ไม่มีมูลฝอย หมาคงไม่ขี้?? แล้วมูลเหตุมันเกิดขึ้นจากอะไร?? กรณีกระแสข่าวที่ว่าจะมีการสั่งปลด ผบ.ตร. “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” น้องชายสุดเลิฟของ “พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ” รมว.กลาโหมทำไมเรื่องราวถึงได้ บานปลาย มาจนถึงจุดนี้?? คดียิง “สนธิ ลิ้มทองกุล” ถือเป็น คดีพิเศษ
ที่กำลังถูกจับตามอง โดยเฉพาะการสาวไปให้ถึงตัว “ผู้บงการ”ซึ่งเป็นหน้าที่รับผิดชอบหลักของ รอง ผบ.ตร.“พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์” ซึ่งท่านก็กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถในการจับตัว “ผู้กระทำผิด” มาลงโทษแต่ไม่ใช่เรื่องง่าย...เพราะหลายครั้งเรามักได้ยินสม่ำเสมอกับคำว่า “เจอตอ”โดยเฉพาะหากนิยามความหมายคำว่า เจอตอ ของนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” สามารถตีความแปลความหมายได้ 2 อย่างนั่นคือ “คนที่ใหญ่คับบ้านคับเมือง” หรือไม่อย่างงั้นก็“คนกันเอง”แน่นอนว่า...ประเทศนี้เมืองนี้ยังมีผู้ที่ “อยู่เหนือกฎหมาย”เพราะจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “สนธิ” ประชาชนที่เห็นสภาพรถด้วย “คมกระสุน” กว่าร้อยนัดมองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้ว ต้องเป็น “บุคคลที่ไม่ธรรมดา”เพราะแม้แต่ นายกฯ อภิสิทธิ์ ยังออกมาให้สัมภาษณ์ในเชิงที่ว่า...คดีการลอบสังหาร “สนธิ” ยังมีข้อมูลหลายฝ่ายไม่ตรงกันถึงขนาด “ลงทุน” พร้อมที่จะลุยหาข้อมูลด้วยตนเอง!!สิ่งที่ท่านนายกฯ พูด...แสดงว่าข้อมูลที่ใช้ยืนยันถึงตัว“ผู้ต้องหา” ที่ออกหมายจับไปแล้วมีข้อมูลไม่ตรงกัน...ขัดแย้งกันเมื่อเป็นเช่นนี้ในขั้นตอนต่อไปของ “การสืบสวน”พยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวผู้กระทำผิดขัดกันผลลัพธ์ “คำตัดสิน” จะไม่ต้องยกประโยชน์ให้กับความสงสัยในตัวจำเลยอย่างนั้นหรือดังนั้น การที่ พล.อ.ประวิตร จะออกอาการเป็นห่วงน้องชายพล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.ธานีย่อมเป็นความรู้สึกในสายเลือดที่บุคคลทั่วไปพึงมี
เพราะหาก “คดีไม่คืบ” หรือคดีนี้ “จบไม่ลง” นั่นหมายถึงพล.ต.อ.พัชรวาท ต้องตกเป็นเป้าที่ทางรัฐบาลจะทำการ“สั่งปลด” ออกจากตำแหน่งโดยเฉพาะแรงกดดันจากบุคคลทางฟากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ต้องการอยากให้คดีนี้จบลง“โดยเร็ว”แน่นอนว่า...ภาพที่ออกมาระหว่าง รัฐบาลประชาธิปัตย์ กับกลุ่มพันธมิตรฯ ดูเป็นมิตรมากกว่าที่จะเป็นศัตรูการที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมา “ไล่บี้” การทำงานในด้านคดีของทางเจ้าหน้าที่ “ตำรวจ” คงทำให้ รัฐบาลประชาธิปัตย์เกิดความรู้สึก “อึดอัดใจ” อยู่ไม่น้อยไหนจะมิตร...ไหนจะมวลชน...และไหนจะเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวกับ “พล.อ.ประวิตร” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อน“ประชาธิปัตย์” ให้มีทุกวันนี้ไม่รู้จะเลือกใคร...แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเลือก เพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์ต้องเอาของสำคัญ 3 สิ่งไว้กับตัวหากขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใด...เท่ากับว่า “หายนะ” คงใกล้เข้ามาเยือนไม่งั้นเราจะได้เห็นภาพ “ความง่อนแง่น” กันระหว่างอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ อย่างนั้นหรือ??อภิสิทธิ์ จะปลด ผบ.ตร. แต่ สุเทพ รองนายกฯ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่ปลด” มันหมายความว่าอย่างไร??ชัดเจนใช่ไหมว่า “อภิสิทธิ์” ต้องเกรงใจผู้คนรอบข้างเพราะการก้าวขึ้นตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เนื่องจากมีผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนอุ้มชูมากถึงวันนี้จึงกลืนไม่เข้า...คายไม่ออก!!ถ้าหากท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ สั่งปลด พล.ต.อ.พัชรวาทโดยที่ไม่ฟังเสียงคนรอบข้าง เชื่อว่าปัญหาจะต้องเพิ่มพูนเป็น“ดินพอกหางหมู”ไม่ใช่จะมีคนมองท่านว่า “ไม่โดนครอบงำ” หรือคดียิงสนธิจะตรงไปตรงมา หรือเป็นการสลายขั้วตำรวจ
แต่คนจะมองนายกฯ อภิสิทธิ์ ว่า...เป็นการกระทำเพื่อดึงเวลา ขายผ้าเอาหน้ารอด ไปวันๆ...เพราะหากตัวของพล.ต.อ.พัชรวาท เป็นตอ ส่งผลให้การสืบสวนคดี “ไม่ราบรื่น”ดังนั้น จะไม่โยงไปถึงบิ๊กกลาโหมอย่าง “พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ” ซึ่งมีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันกับ พล.ต.อ.พัชรวาทอีกทั้งจะไม่โยงไปถึงรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง “สุเทพเทือกสุบรรณ” อย่างนั้นหรือ?? ในเมื่อเขาจัดตั้งรัฐบาลมาด้วยกันย้อนไปเมื่อ 17 เม.ย.52 คำสั่งการแบ่งมอบหมายอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบใหม่ทั้งหมด ระดับรอง ผบ.ตร.และ ผู้ช่วย ผบ.ตร.การฟอร์มทีม 3 ประสาน อันมี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์-พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง-พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชาเพื่อประสานการสอบสวนเชื่อเถิดว่า...ไม่ช้าก็เร็ว กลุ่มผู้สอบสวนคณะนี้จะถึงบทส่งท้าย...ยกเว้นแต่จะมีการยื้อช่วยกันไว้เพื่อหวังผลเรื่องทั้งหมดชาวบ้านเขารู้แล้วว่า ใครเป็นใคร...ใครทำอะไร??เพียงแต่กำลังดูว่า ผู้ที่มีหน้าที่ ที่รับกินเงินเดือนภาษีของประชาชนคนไทย จะหาทางลงอย่างไรเท่านั้นเองชีวิตของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” เป็นสิ่งมีค่าที่จะทำให้คนไทยได้เห็นอะไรอีกเยอะแยะมากมายที่สำคัญ คือ...การทำงานของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องหากบุคคลใดไม่ทำก็จะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แต่หากทำก็คง “เจอตอ” อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แม้แต่นายกฯ เอง ก็เข้าไปอยู่ในแหปากนี้ด้วย!! ■