บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เงามืด! ปีเผาจริง บ่อนหวยเงินกู้บูม

ที่มา ไทยรัฐ

เศรษฐกิจขาลงปี 2551 ลากยาวต่อเนื่องมาถึงปีเผาจริง 2552 มีผลต่อการเกิดอาชญากรรมมากน้อยขนาดไหน?

รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจนอกและในระบบ ชี้ว่า หากย้อนไปเทียบกับวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 วิกฤติปีนี้มีความแตกต่างกันอยู่ไม่น้อย

ปี 40...เป็นวิกฤติจากภายในประเทศไทย ขณะที่ประเทศต่างๆในโลก โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจไม่มีใครประสบวิกฤติเลย...ต่างประเทศตลาดยังพร้อมรองรับการส่งออก หรือแม้กระทั่งให้การช่วยเหลือเราก็ยังทำได้...

นักท่องเที่ยวก็ยังเข้ามาได้ เพราะมีสตางค์

วิกฤติปัจจุบัน เกิดขึ้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วลุกลามไปยังประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทุกประเทศในโลก ไม่ว่า ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ออสเตรเลีย

ประการแรกที่ไทยต้องเจอหนัก คือโอกาสที่จะส่งออกได้เหมือนปี 2540 ไม่มี... ประการต่อมา โอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศเหมือนปี 2540...ก็ไม่มี

ไทยเจอวิกฤติปี 40 นายจ้างล้ม ลูกจ้างก็ล้ม แต่ปี 2552 นายจ้างไม่ล้ม แต่ใช้วิธีการตัดลูกจ้างออกส่วนหนึ่งจากระบบ

นายจ้างไม่ล้ม แต่ลูกจ้างล้ม...คนจนก็อยู่ไม่ได้

วิกฤติล่าสุดนี้ร้ายแรงกว่า สำหรับคนธรรมดาที่กินเงินเดือน กลุ่มคนที่รับจ้าง เกษตรกร ผลกระทบต่อคนที่มีรายได้ปานกลางถึงชั้นล่าง มีอย่างกว้างขวางกว่าแน่นอน

อาจารย์สังศิต บอกว่า ปัญหาที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ เด็กจะออกจากโรงเรียนมาก เพราะพ่อแม่ตกงาน อาจจะอ้างว่ารัฐบาลมีนโยบายเรียนฟรี แต่เด็กไทยไม่ได้เรียนฟรีจริง มีการเก็บค่าพิเศษต่างๆ เป็นจำนวนมาก

เมื่อออกจากระบบการศึกษา ก็อาจไปประกอบอาชีพที่ไม่ถูกกฎหมาย กลายเป็นเหยื่อขบวนการค้ายาเสพติด เป็นผลเสียหายต่อประเทศในระยะยาว

เวลาเศรษฐกิจไม่ดี ธุรกิจผิดกฎหมายจะเบ่งบาน เป็นปฏิภาคผกผันกันเสมอไป ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดีมากๆ คนก็ยิ่งต้องการเสี่ยงทำอะไรที่หาเงินได้ง่าย

ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง จะบ่ายหน้ากลับไปทำการเกษตรก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีทักษะ ขณะเดียวกัน ถึงอยากจะทำงานในเมือง ก็ไม่มีงานให้ทำ คนเหล่านี้ จะกลายเป็นปัญหาสังคมค่อนข้างมาก ทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรม และมีแนวโน้มกระจายปัญหาไปสู่ชนบท

กลุ่มแรงงานถูกเลิกจ้างมีพฤติกรรมการบริโภคแบบคนเมือง แต่ว่าขาดรายได้ แถมไม่สามารถหารายได้แบบเกษตรกรได้ ปัญหาที่จะมีมาก คือ การประพฤติผิดทางศีลธรรม ขายบริการทางเพศ ค้ายาเสพติด การที่จะทำให้เกิดการพนันผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ

กระทั่งหมู่ข้าราชการประจำ จะเกิดปัญหาการทุจริต เป็นภาพที่ต้องเจอแน่ๆ ไม่ว่าข้าราชการส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีปัญหามากอยู่แล้ว

ข้าราชการมีรายได้ไม่พอ จนต้องมาเรียกค่าน้ำร้อนน้ำชา เงินใต้โต๊ะ แน่นอนว่าจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารงานของธุรกิจเอกชนเสียหาย

ค่าน้ำร้อนน้ำชา ทำให้ต้นทุนทางธุรกิจแพงเกินไป ทำให้ความสามารถในการแข่งขันกับธุรกิจต่างประเทศด้อยลง อาจารย์สังศิต ชี้ว่า การที่ธุรกิจเราจะแข่งกับต่างประเทศได้ ระบบราชการต้องมีประสิทธิภาพ ไม่เรียกรับเงินที่ไม่ควรจะเรียก

ปัญหานี้อาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ได้เป็นเงินมากมาย แต่ระบบน้ำร้อนน้ำชา จะทำให้การทำงานล่าช้า ไม่ได้เงินก็ช้า ได้เงินแล้วก็ทำให้คนที่ทำธุรกิจแข่งขัน อย่างสุจริตเสียเปรียบ ไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน

ธุรกิจที่ต้องจ่ายใต้โต๊ะ นึกหรือว่าจะแข่งกับต่างประเทศได้ คนที่ไม่จ่ายบางทีอาจจะแข่งได้เพราะมีความเก่ง แต่โอกาสไม่มีเสียแล้วก็แข่งไม่ได้

สภาวะที่ทุกคนดิ้นรนเอาตัวรอด หาทางออกเช่นนี้ สังคมก็มีความตึงเครียด โดยเฉพาะช่วง 69 เดือนแรกปีนี้...จะมีปัญหาหนัก

สัญญาณที่เห็นได้โดยทั่วไป จะมีคนพยายามฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเอง อย่างที่เกิดขึ้นแล้วในอเมริกา ฆ่าตัวตายยกครอบครัว หนีพิษเศรษฐกิจ

คดีอาชญากรรมจะรุนแรงเป็นพิเศษ สังคมทั่วไปก็จะมีแต่เสียง...ทำไม? โจร ขโมยเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า ไปจอดรถที่ไหนก็โดนทุบกระจกเอาทรัพย์สิน

ประเภทอาชญากรรมที่มีผลกับเศรษฐกิจ ปัจจุบันธุรกิจที่หลอกลวงรับสมัครนักศึกษาที่เรียบจบให้มาทำงาน เป็นธุรกิจที่กำลังแพร่หลาย ปัจจัยสำคัญมาจากตลาดแรงงานไม่สามารถรองรับ เป็นช่องทางให้คนหาช่องทำธุรกิจผิดกฎหมาย เชื่อมโยงไปถึงธุรกิจแชร์

เงินในระบบตึง...สถาบันการเงินไม่ปล่อยเงินออกมา ธุรกิจเล็กๆก็ต้องไปเล่นแชร์ ในที่สุดก็จะมีการโกงเกิดขึ้นทั่วไป

การพนัน หวยใต้ดิน หวยหุ้น เวลานี้คนเล่นหุ้นไม่ได้เล่นหุ้นไทยเท่านั้น ยังไปเล่นหุ้นสองตัว สามตัวจากหุ้นต่างประเทศด้วย เพราะมีการออกทีวีตลอดเวลา เป็นอีกแหล่งที่คนใช้เล่นการพนัน เหมือนสมัยก่อนที่คนเล่นพนันทายเลขท้ายรถยนต์ที่วิ่งผ่าน

มองๆไปแล้วอาจจะสวนทาง เศรษฐกิจแย่ แต่คนก็ยังเอาเงินมาเสี่ยงอย่างนี้ นั่นเป็นเพราะธุรกิจถูกกฎหมายไม่มีรายได้ ทำแล้วก็ไม่มีกำไร คนก็รีบเอาเงินเพื่อมาเสี่ยง

เศรษฐกิจยิ่งแย่...คนยิ่งเข้าบ่อนมากขึ้น

ต้องเข้าใจนะว่า พฤติกรรมคนที่ชอบการพนัน กับคนที่ชอบทำอาชีพปกติ วิธีการให้เหตุให้ผลไม่เหมือนกัน คนไม่น้อยคิดว่าในเมื่อทำมาหากินปกติไม่ได้ผล ก็เสี่ยงมันเลย แล้วก็เอาทรัพย์สินไปขาย เพื่อไปเสี่ยง

ธุรกิจเงินกู้นอกระบบ เป็นอีกธุรกิจที่เบ่งบานที่สุด ในเมื่อนักธุรกิจหาเงินจากสถาบันการเงินไม่ได้ ก็ต้องหันไปใช้เงินกู้นอกระบบ

ผลกระทบจากเงินกู้นอกระบบ เวลาคนกู้มีความจำเป็นต้องกู้ ถ้าไม่มีเงินหมุนในธุรกิจก็เดินไม่ได้ แล้วคนที่ใช้เงินกู้นอกระบบก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คนมีรายได้น้อย พ่อค้าแม่ค้า

คนที่ทำธุรกิจเป็นพันล้านก็ใช้เงินกู้นอกระบบ โดยไม่ต้องถามว่า ธุรกิจ 100 ล้าน...10 ล้าน...20 ล้าน จะใช้บริการเงินกู้นอกระบบหรือไม่...

ทว่า...ทุกธุรกิจมีความไม่แน่นอน ไม่มีเงินส่งเงินกู้ ก็ต้องถูกบังคับขายทรัพย์สิน ตามมาด้วยการถูกรังแก ถูกคนมีสีตามทวงหนี้ ภาพที่เห็นจะมีการทวงหนี้มากขึ้น รวมไปถึงการพนันฟุตบอลในกลุ่มเด็กเยาวชน ในช่วงวัยต่ำกว่า 35 ปี ที่ชอบเล่นกันมากเป็นพิเศษ

สถานการณ์เศรษฐกิจกับดอกผลอาชญากรรมทางสังคมที่จะเกิดขึ้น จะคลี่คลายให้เบาบางลงได้ สำคัญที่สุดที่รัฐบาลกำลังทำคือ ทำอย่างไรถึงจะทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีอยู่ได้

เอสเอ็มอีเป็นธุรกิจที่ใช้เงินน้อย แต่จ้างคนเยอะ ผนวกกับนโยบายให้นายจ้างรักษาลูกจ้างเอาไว้ เป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญ ต้องพยายามทำให้เงินมีการใช้จ่ายออกมาให้ได้ ถ้าเงินไม่หมุน ไม่ถูกใช้ ผลิตสินค้าแล้วขายไม่ได้ ไม่นานธุรกิจก็จะเริ่มล้ม พับลงไป

อีกประเด็นที่สำคัญ การอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐบาล ถามว่าจะฉีดได้นานขนาดไหน? อาจารย์สังศิต บอกว่า อาจจะต้องกู้เงินจากต่างประเทศมาอีกจำนวนหนึ่ง ผ่านไปยังสถาบันการเงินของรัฐ อัดฉีดไปที่ธุรกิจเล็กๆจำนวนมาก ทำให้เกิดการมีงานทำ เงินก็จะหมุนได้

รวมแล้วในปีนี้...ไม่ควรต่ำกว่า 3 แสนล้าน เศรษฐกิจน่าจะขยับได้

เศรษฐกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเราเพียงอย่างเดียว ยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยุโรป เป็นสำคัญ ถ้าสองกลุ่มนี้ แก้ได้ ปัญหาเราก็ลด

วันนี้...ถ้าเลือกได้ รัฐบาลไทยน่าจะเดินทางไปคุยกับรัฐบาลจีน ถึงเขาจะกระทบ แต่ไม่รุนแรงเท่าประเทศอื่น อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจยังเกินกว่า 8 เปอร์เซ็นต์

สมมติว่า จีนส่งเสริมให้คนมาเที่ยวเมืองไทย เศรษฐกิจเราก็จะเริ่มหมุนแล้ว คนจีนมีกำลังซื้อ พร้อมที่จะจับจ่าย รวมไปถึงการเจรจาให้มาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจีนเองก็มีความพร้อมอยู่มาก

การอัดฉีดกระตุ้นให้เงินหมุน เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันพอสมควร...รัฐบาลไม่อยากให้คนออม ให้ใช้เงิน แต่คนมีความไม่แน่ใจ ก็ไม่อยากใช้เงิน ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามคนรู้สึกมั่นใจก็จะใช้เงิน

สัญญาณที่เห็นว่าดีขึ้นแล้ว คือ การที่ไม่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงบนท้องถนน อย่าปะทะกัน เกิดเหตุนองเลือด ประท้วงไม่เป็นไร เป็นเรื่องปกติ นักลงทุนไม่ตกใจ...เศรษฐกิจเป็นเรื่องของความมั่นใจ

อาจารย์สังศิต กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker