บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"ทักษิณ"ออกแถลงการณ์ โต้ข้อหาให้สัมภาษณ์หมิ่นสถาบัน "สุเทพ"ยันไม่ได้สั่ง-ตำรวจทำตามหน้าที่

ที่มา ประชาไท

"ทักษิณ"ร่อนแถลงการณ์ฉบับ 3 โต้ข้อหาหมิ่นสถาบัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 ผ่านคณะทำงานของนายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย เพื่อชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดี ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ โดยในท้ายแถลงการณ์ได้ระบุว่า จะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองอย่างถึงที่สุด ซึ่งมีรายละเอียดตามนี้



แถลงการณ์ฉบับที่ 3/2552 ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี


ตามที่มีข่าวในสื่อมวลชนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อสรุป จากการที่ผมได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศในระหว่างวันที่ 12-13 เมษายน 2552 ที่ผ่านมาว่า ผมได้กระทำความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และจะดำเนินคดีกับตัวผมตามกฎหมายต่อไปนั้น


ผมทราบเรื่องนี้ด้วยความสะเทือนใจยิ่ง เนื่องจากข้อกล่าวหานี้เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง และขัดกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แม้ผมจะต้องพำนักอยู่ในต่างประเทศก็ตาม ผมเป็นคนไทยคนหนึ่งที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน และการสัมภาษณ์สื่อต่างประเทศที่อ้างถึงนั้น ไม่มีข้อความใดเลยที่ข้าพเจ้ามีเจตนาที่จะหมิ่นหรือจาบจ้วงพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่เทิดทูนและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทุกคน ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและแห่งใดในโลก


ผมขอกราบเรียนว่า ในอดีตมีการพยายามใส่ร้ายป้ายสีและดำเนินคดีกับผมในทำนองนี้หลายคดี แต่อัยการสั่งไม่ฟ้องทุกคดีที่ตำรวจเสนอสำนวนขึ้นไป ผมขอย้ำอีกครั้งว่าผมประสงค์ที่จะเห็นความปรองดองของคนในชาติ ซึ่งความปรองดองจะไม่เกิดขึ้นถ้าปราศจากความเป็นธรรมในสังคม ดังนั้นผมจึงไม่ปรารถนาที่จะเห็นการทำลายล้างกันทางการเมืองในสังคมไทย โดยการยัดเยียดข้อ กล่าวหาที่ปราศจากข้อเท็จจริงและเจตนาของผู้ที่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ และน่าเสียดายว่าแนวโน้มนี้จะดำรงอยู่ต่อไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น


ผมจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผมจนถึงที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ผมจะไม่ยอมให้ผู้ใด ไม่ว่าจะดำเนินการเอง หรือมีใครบงการให้กระทำ มากล่าวหาผมอย่างเป็นเท็จว่าผมมีเจตนาหมิ่นพระมหากษัตริย์ ทั้งๆที่ผมมีความจงรักภักดีและเทิดทูนเหนือหัว และความจงรักภักดีที่ผมมีต่อพระองค์จะยังคงอยู่ในหัวใจของผมจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แม้ตัวผมจะพำนักอยู่หนใดในโลกก็ตาม


พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร


15 พฤษภาคม 2552

"สุเทพ" ยิ้มตร.ฟัน"แม้ว"หมิ่นสถาบัน บอกปท.จะเรียบร้อย

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ถึงกรณีที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาลเตรียมดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ตนไม่ได้เข้าไปดูแล เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใครผิดใครถูกก็ให้ทำตรวจทำหน้าที่ เพราะถ้าตำรวจทำหน้าที่บ้านเมืองก็เรียบร้อย


เมื่อถามว่า ขณะนี้พบความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณในประเทศมอนเตเนโกรธบ้างหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่พบ เพราะตนอ่านข่าวจากสื่อมวลชน เมื่อถามว่า มีช่องทางอะไรที่รัฐบาลพอจะจัดการกับพ.ต.ท.ทักษิณ ได้บ้างหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้ทำ ไม่มีอะไรจะทำและไปทำเรื่องอื่นดีกว่า เมื่อถามว่า จะปล่อยเรื่องนี้ไปก่อนใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า "ครับ"


เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมืองหลังการประกาศเลื่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนไปในเดือนตุลาคม นายสุเทพ กล่าวว่า สถานการณ์ก็ดีขึ้น เพราะมีเวลาได้คิด ได้ทำเรื่องอื่น และอยากชวนทุกฝ่ายมาคิดกันเรื่องกอบกู้ประเทศจะดีกว่า เมื่อถามว่า กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะจัดงานรำลึกเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ วันที่ 17 พ.ค.นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นปัญหา ตราบใดที่ไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 13.30 น. เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) เป็นประธานประชุมคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มีตัวแทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.) และกองคดีอาญาเข้า ร่วมประชุมที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กว่า 1 ชั่วโมง

พล.ต.ท.ธีระเดชกล่าวว่า ที่ประชุมสรุปกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศในช่วงวันที่ 12-13 เมษายนที่ผ่านมาว่า กรณีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีความเห็นสั่งฟ้องและให้ส่งพยานหลักฐานทั้งหมดให้ทางกองบัญชาการสอบสวนกลางดำเนินคดีในที่ 15 พฤษภาคม

รายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ประชุมไปแล้ว เมื่อวันที่ 27 เมษายน แต่ไม่ได้ข้อสรุป จึงมอบหมายให้สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจนและนำมาพิจารณาในที่ประชุมอีกครั้ง ซึ่งจากหลักฐานทั้งหมด คณะกรรมการสรุปมีความเห็นสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

“นภดล” ลั่นถ้ากลั่นแกล้งเตรียมฟ้องกลับ

นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่คณะกรรมการสันติบาลระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณหมิ่นสถาบันจริงจากการให้สัมภาษณ์เวปไซด์ของต่างประเทศว่า ทีมทนายของพ.ต.ท.ทักษิณกำลังพิจารณาในรายละเอียดผลสรุปของตำรวจว่ามีเหตุผลและการตีความข้อกล่าวหาอย่างไร เพราะข้อกล่าวหารุนแรง รวมทั้งกำลังพิจารณาว่า หากเป็นการกลั่นแกล้งก็อาจจะฟ้องกลับด้วย

โดยทีมทนายได้เตรียมหลักฐานในส่วนของบทสัมภาษณ์ เจตนาของคำพูดว่าเป็นอย่างที่ตำรวจตีความหรือไม่ และยังจะมีการออกแถลงการณ์ในเร็ว ๆ นี้ด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณยืนยันความจงรักภักดีต่อสถาบันมาโดยตลอด หรือเป็นไปได้ว่าตำรวจถูกแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองที่เข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

อย่างไรก็ตาม หากมีการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวจริง พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องเตรียมทนายเพื่อร้องต่ออัยการอย่างแน่นอน เพราะมีหลายเรื่องหลายคดีที่แม้ว่าตำรวจจะสรุปว่าพ.ต.ท.ทักษิณมีความผิด แต่เมื่อถึงชั้นอัยการกลับไม่มีการสั่งฟ้อง

ด้าน พล.ต.ท. ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการคดีหมิ่นสถาบันของตำรวจสันติบาลลงความเห็นว่าการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านเว็บไซต์สื่อต่างประเทศ เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า ทันทีที่ได้รับเรื่องสามารถดำเนินการได้ทันที โดยคณะพนักงานสอบสวนของ บช.ก. มี พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.เป็นประธาน ร่วมกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เป็นคณะพนักงานสอบสวน

ทั้งนี้ ผบช.ก. กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลที่ได้มาคิดว่าไม่จำเป็นต้องเชิญผู้สื่อข่าวที่สัมภาษณ์ และตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาสอบปากคำ เพราะข้อมูลได้มีการเผยแพร่ ถือว่ามีความผิดชัดเจนอยู่แล้ว และตามกรอบเวลาพนักงานสอบสวนมีเวลาในการทำสำนวน 3 เดือน ซึ่งจะเร่งรัดให้เร็วที่สุด เรื่องนี้ไม่ได้มีการเร่งรัดหรือสั่งการพิเศษจากรัฐบาลหรือจากใคร เป็นการทำไปตามหน้าที่ เพราะยังมีคดีหมิ่นสถาบันจำนวนมากที่ บช.ก.กำลังพิจารณา เฉพาะเว็บไซต์มีมากถึง 1,400 เว็บไซต์ ส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ มีของไทยประมาณ 40-50 เว็บไซต์ ที่ผ่านมาได้มีคำสั่งปิดไปแล้วจำนวนมาก

“อภิสิทธิ์” ระบุฮ่องกงพร้อมส่งตัว"ทักษิณ"ให้ไทย


เอเอฟพีรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฮ่องกงเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับมายังประเทศไทย และรับการตัดสินโทษในข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นหลายคดี แต่ปฏิเสธถึงความเป็นไปได้ในการนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณสามารถคาดหวังความยุติธรรมในประเทศไทยได้ และจำเป็นต้องยอมรับผลของสิ่งที่ได้กระทำลงไป


นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีรัฐบาลที่กำลังพิจารณาเรื่องการสมานฉันท์ ว่า "เรากำลังพูดถึงการนิรโทษกรรมสำหรับผู้ที่กระทำความผิดด้านการเมือง เราไม่มีความคิดที่จะนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่กระทำผิดทางอาญา พ.ต.ท.ทักษิณถูกตัดสินว่ามีความผิดกฎหมายอาญา เขาจะต้องรับผิดชอบ"

นายอภิสิทธิ์ซึ่งได้พบกับนายโดนัลด์ ซ่าง ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงของสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันเดียวกันนี้ กล่าวอีกว่า ทั้งสองฝ่ายกำลังทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุข้อตกลงการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งทางฮ่องกงจะช่วยส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมายังประเทศไทยหาก พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้ามายังฮ่องกงอีกครั้ง


"นายซ่างกำลังดำเนินการในเรื่องนี้อยู่และผมหวังว่าจะได้ข้อสรุปโดยเร็ว" นายกรัฐมนตรีกล่าว



"เพื่อไทย"สงสัยรบ.อยู่เบื้องหลัง


นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลจะอยู่เบื้องหลังหรือไม่ อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเกมการเมือง เพราะมีข้อสังเกตเรื่องคดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ผ่านมายังไม่คืบหน้า แต่กลับเร่งดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดง ถ้าหากรัฐบาลเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจริงก็คงไม่ใช่แนวทางการสมานฉันท์ตามที่รัฐบาลได้ประกาศเอาไว้ และคำถามนี้ควรเป็นรัฐบาลเองที่จะต้องเป็นคนตอบให้ชัดเจน เพราะคนในสังคมส่วนใหญ่ก็ต้องรู้ว่าเป็นเรื่อง 2 มาตรฐาน ซึ่ง กมธ.กฎหมายฯจะสอบสวนเพื่อดูข้อเท็จจริงว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปตามกฎหมายหรือเข้าข่ายผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่


"มีความเป็นไปได้สูงว่าการดำเนินคดีนี้กับ พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อลดเครดิต เนื่องจากจะสังเกตได้ว่ารัฐบาลได้กระทำสิ่งที่ต่อเนื่องกันหลายอย่างเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่การยกเลิกหนังสือเดินทาง จนทำให้ประเทศต่างๆ เห็นว่าเป็นการปฏิบัติ 2 มาตรฐาน"นายประชากล่าว



ผบช.ก.ชี้ข้อมูลเผยแพร่ชัดเจน ไม่ต้องเรียกนักข่าวสอบ


ด้าน พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่า บช.ส.ยังไม่ได้ส่งเรื่องที่มีความเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณหมิ่นสถาบันเบื้องสูงมาให้ เมื่อได้รับแล้วจะส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนของ บช.ก.ที่มี พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.ก. เป็นประธาน และมีตำรวจสังกัดกองบังคับการปราบปรามเป็นคณะพนักงานสอบสวน


"หลังรับเรื่องคณะพนักงานสอบสวนต้องประชุม นำคำสัมภาษณ์มาแปลเป็นภาษาไทย จากการดูข้อมูล ผมคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องเชิญผู้สื่อข่าวที่สัมภาษณ์ และตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาสอบปากคำ เพราะข้อมูลที่เผยแพร่นั้นถือว่าชัดเจนอยู่แล้ว"พล.ต.ท.ไถงกล่าว และว่า เมื่อสรุปสำนวนแล้ว ต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีรอง ผบ.ตร.รับผิดชอบและคณะกรรมการ 51 นาย นำไปพิจารณาอีกครั้ง ก่อนส่งสำนวนให้อัยการ โดยเรื่องนี้ไม่มีการเร่งรัดหรือสั่งการพิเศษจากรัฐบาลหรือจากใคร


พล.ต.ท.ไถงกล่าวว่า ยังมีคดีหมิ่นสถาบันอีกจำนวนมากที่กำลังพิจารณา เฉพาะเว็บไซต์มีมากถึง 1,400 เว็บไซต์ ส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ มีของไทยประมาณ 40-50 เว็บไซต์ ที่ผ่านมาก็ปิดไปจำนวนมาก



"ทักษิณ"ส่อเจอคดี"กรุงไทย"อีก


นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ประธานคณะทำงานอัยการ รับผิดชอบคดีที่สร้างความเสียหายแก่รัฐ กล่าวถึงการพิจารณาสำนวนคดีธนาคารกรุงไทย (มหาชน) ปล่อยกู้มูลค่า 9,000 ล้านบาท ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, คณะกรรมการ (บอร์ด) บริหารธนาคาร และบริษัทเอกชน รวม 31 ราย ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา และคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ กรณีเรียกรับเงินจากบริษัทเอกชน ที่มีนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กับพวก ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ว่าหลังจากที่คณะทำงานอัยการประชุมร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อปรึกษาหาข้อยุติปัญหาข้อกฎหมายการสั่งคดีแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาอีกระยะในการตรวจสำนวนและเสนอความเห็นให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ว่าพยานหลักฐานที่คณะทำงานร่วมอัยการกับ ป.ป.ช. รวบรวมส่งมาให้แล้วนั้น เพียงพอที่จะฟ้องผู้ถูกกล่าวหารายใดบ้าง ซึ่งอัยการจะดำเนินการให้เร็วที่สุด


"ถ้าอัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้อง จะยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนผู้กล่าวหาที่เหลือที่เป็นประชาชนให้ ป.ป.ช.ใช้อำนาจยื่นฟ้องเอง เมื่อคดีเข้าสู่ศาลแล้วจึงจะยื่นคำร้องต่อศาลขอรวมคดีเป็นสำนวนเดียวกันในภายหลัง"นายวัยวุฒิกล่าว

ที่มา: เว็บไซต์มติชนและเว็บไซต์ไทยรัฐ

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker