บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อำมาตย์พลาดแล้ว ที่ตัดสินใจทำรัฐประหาร 19 กันยา 49 !!

ที่มา Thai E-News

โดย คุณ นก ฟินิกซ์
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
15 กรกฎาคม 2552

รัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ ดูเหมือนจะเหลือพื้นที่เดินหมากของตัวเอง แคบลงไปทุกวัน หากจะมีเหลือ ก็น่าจะเป็นพื้นที่ของการเมืองแบบโต้วาทีเท่านั้น...

แต่เนื่องจากเป็นศึกสงครามทางขอบเขตวาทกรรม หรือการเมืองแบบล้างสมองด้วยสื่อ ทุกอย่างย่อมหนีไม่พ้นกฎเกณฑ์ของการจำกัดตัวเอง กล่าวคือ หมากเด็ด ไม้ตาย หรืออาวุธร้ายๆ ที่ออกมานั้น ทั้งผู้บริโภคหรือฝ่ายตรงกันข้าม เขาจับไต๋ได้จนหมดเสียแล้ว...

เดี๋ยวนี้ แค่ขยับขาสักนิด คงอ่านกันออกไม่ยาก กโลบายใดๆ ในเชิงอำนาจภายใต้เวทีของผู้ดูแลที่ชาญฉลาด การจับผิด “ผู้เล่น” จึงเป็นอะไรที่ไม่ยากนัก

นี่เป็นข้อจำกัดของมิติใหม่ คือ คนหลอกกันได้ยากขึ้น อาจเพราะถูกหลอกมามากแล้ว แต่นี่เป็นเงื่อนไขทางสภาวะวิสัยที่จะกำหนดเกมอำนาจในคุณภาพใหม่...

นับจากอดีตกว่า 700 ปี มาถึงบัดนี้ มีปัจจัยที่ฝ่ายอำนาจได้แลข้ามไปอย่างน่าเศร้าใจ นั่นคือการเรียนรู้ของภาคประชาชน

ไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร หรือการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งใดในราชอาณาจักรไทย จะสร้างแรง “ดีดกลับ” ทางการรับรู้ให้แก่ประชาชนได้สูงปานนี้ เท่ากับพิษผลของ 19 กันยายน 2549 ...เป็นความพลาดสำหรับการตัดสินใจรัฐประหาร?

อาจประเมินการเรียนรู้ของประชาชนได้ว่า สูงกว่าภายหลัง 14 ตุลาคม 2516 ด้วยซ้ำเป็นหลายเท่าตัว ไม่มีครั้งใดที่ชาวบ้านทั่วๆ ไป เริ่มทำความเข้าใจกับความหมายของนิติรัฐ-นิติธรรม ชนิดหูตาสว่างได้มากกว่าคราวนี้...

แค่เรื่องนี้ประเด็นเดียว ที่ประชาชนเข้าใจมากขึ้น มันก็ล้อมกรอบจำกัดพื้นที่ของอำนาจนิยมไปเรื่อยๆ จะตะแบงอธิบายให้เป็นอื่น ก็มิใช่เรื่องที่จะกระทำได้เหมือนเดิม ย้อนไปอธิบายอย่าง พ.ศ. 2549 คนเขาก็ไม่เชื่อเสียแล้ว?

เป็นครั้งแรก ที่ชาวชนบทจำนวนไม่น้อย เข้าใจศัพท์คำว่า วาทกรรรม แล้วเริ่มตระหนักถึงปฏิบัติการสงครามจิตวิทยามวลชน สงครามข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้น และใช้ปฏิบัติการล้างสมองพวกเขามาร่วม 4 ปี ...

และคงเป็นครั้งแรกเช่นกัน ที่ยายเฒ่าวัย 70 กว่า รับรู้ว่า ประเทศนี้ มีระบอบอำมาตยาธิปไตยคงอยู่มาช้านาน ขณะที่เยาวชนรุ่น 30 กว่าๆ ชักจะคุ้นหูกับถ้อยคำ “อภิชนาธิปไตย”

สภาวะการรับรู้ใหม่นี้ มิใช่เพราะ “สื่อเร็ว” อย่างเดียว หรือเพราะมีความแตกต่างหลากหลาย ที่จะเลือกรับหรือเลือกใช้เครื่องมือทางการสื่อสาร ...แต่การสื่อสารสองจังหวะ ยังเป็นอีกอานุภาพ ที่เปิดม่านการรับรู้ในชนบทให้เตียนโล่งได้ไม่ยาก

บิดาอยู่หลังภูเขา วัยห้าสิบเศษ ใช้มือถือโทรเข้าหาลูกสาวที่ทำงานในเมืองกรุง ขอร้องให้เปิดดูอินเทอร์เน็ต สงสัยว่าประธานาธิบดีฮอนดูรัส จะกลับเข้าสู่ประเทศได้หรือไม่? สหประชาชาติจะว่าอย่างไร? แล้วพ่อเฒ่าอาจสงสัยว่า เหตุใดตอนปี 2549 ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงไม่เลือกที่จะดิ้นรนสู้แบบประธานาธิบดีมานูเอล เซลายา?

รัฐบาลประชาธิปัตย์-กองทัพ หรือชนชั้นนำ อาจคิดว่า การสื่อสารคือระบบเส้นประสาทของการเมือง และอำนาจ ฉะนั้นการจัดการสื่อสารที่ครอบงำ มีประสิทธิภาพเท่านั้น จะเป็นตัวชี้ ทำให้อำนาจและการเมืองดำรงอยู่ได้?...

แต่ลืมคิดถึงความฉลาดที่เพิ่มขึ้นของคน?

วิธีคิดเช่นนี้ไม่ผิด แต่ใน พ.ศ. 2552 มันไม่ถูกต้องอีกแล้ว มันอาจเพราะมีสื่อใหม่มากนัก ทั้งอินเทอร์เน็ต วิทยุชุมชน SMS โฟนอิน คลิปมือถือ วิดีโอลิ้งค์...

แต่ที่สำคัญ คือปากต่อปาก จึงเป็นไปได้ยาก ที่จะตัดฐานการสื่อสารและการรับรู้ของประชาชน ซึ่งอาจต้องกระทำกันในขั้น ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ ห้ามครอบครองคอมพิวเตอร์ หรือควบคุมการส่ง SMS ตามไอเดียของสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อาจหนักสุดๆ ไปขนาดห้ามใช้กระแสไฟฟ้าทั่วประเทศไทย?

ทางเลือกของสื่อใหม่ๆ อาจสัมพันธ์ และเป็นนัยสำคัญต่อการรับรู้

แต่สิ่งที่เหนืออื่นใด ก็คือบรรดาตัวแสดงทางอำนาจของรัฐ กองทัพ หรือกลุ่มชนชั้นนำ ไม่เข้าใจสภาวะแวดล้อม หรือการรับรู้ในคุณภาพใหม่ของประชาชน...นี่เป็นงานวิจัย หรือโพลของหลายสำนัก ที่มองข้ามไป

เพราะการปกปิดข้อมูลข่าวสาร บิดเบือนข่าวสาร ความยากแค้นลำบากใจ สภาวะทางเศรษฐกิจที่แย่ลง ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ผู้คนต้องหาทางออก จึงหลอมเป็นเบ้าของสิ่งแวดล้อมใหม่ในการรับรู้ เพราะพวกเขาย่อมอยากจะรู้ว่า มันมีอะไรจริงๆ อยู่หลังฉากที่เกิดขึ้นในประเทศไทย?

ตอนนี้ ชาวบ้านยังอ่านเกมขาดว่า ยังไงประชาธิปัตย์ไม่ยอมแก้รัฐธรรมนูญ และยังคงไม่ยุบสภาเร็วนัก เพราะไงๆ เลือกก็แพ้ คงยื้อเอาไว้ให้นานมากที่สุด...

แล้วชาวบ้านยังอ่านหมากออกอีกว่า ประชาธิปัตย์หักกษิตแน่นอน ?

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker