โดย KN
1 มีนาคม 2552
ผมได้เห็นสาวกสนธิลิ้มบางคนที่บอกว่าคุณทักษิณกลัวจะโดนฮ่องกงส่งตัวกลับแล้วก็ขำไม่หาย คนอย่างมาร์กน่ะเหรอจะมีอะไรให้กลัว อยากจะด่าพวกนั้นว่าโง่เหลือเกิน สงสัยวันๆเอาแต่ฟังสนธิลิ้มเทศน์ เลยมีปัญญาแค่นั้น
ก่อนอื่น พวกเขาคงไม่รู้ว่าฮ่องกงเป็นเขตการปกครองพิเศษของจีน ถึงแม้จีนจะปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ แต่ฮ่องกงก็ยังมีสิทธิในการปกครองตัวเองอย่างอิสระ หรือที่เรียกว่าหลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" และที่โดดเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องการดำเนินนโยบายการค้าเสรี ไม่มีการจัดเก็บภาษีศุลกากรขาเข้าขาออก ฮ่องกงจึงได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางพาณิชย์ในเอเชีย และนอกจากนี้ ฮ่องกงยังสิทธิในการจัดการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ไม่ต้องขึ้นกับจีน
แต่เพื่อจะให้เห็นหลักฐาน ไม่ใช่กล่าวอ้างลอยๆ แบบศาสดาสนธิลิ้มชอบทำ จึงขอยกมาให้เห็น
"The two SARs of Hong Kong and Macau are responsible for their domestic affairs, including, but not limited to, the judiciary and courts of last resort, immigration and customs, public finance, currencies and extradition."
ที่มา Wikipedia
หรือแปลเป็นไทยว่า "เขตการปกครองพิเศษฮ่องกงและมาเก๊าเป็นผู้รับผิดชอบต่อกิจการภายในประเทศตนเอง ได้แก่ กระบวนการยุติธรรม ศาลฎีกา การอพยพ ศุลกากร การเงิน สกุลเงิน และการส่งผู้ร้ายข้ามแดน" ไม่รู้ว่ามาร์กกระสันแปลคำว่า extradition ออกหรือไม่?
และที่น่าอายยิ่งกว่านั้นคือ โฆษกฮ่องกงสำนักงานความมั่นคงของฮ่องกงต้องออกมาแถลงเองว่าฮ่องกงไม่ได้มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย ตบหน้ามาร์กกระสันฉาดใหญ่ (อ้างอิง AFP) อยู่ๆเขาไม่ออกมาแถลงอย่างนี้หรอก ถ้าไม่มีมีนายกฯประเทศไหนสักคนออกไปพูดให้ประเทศของเขาเสียชื่อเสียง ราวกับว่าประเทศเขาจะเห็นดีด้วยกับตัวเอง
ในเมื่อไม่มีความจำเป็นเลยที่คุณทักษิณจะต้องไปกลัวกับคำขู่ไร้สาระของมาร์กกระสัน เพราะนักการทูตที่ไหนก็ทราบถึงข้อเท็จจริงข้อนี้ดี แล้วคุณทักษิณยกเลิกการปาฐกถาทำไม?
ใครที่ติดตามข่าวก็รู้ว่าการที่คุณทักษิณตัดสินใจไม่ปาฐกถาครั้งนี้ ก็เพื่อรักษาหน้าประเทศไทยภายใต้การนำของมาร์กกระสันไม่ให้ตกต่ำไปมากกว่านี้ เพราะรู้ว่าถ้าไปพูด จีนก็จะไม่ส่งตัวเป็นแน่ มาร์กกระสันก็จะต้องหัวเสีย สร้างความร้าวฉานระหว่างสองประเทศเปล่าๆ
คุณทักษิณพยายามสร้างความสัมพันธ์อันดีกับจีนมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นรัฐบาล เพราะรู้ว่าจีนจะเป็นที่พึ่งคนสำคัญในยามสหรัฐฯตกอยู่ในภาวะวิกฤติ คุณทักษิณพยายามขยายทิศทางตลาดการส่งออก (diversify) ไปยังจีนและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค คุณทักษิณได้พูดเรื่องแนวคิด Asia bond หรือพันธบัตรเอเชีย (อ้างอิง Financial Times) เพื่อแนะนำให้ประเทศในเอเชียลดการผูกติดกับสกุลเงินดอลลาร์ และเน้นการสร้างความเข้มแข็งในกลุ่มเพื่อลดการพึ่งพาจากสหรัฐฯที่มีแนวโน้มจะตกต่ำลงเรื่อยๆอันเป็นผลจากการทำสงครามยืดเยื้อในตะวันออกกลางและการใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายของชาวอเมริกัน
และแล้ววันนี้ก็เกิดขึ้นจริง เมื่อสหรัฐฯ คู่ค้าอันดับ 1 ของไทย อยู่ๆเศรษฐกิจก็ตกต่ำรุนแรงฉับพลัน เข้าสู่สภาวะวิกฤติขั้นหนักสุดนับตั้งแต่ปี 1930 รัฐบาลต้องเข้าไปอุ้มสถาบันการเงิน อุตสาหกรรมรถยนต์ ไม่ให้ล้มละลาย คนตกงานเดือนละเป็นแสนๆ ฉุดให้เศรษฐกิจทั้งโลกตกต่ำลงไปด้วย ญี่ปุ่นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทยก็กำลังย่ำแย่กับภาวะเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองภายในประเทศ เหลือจีน พี่ใหญ่ในภูมิภาคนี้เป็นที่พึ่งคนสำคัญ ที่จะช่วยพยุงตลาดการส่งออกของไทยให้อยู่รอด ดังนั้นจึงต้องเร่งสร้างความสัมพันธ์กับจีนไว้ให้ดี
คุณทักษิณอุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่ามาร์กกระสันจะทำปากดีไปได้นานอีกแค่ไหน