นายวีระกล่าวว่า ขณะนี้จำนวนผู้ลงชื่อได้เกินเป้าหมายคือจำนวน 1 ล้านคนแล้ว ขั้นต่อไปจะนำรายชื่อดังกล่าวไปทูลเกล้าถวายฎีกาตามที่ตั้งใจเอาไว้ โดยในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการรวบรวมรายชื่อถวายฎีกา ซึ่งจะมีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่บริเวณท้องสนามหลวงด้วย
บอกเห็นอำมาตย์ต้านตั้งแต่ "เบี้ย-ขุน"
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นับแต่คนเสื้อแดงเริ่มเดินหน้ารวมชื่อถวายฎีกาฯ เราก็พบกับการเคลื่อนไหวต่อต้าฯ ขัดขวาง และตั้งข้อกล่าวหาต่างๆ โดยคนกลุ่มเดินที่พวกเราเรียกกับว่าอำมาตยธิปไตย ที่เคยร่วมกับขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเราเรียกกระบวนการเหล่านี้ว่า "เกมล้มฎีกา" โดยเท่าที่ติดตามอยู่ตลอดก็พบว่า การล้มฎีกามีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนเรียกได้ว่าเห็นตัวผู้เล่นจนหมดตั้งแต่เบี้ยถึงขุน อย่างการประชุมองคมนตรีซึ่งมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี นั่งหัวโต๊ะ ก็พูดถึงเรื่องนี้ด้วย โดยเราถือว่าพล.อ.เปรมและองคมนตรีบางคน เป็นตัวขุนในเกมล้มฎีกา
ดักคอภท.ออกโรงต้าน แลกเนวินพ้นผิดคดีกล้ายาง
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนตัวเบี้ย คือ พรรคภูมิใจไทยที่นำหัวหน้าพรรคและรัฐมนตรีในสังกัดมานั่งแถลงคัดค้านการถวายฎีกา ที่ทำให้ตนแปลกใจว่าทำไมพรรคภูมิใจไทยถึงความรู้สึกช้านัก เพราะนับแต่คนเสื้อแดงเริ่มรวบรวมรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน ก็มีหลายฝ่ายออกมาต่อต้านจนเกือบหมดแล้ว จึงอดคิดไม่ได้ว่า คนที่อยู่เบื้องหลังพรรคภูมิใจไทยที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในจังหวัดบุรีรัมย์อาจจะไปทำข้อตกลงอะไรบางอย่างกับมหาอำมาตย์ ซึ่งตนขอเรียกว่าเป็นข้อตกลงมหาประลัยอะไรเอาไว้หรือไม่
"อยากให้จับตาวันที่ 17 สิงหาคมนี้ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตการจัดซื้อกล้ายาง ที่นายเนวิน ชิดชอบ เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาสำคัญ ว่าจะมีผลออกมาอย่างไร เพราะพวกผมสงสัยว่าอาจมีการแลกเปลี่ยนอะไรหรือไม่ และดีลมหาประลัยมีจริงหรือไม่" นายณัฐวุฒิ กล่าว
เล็งจัดงาน"ดับทุกข์ทั้งแผ่นดิน"ที่สนามหลวง31ก.ค.นี้
นายณัฐวุฒิ เปิดเผยว่า ทราบว่าวานนี้ (28 กรกฎาคม) อธิบดีคนหนึ่งในกระทรวงหนึ่ง ที่มีผลต่อการให้คุณให้โทษกับผู้ให้บริการแท็กซี่ ได้เรียกแท็กซี่จำนวนมากไปที่อาคารสิริภิญโญ เพื่อประชุมวางแผนให้แท็กซี่ไปรวมตัวกันที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ เวลา 10.00 น. เพื่อคัดค้านการถวายฎีกาของคนเสื้อแดง โดยจะติดสติกเกอร์ที่มีข้อความว่า อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแบ่งแยกประชาชน ไว้ที่แท็กซี่แต่ละคัน
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวอีกว่า ในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ คนเสื้อแดงจะจัดงานรวบรวมรายชื่อครั้งสุดท้าย ที่บริเวณท้องสนามหลวง โดยเวลา 12.00-17.00 น. เป็นการเปิดรับรายชื่อถวายฎีกาโดยจะให้ผู้อาวุโสแกนนำคนเสื้อแดง อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายวิสา คัญทัพ นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ฯลฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือเองกับมือ ซึ่งจะมีการเตรียมกลองยาวและวงมโหรี 10 ชุดไว้รอต้อนรับ จากนั้นจะเป็นการปราศรัยสลับแสดงดนตรีจนกระทั่งเวลา 24.00 น.ก็จะแยกย้ายกันเดินทางกลับออกไป โดยไม่มีการเคลื่อนขบวนไปที่ไหน ทั้งนี้ฉากหลังของเวทีจะใช้ข้อความ "ถวายฎีกาดับทุกข์ทั้งแผ่นดิน"
"เรามองว่าเกมล้มฎีกาเป็นเรื่องน่าสังเวช อย่างเมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา มีชายฉกรรจ์แฝงตัวมาป้วนเปี้ยนดูการลงชื่อของพี่น้องคนเสื้อแดง และกลางดึกของวันที่ 25 กรกฎาคม ก็มีการลงมืองัดห้องโกดังเก็บของ ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น จึงเชื่อว่าอาจเป็นการงัดห้องเพื่อหารายชื่อถวายฎีกา แต่อยากจะบอกสมุนอำมาตย์คนดังกล่าวว่า ช้าไปแล้วต๋อย เพราะเราได้นำรายชื่อไปตรวจสอบและเก็บไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นัดแต่งดำทั่วปท.3ส.ค.
แกนนำคนเสื้อแดงคนนี้ ยังกล่าวถึงการเตรียมแถลงผลงานรัฐบาล 6 เดือนในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ว่า ตลอด 6-7 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีผลงานการแก้ปัญหาสังคม การเมือง เศรษฐกิจแต่อย่างใด และไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเลย ดังนั้นวันดังกล่าวคนเสื้อแดงทั่วประเทศจะใส่เสื้อสีดำหนึ่งวัน เพื่อแสดงความเสียใจที่ประเทศไทยได้รัฐบาลที่มีที่มาไม่เป็นประชาธิปไตยมาบริหารประเทศ และเสียใจที่ประเทศไทยต้องตกอยู่ภายใต้ระบอบอำมาตยาธิปไตย โดยคนเสื้อแดงหวังใจว่า เมื่อนายอภิสิทธิ์ซึ่งเคยอวยพรวันเกิดพ.ต.ท.ทักษิณ (ผ่านเว็บบล็อกทวิตเตอร์) ว่าอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณดวงตาเห็นธรรมแล้วจะมีความสุขมากขึ้น ก็อยากให้วันดังกล่าวนายอภิสิทธิ์ดวงตาเห็นดำด้วย
"จตุพร" บอกใครก็หยุดแดงถวายฎีกาไม่ได้
ด้าน นายจตุพร กล่าวว่า การที่ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิช องคมนตรีคนหนึ่ง ออกมาให้ข่าวว่า นอกจากคนเสื้อแดงถวายฎีกาไม่ได้แล้วนั้น บัดนี้ยังพบว่ามีอดีตนายกฯคนหนึ่ง กำลังโยกเงินไปที่เกาะเคย์แมน เพื่อที่จะมาเคลื่อนไหวในประเทศไทย จำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท ก่อนหน้านี้ช่วงสงกรานต์เลือดพล.อ.พิจิตรก็เคยมาพูดจาเช่นนี้ครั้งหนึ่ง ตนไม่ทราบว่าพล.อ.พิจิตรเป็นอัลไซเมอร์หรือไม่ แต่ตนก็ได้ข่าวมาก่อนหน้าว่ามีองคมนตรีคนหนึ่งไปดื่มไวน์แล้วฉี่รดกางเกงในงานเลี้ยงจนอับอายขายขี้หน้า และตนก็คิดว่าคนที่เป็นองคมนตรีจะมาพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ไม่ได้ เพราะการที่อ้างว่ามีการโอนเงิน 1.8 หมื่นล้านเข้าประเทศ เพื่อจะโยงว่านำมาจ้างในการถวายฎีกา สอดคล้องกับที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล คนที่เป็นองคมนตรีไม่ควรเป็นคนเฮงซวย ควรจะเป็นคนที่มีเกียรติ ถ้าจะพูดอะไรไม่ควรใช้วิธีกล่าวหาใคร แต่พล.อ.พิจิตรใช้วิธีการแบบนี้มา 2 ครั้งแล้ว
"วันนี้ไม่ว่าจะเป็นพล.อ.เปรม พล.อ.สุรยุทธ์ พล.อ.พิจิตร หรือใครก็ตาม เขาไม่มีทางมาหยุดยั้งคนเสื้อแดงได้ ที่ท้องสนามหลวงมีการตั้งเวทีล็อคพื้นที่ อ้างว่าจะใช้จัดงานวันเฉลิมพระชมน์พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทั้งที่มีเวลาเหลืออีกครึ่งเดือน เอาเป็นว่าคนเสื้อแดงจึงย้ายเวทีมาอีกฟากหนึ่ง ฝั่งสะพานพระปิ่นเกล้าแทน ซึ่งจะทำให้พี่น้องประชาชนเต็มถนนราชดำเนินได้ ที่กทม.บอกว่าไม่ให้ชั้นนั้น ปกติกทม.ก็ไม่เคยให้เราใช้อยู่แล้ว" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพรยังกล่าวโจมตีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ยอมให้การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนเมื่อปี 2475 โดยอ้างว่า กำหนดการถวายฎีกา 8 สิงหาคมตรงกันวันเสียงปืนแตก และจะมีประชาชนจับอาวุธสู้กับรัฐบาล เป็นการเตี๊ยมกันระหว่างนายสุเทพกับคนถาม นายสุเทพพูดเท็จ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะคนเสื้อแดงไม่ใครบอกว่าจะทำเหมือนปี 2475 และการที่บอกว่าจะยื่นถวายฎีกาต่อสำนักราชเลขาธิการวันที่ 7 สิงหาคม ก็เป็นเพียงการคาดคะเนของตนเท่านั้น ว่าหลังจากปิดรวมรายชื่อถวายฎีกาในวันที่ 31 กรกฎาคม อาจจะต้องใช้เวลา 7 วันเพื่อตรวจสอบรายชื่อ และทำสำเนาส่งให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ
"วีระ" เล่นลิ้น บอกใครขวางถวายฎีกาไม่จงรักภักดี
ขณะที่ นายวีระ กล่าวเสริมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยรับสั่งถึงหน้าที่ขององคมนตรีว่า องคมนตรีมีหน้าที่ให้คำปรึกษากับพระมหากษัตริย์ การไปให้คำปรึกษากับคนอื่นไม่ถือเป็นองคมนตรี ดังนั้นพล.อ.เปรมและองคมนตรีบางคนที่ไม่รู้หน้าที่จึงสมควรลาออกจากตำแหน่งได้แล้ว
นายวีระ กล่าวว่า องคมนตรีเลอะเทอะไปพูดถึงเรื่องการโอนเงินมากมายก่ายกองต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าคำกล่าวนั้นเป็นความจริง ต้องเอาหลักฐานมา ถ้าหากว่ายังเลอะเทอะอยู่ก็ควรจะลาออกจากองคมนตรี เพราะเงิน 1.8 หมื่นล้านบาทในต่างประเทศมันไม่มีอยู่ หากจะมีการโอนเงินจริง จะต้องทำให้เงินดอลลาร์ และจะนำเข้าประเทศไทยทางไหน ทางเรือหรือแบกเข้ามา แถมเมื่อเอาเข้ามาแล้วก็ต้องไปแลกที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ดังนั้นสิ่งที่พล.อ.พิจิตรพูดจึงเป็นเรื่องที่เหลวไหล
"องคมนตรีไม่มีหน้าที่ที่จะเป็นกำแพงกั้นขวางระหว่าง พสกนิกรที่จงรักภักดีกับพระมหากษัตริย์ ถ้าพสกนิกรมีความทุกข์อยากจะขอพระราชทานพระเมตตาบารมีจากองค์พระประมุขจะต้องไม่มีใครกีดกั้น ใครทำตัวเป็นตัวกลางกีดกั้นสิ่งนี้ คนๆนั้นแหล่ะครับ คือคนที่ทำลายสถาบัน ชัดเจน" นายวีระ กล่าว
"นพดล"โต้องคมนตรีไม่ฟอกเงินท้า"บิ๊กเสือ"ส่งให้ปปง.-ดีเอสไอสอบ
นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าว พล.อ.พิจิตร กุลวณิช องคมนตรีระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ฟอกเงินจำนวน 1.8 หมื่นล้านบาทเพื่อป่วนประเทศ ว่า พล.อ.พิจิตรเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองการมีข้อมูลในเรื่องนี้หากเป็นเรื่องจริงควรไปแจ้งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) หรือหน่วยงานของรัฐได้ดำเนินการจับกุม หรือไม่แจ้งพรรคเพื่อไทยรับทราบเพื่อตรวจสอบ ซึ่งพรรคเพื่อไทยยินดีที่จะให้ความร่วมมือด้วยเพราะเรื่องนี้ถือเป็นกระทำที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามไม่อยากให้นำประเด็นดังกล่าวมากล่าวหากันลอยๆ เพราะหากพูดไม่จริงก็จะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย
"ยืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ฟอกเงิน และไม่มีเงินจำนวนมากขนาดนั้น เพราะเงินของท่านถูกอายัดไปหมดแล้ว และยังระหกระเหินในต่างประเทศอีก ดังนั้นอยากขอความเป็นธรรมจากพล.อ.พิจิตรซึ่งถือเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองด้วย"นายนพดลกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าข่าวการฟอกเงินสอดรับกับข่าวการลงทุนธุรกิจต่างๆจำนวนมากของพ.ต.ท.ทักษิณ ในต่างประเทศ นายนพดล กล่าวว่า การลงทุนของพ.ต.ท.ทักษิณบางโครงการไม่ได้ลงทุนคนเดียว แต่ได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจรายอื่นด้วย ซึ่งโครงการแต่ละโครงการไม่ได้มีมูลค่าถึงหมื่นล้าน
นายนพดล กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวจากที่ประชุมองคมนตรีที่มีการหยิบยกกรณีคนเสื้อแดงเข้าชื่อถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ โดยเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าไม่สามารถทำได้ ว่า การเข้าชื่อของคนเสื้อแดงเป็นเรื่องที่ประชาชนดำเนินการกันเอง เพราะสงสารพ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่ต้องการให้เรื่องนี้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ส่วนจะถูกตีตกหรือไม่นั้นก็ต้องว่ากันไปตามระเบียบและกฎหมายรัฐธรรมนูญ