โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
28 กรกฎาคม 2552
ความยุติธรรมเริ่มรำไรในชีวิตดาตอร์ปิโด ศาลตัดสินยกฟ้องคดีหมิ่นประมาทลิ้มหัวโจกก่อการร้ายและบุกรุกASTV แต่ยังผจญชะตามืดคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ศาลไม่ให้ประกันและพิจารณาคดีทางลับ แม้องค์การนิรโทษกรรมสากลยื่นมือช่วย สมัชชาสังคมก้าวหน้านัดผู้มีใจรักความเป็นธรรมเยี่ยมให้กำลังใจย้ำ"เราไม่ทอดทิ้งกัน"30ก.ค.นี้
วันนี้ (28 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.3634/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด เป็นจำเลยฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป กระทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นฯ ทำให้เสียทรัพย์ พยายามบุกรุก และหมิ่นประมาทผู้อื่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215, 310, 326, 328, 358 ตามที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวโจกผู้ก่อการร้ายพันธมิตรและASTVเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง และได้ตัดสินยกฟ้อง
โดยคำตัดสินมีว่า ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า คำเบิกความของพยานโจทก์ขัดแย้งกันเองในหลายประเด็น ขณะที่เทปบันทึกภาพเหตุการณ์ของเอเอสทีวี ซึ่งเป็นของผู้เสียหายที่ 2 ไม่ต่อเนื่องกันนับว่ามีข้อพิรุธ นอกจากนี้ องค์ประกอบความผิดของข้อหาก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ต้องดูต้นเหตุแห่งการกระทำว่ามีความประสงค์ต่อผลอย่างไร ผู้กระทำต้องมีเจตนาต่อการกระทำนั้นด้วยเห็นว่าสภาพสังคมในปัจจุบันมีความเชื่อแบบแบ่งฝ่ายต่างฝ่ายก็ต่างไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมีอำนาจทางบริหาร เมื่อพิจารณาประกอบพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยแล้วจำเลยได้กระทำไปเกี่ยวกับเรื่องการเมืองแต่ไม่ถึงกับมีเจตนาก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง
อีกทั้งพยานโจทก์ที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจก็เบิกความเจือสมว่าไม่มีใครเห็นจำเลยนำพวกเข้าไปขว้างปาขวด หิน และปิดล้อมบริษัทของพวกผู้เสียหาย แม้จะมีคนขว้างปาจริง แต่ก็จับกุมตัวใครไม่ได้ ขณะเกิดเหตุมีตำรวจรักษาการณ์เพียงสองนาย แต่มีผู้ชุมนุมเสื้อแดงกว่า 50 คน หากพวกจำเลยจะก่อภยันตรายก็สามารถทำได้ แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น แม้มีเหตุควรเชื่อว่าพวกผู้เสียหายอาจะถูกทำร้ายได้ แต่พวกผู้ชุมนุมได้ก่อตัวกัน 2 ชั่วโมงแล้วก็แยกย้ายกันไปเอง ไม่มีพยานโจทก์ปากใดยืนยันว่าจำเลยเป็นคนนำพวกเสื้อแดงไปขว้างปาหรือปิดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุ จำเลยจึงไม่มีเจตนาบุกรุกในเวลากลางคืน และหน่วงเหนี่ยวกักขังบุคคลอื่นด้วย
แม้การชุมนุมบนเวทีและด่าทอกันระหว่างผู้ชุมนุมเกิดขึ้น แต่ก็แยกย้ายและขาดตอนไปแล้ว มีเพียงพยานโจทก์เห็นดารณีใช้ไมโครโฟนด่าทอนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เสียหายที่ 2 ด้วยถ้อยคำหยาบคายในลักษณะหมิ่นประมาทเท่านั้น จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้จำเลยกลับตัว การลงโทษจึงคำนึงถึงวิชาชีพของจำเลย และเพื่อให้จำเลยพึงระมัดระวังในคำพูด โทษจำคุกฐานหมิ่นประมาทจึงให้รอลงอาญาไว้ แต่ให้ปรับ 5 หมื่นบาท ส่วนข้อหาอื่นให้ยก
ภายหลังฟังคำพิพากษา ดา ตอร์ปิโด ซึ่งอยู่ในชุดนักโทษเนื่องจากอยู่ระหว่างถูกคุมขังในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แสดงความดีใจโดยชู 2 นิ้ว และส่งยิ้มให้กับผู้สื่อข่าว โดยกล่าวว่าในที่สุดตนเองได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม ความเป็นธรรมมีจริง ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวเดินทางกลับเรือนจำ
เราจะไม่ทอดทิ้งกันเชิญเยี่ยมดาตอร์ปิโดที่คลองเปรม30ก.ค.นี้
สมัชชาสังคมก้าวหน้า (social move) แจ้งข่าวถึงมิตรสหายผู้รักประชาธิปไตย ขอเรียนเชิญท่านไปเยี่ยมเยียมคุณดา ตอปิโด ที่ฑัณฑสถานหญิง เรือนจำกลางคลองเปรมในวันที่ 30 ก.ค 52 เวลา 9.30 น.โดยแนวคิดคือ "เราไม่ทอดทิ้งกัน"
ท่านสามารถนำของฝาก อาหารแห้ง ของใช้ ดอกไม้ ฯลฯ ติดต่อสอบถามที่คุณอ้นวิทยุแท็กซี่ ontontnong@hotmail.com
เราไม่ทอดทิ้งกัน
-- ทางเดินของชีวิต --
ทางเดินสำหรับชีวิตมีอยู่เพียงสองทางเท่านั้น
นั่นคือต่อสู้เพื่อสัจจธรรมด้วยความกล้าหาญ
หรือยอมแพ้และตายอย่างทาส
เกียรติยศอันรุ่งโรจน์มีไว้สำหรับผู้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพ
และแก่ทาสนั้นหรือ สิ่งที่เขาพึงได้รับก็คือ หลุมศพของคนขลาด!
*กวีโดย มูสา จาลิล แปลโดยจิตร ภูมิศักดิ์อ้างใน "ถึงร้อยดาวพราวพรายกระจายแสง", สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน, หน้า 233-4
นับเป็นเวลา 1 ปีเต็มที่คุณดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด ได้ถูกจับกุมในคดีหมิ่นพระบรมราชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ช่วงเวลาที่ผ่านมาแม้จะมีการขอยื่นประกันตัวเธอหลายต่อหลายครั้ง แต่ศาลก็พิจารณายกคำร้องโดยตลอด ทั้งๆที่ ผู้ต้องหาอื่นในคดีเดียวกลับสามารถขอประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีได้
ขณะที่คุณดาต้องยืนหยัดต่อสู้เพียงลำพังในเรือนจำ เราได้ยินข่าวสารของเธออยู่บ้างจากผู้ที่ไปเยี่ยมเยียนเธอเป็นระยะ เราได้ติดตามอ่านข่าวของคุณดาด้วยความรู้สึกนับถือในหัวใจและจิตวิญญาณแห่งความเป็นเสรีชนของเธอ ไม่ง่ายเลยที่ใครสักคนต้องถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ จะยังสามารถรักษาความเข้มแข็งและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเอาไว้ได้ ภายใต้แรงกดดันจากสภาพแวดล้อมเหมือนที่เธอกำลังเผชิญ
ในวันนัดสืบพยานโจทย์คดีของเธอครั้งแรก ในวันที่ 23 มิ.ย. 2552 ศาลได้มีคำสั่งให้พิจารณาคดีดังกล่าวเป็น "การลับ" โดยคำสั่งดังกล่าวได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 177 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งได้สร้างข้อกังขาต่อสาธารณะชนทั่วไปถึงกระบวนการยุติธรรมของไทยในการพิจารณาคดีนี้
ดังที่องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ได้ส่งแถลงการณ์ถึงผู้สื่อข่าวต่อมาในวันที่ 26 มิ.ย. 2552 ความตอนหนึ่งในแถลงการณ์ระบุว่า "ภายใต้หลักกฎหมายสากล การพิจารณาคดีที่เปิดเผยต่อสาธารณะเป็นหลักสำคัญในการปกป้องสิทธิของปัจเจกบุคคลจากการพิจารณาคดีและกระบวนการเกี่ยวกับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม...เมื่อศาลปิดประตูห้องพิจารณา นั่นคือสัญญาณเสี่ยงต่อความอยุติธรรม"
แม้สัญญาณจากศาลที่จะดำเนินการพิจารณาคดีแบบปิดลับ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าคุณดาจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพียงพอในฐานะพลเมืองไทยคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนเจตจำนงในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคุณดา หาได้หวาดหวั่นต่ออำนาจอยุติธรรมเลย เธอยังคงยืนยันศักดิ์ศรีของความเป็นคนอย่างเต็มเปี่ยม
ดังคำแถลงที่คุณดาเขียนขึ้นในวันที่ 24 มิ.ย. 2552 คุณดาได้เผยแพร่คำแถลงถึง "สื่อมวลชนและพี่น้องผู้รักความเป็นธรรม" ต่อกรณีการพิจารณาคดีแบบปิดลับของศาล โดยบางส่วนของคำแถลงคุณดาได้เขียนว่า
"ข้าพเจ้าขอประณามว่าการพิจารณาคดีโดยลับนั้นเป็นการทำลายหลักการยุติธรรมของกฎหมายโดยสิ้นเชิง วันนี้เมื่อ 77 ปีก่อน มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาสู่ระบอบประชาธิปไตย ผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองยืนยันในหลักการที่จะให้ราษฎรได้รับความยุติธรรมมาก ขึ้นกว่าจากเดิมที่เคยถูกกดขี่จากผู้ปกครองโดยตามอำเภอใจ แม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่เคยมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แต่ข้าพเจ้าขอสรรเสริญเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่ดังกล่าว แม้ว่าในวันนี้ข้าพเจ้าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่ก็เชื่อมั่นว่าเจตนารมณ์ ของคณะราษฎรผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 จะต้องได้รับชัยชนะในที่สุด”
22 กรกฎาคม 2552 เป็นวันครบรอบ 1 ปีเต็มที่คุณดา ถูกจับกุมและคุมขังอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมตามสิทธิทางกฎหมาย เราจึงขอเชิญพี่น้องเสรีชนผู้รักความเป็นธรรมทั้งหลาย ไปร่วมให้กำลังใจแก่คุณดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด นักสู้ประชาธิปไตยผู้ทรนงของพวกเรา ที่หน้าเรือนจำกรุงเทพใต้ (บางขวาง) ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2552 เวลา 09.30 น.
ทั้งนี้ขอให้ผู้ร่วมไปให้กำลังใจคุณ นำดอกไม้และป้ายผ้าให้กำลังใจคุณดามาพร้อมเพรียงกัน เราจะส่งแรงกำลังใจไปสู่คุณดาในยังอีกฟากของกำแพงซี่กรงขังของเรือนจำว่า "เราจะไม่ทอดทิ้งกัน"
ท้ายนี้ สมัชชาสังคมก้าวหน้าขอนำบทกวี "นอกกฎหมาย" ของคุณไม้หนึ่ง ก.กุนที เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคุณดา รวมไปถึงเสรีชนผู้รักความเป็นธรรมทั้งหลาย และขอไว้อาลัยต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย
เสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จงเจริญ!
คุกไม่อาจกักขังกวี
๏ คุกไม่อาจกักขังกวี และจะไม่ขอความปรานีศาล
ตุลาการเมื่อรับใช้เผด็จการ ถึงเวลาสร้างศาลประชาชน
๏ คุณให้ท้ายกลุ่มลัทธิคลั่งอำนาจ สิทธิ์เสรีประชาชาติถูกชิงปล้น
เสาะแสวงทุกวิธีให้จำนน ไม่ยอมรับ 1 เสียงของพลเมือง
๏ รุมปลูกฝังตรรกะวิปริต ชุดความคิดมอมเมาให้คนเชื่อง
ติดคุณธรรมความดีที่เปล่าเปลือง เพราะเบื้องหลังอำพรางอาชญากรรม
๏ คุณฆ่ากลุ่มความคิดที่ก้าวหน้า คนชั้นล่างที่ต้นทุนสังคมต่ำ
อ่อนจริตมารยาทแต่งชี้นำ จองจำเขาในความจน อด เจ็บ ตาย
๏ คุกไม่อาจกักขังกวี และล้านล้านเสรีชนทั้งหลาย
จะกู่ก้องก่นประณามคุณเรื่อยไป กว่ากฎหมายจะรับใช้มหาชน.
โดย ไม้หนึ่ง ก.กุนที