมนุมโดยกลุ่มคนเสื้อแดงคงมีอีก ปัญหาอยู่ที่ว่ามีผู้มาร่วมชุมนุมมากน้อยแค่ไหน และทำได้ต่อเนื่องยาวนานหรือไม่ เท่าที่ฟังดูเชื่อว่าการชุมนุมไม่ยืด-เยื้อยาวนาน แต่ต้องรอดูว่าจะรุนแรงไปไกลถึงขั้นเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ แต่ดูช่วงหลังเริ่มมีความระมัดระวังมากขึ้น รวมถึงมีเสียงสะท้อนจากสังคม จึงยังไม่คิดว่าจะมีอะไรถึงขั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล เรื่องที่เรียกร้องให้ยุบสภา ประชาชนทั่วไปบอกว่าลองให้รัฐบาลแก้ปัญหาระยะหนึ่งก่อนไม่ได้หรือ แก้ปัญหาไม่ได้หรือมีวิกฤติมากขึ้นค่อยว่ากันอีกที ฉะนั้นวันนี้การเรียกร้องให้ยุบสภาไม่น่าจะสมเหตุสมผล

ปลัด กห.เชื่อมือตำรวจเอาอยู่

ที่สวนหลวง ร. 9 พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า เท่าที่ทราบแกนนำ นปช.ประกาศจะชุมนุมอย่างสงบสุข คงจะไม่สร้างปัญหาอะไร ตำรวจพยายามจะสกัดกั้นเป็นขั้นตอนและมีการชี้แจงโดยตลอด อาจจะทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไปไม่ถึงทำเนียบรัฐบาลก็ได้ ทั้งนี้ตำรวจยังไม่มีการประสานขอกำลังสนับสนุนจากทหาร แต่ทหารได้เตรียมความพร้อมที่จะเข้าไปช่วยดูแล อยากขอร้องกลุ่มผู้ชุมนุมอย่าทำให้เกิดความวุ่นวาย ขอความกรุณาทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนส่วนรวม ไม่อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมล่วงล้ำเข้าไปในสถานที่ราชการ ซึ่งกำลังตำรวจคงไม่เพียงพอจึงได้ขอกำลังทหาร 2 กองร้อยเข้าไปดูแลเสริมการทำงานในทำเนียบรัฐบาล เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น ถึงเวลานานแล้วที่คนไทยจะไม่ต้องแบ่งสี เพราะถ้ายังเป็นแบบนี้บ้านเมืองเราไม่มีโอกาสพัฒนาไปข้างหน้า ควรหันมาจับมือกัน สร้างความสมานฉันท์โดยเร็วที่สุด

ผบ.ตร.เครียดรุดพบ “เทพเทือก”

เมื่อเวลา 20.30 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. เดินทางเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ห้องทำงานบนตึกบัญชาการในทำเนียบรัฐบาล เพื่อรายงานสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมเคลื่อนขบวนมาปิดล้อม ทำเนียบฯ โดย พล.ต.อ.พัชรวาทมีสีหน้าเคร่งเครียด และใช้เวลาหารือประมาณ 20 นาที ก็เดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดถนนพิษณุโลก โดยใช้รถขังผู้ต้องหา 2 คัน และรถตู้ 1 คัน จอดขวางสะพานชมัยมรุเชฐไว้ ต่อมาเวลา 21.00 น. นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพบหารือกับนายสุเทพอีกราว 20 นาที จากนั้น นายสุเทพให้สัมภาษณ์ว่า ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบถึงสถานการณ์ว่า ทุกอย่างไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ขอให้ทำงานได้อย่างสบายใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ไม่เป็นห่วงอะไรเป็นพิเศษ คงไม่จำเป็นต้องมีการตั้งวอร์รูมมาควบคุมสถานการณ์มั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเหตุการณ์ชุมนุมจะยืดเยื้อหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้ชุมนุม ขั้นตอนในการควบคุมเหตุการณ์เป็นหน้าที่ตำรวจ ส่วนจำนวนผู้ชุมนุมที่สนาม หลวงนั้น บอกไม่ได้ว่ามากกว่าที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ ไม่อยากยั่วยุท้าทาย แต่เห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่เขาก็ระดมกันมาได้มากพอสมควร ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป

เสื้อแดงปรับขบวนเลี่ยงปะทะ

ขณะเดียวกันที่ท้องสนามหลวง ซึ่งการชุมนุมของกลุ่ม นปช.และคนเสื้อแดง ยิ่งทวีเข้มข้นขึ้น หลังจากที่นายจักรภพ เพ็ญแข ขึ้นกล่าวปราศรัยแล้ว จากนั้นเวลาประมาณ 21.00 น.เศษ แกนนำ นปช.ได้ขึ้นเวทีประกาศระดมคนจัดตั้งขบวน เตรียมพร้อมเคลื่อนออกจากท้องสนามหลวงไปยังทำเนียบรัฐบาล ซึ่งใช้เวลากว่า 30 นาที ในการตั้งขบวน กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้จัดรูปขบวนเสร็จ โดยมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์กว่า 100 คัน นำหน้าขบวน จากนั้นตามด้วยขบวนธง ที่ส่วนใหญ่เป็นชายฉกรรจ์ประมาณ 100 คน ต่อด้วยขบวนรถกระจายเสียง รถหกล้อ 6 คัน สลับกับผู้ชุมนุมเป็นช่วงๆ โดยที่หัวขบวนเคลื่อนไปล่วงหน้าถึงสี่แยกคอกวัว ขณะที่ท้ายขบวนยังคงอยู่ในท้องสนามหลวง แต่แล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จู่ๆนายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็ได้สั่งให้ปรับรูปขบวนใหม่อย่างกะทันหัน โดยให้ขบวนธงนำหน้าขึ้นไปแทนกลุ่มจักรยานยนต์ เพราะเกรงว่าหากให้ ขบวนจักรยานยนต์นำไปก่อนอาจเกิดการปะทะกับตำรวจได้

ม็อบเสื้อแดงจ่อประชิดทำเนียบฯ

จากนั้นเวลา 22.20 น. ขบวนผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ได้ค่อยๆเคลื่อนขบวนเข้ามาตามถนนราชดำเนิน ผ่านสี่แยกคอกวัวไปจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นด่านแรกที่ตำรวจตั้งสกัด ซึ่งแกนนำ นปช.ได้มีการเจรจากับตำรวจอยู่ครู่หนึ่ง ก็สามารถเคลื่อนขบวนต่อจนหัวขบวนเคลื่อนไปจนถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ซึ่งเป็นสกัดที่ 2 ของตำรวจ ทำให้แกนนำ นปช.ต้องเข้าไปเจรจาขอเคลื่อนขบวนไปอย่างสงบ และจะเคลื่อนต่อไปยังแยก จปร. และสะพานมัฆวานฯ ขณะเดียวกันก็พบว่ามีผู้ชุมนุมบางส่วนเดินทางไปดักรอขบวนอยู่ที่ถนนพิษณุโลกแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อนไหว และใกล้ทำเนียบฯมากที่สุด

วัดใจตำรวจขวางปล่อยม็อบ

กระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถฝ่าแนวกั้นของตำรวจมาได้ทั้งสามด่านจนถึงด่านสกัดสุดท้ายที่สะพานมัฆวานฯ แต่ถูกตำรวจปราบจลาจลเข้าสกัดเต็มที่ ไม่ให้ผู้ชุมนุมผ่านไปได้ มิฉะนั้นเท่ากับผู้ชุมนุมจะเดินไปจนถึงทำเนียบรัฐบาลได้อย่างสะดวก ซึ่งแกนนำ นปช.ได้เข้าเจรจากับตำรวจอย่างเต็มที่ พร้อมไปกับกล่าวปราศรัยกับผู้ชุมนุมถึงการเคลื่อนขบวนมาในครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง ส่วนภายในทำเนียบฯ หลังจากที่รู้ว่า กลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนขบวนมาจนถึงสะพานมัฆวานฯ แล้ว ก็มีความเคลื่อนไหวจากเจ้าหน้าที่ภายใน ทั้งตำรวจและทหาร ได้เตรียมพร้อมรับมือหากผู้ชุมนุมเข้ามาประชิดรั้วทำเนียบฯ หรืออาจปีนเข้ามาภายใน โดยมีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่และนำรถสำหรับขังผู้ต้องหามาจอดขวางเสริมที่แยกพาณิชยการอีกชั้นด้วย ซึ่งคาดว่าหากผู้ชุมนุมสามารถฝ่าเครื่องกีดขวางจนผ่านสะพานมัฆวานฯ มาได้ ก็จะเข้าปิดล้อมทำเนียบฯทุกด้าน และนำข้อเรียกร้องไปปิดไว้ที่ประตูทำเนียบฯ ซึ่งจากนั้นก็ต้องรอวัดใจกลุ่มผู้ชุมนุมว่าจะสลายตัวทันทีตามที่ประกาศไว้หรือปักหลักอยู่จนถึงเช้า

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker