โดย จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา คอลัมน์ผมเป็นข้าราษฎร นสพ.Thai red news ฉบับ 3 ก.ค.52
3 กรกฎาคม 2552
นี่คือเรื่องของคนๆ หนึ่งที่ทำอะไรบางอย่างแล้วเกิดถูกใจคนเป็นจำนวนมาก จนความอิจฉาริษยา การสุมหัวกันทำลายและทำร้ายคนอื่น และการลากตัวเข้าคอกหรือค่ายเพื่อให้อยู่ใต้อำนาจของเถ้าแก่ที่ไหนสักคนหนึ่งหรือบริษัทหนึ่ง ไม่อาจระคายผิวได้เลย
ขณะที่ผมเริ่มเขียนบทความชิ้นนี้ ข่าวการตายของ ไมเคิล แจ๊คสัน นักร้องระดับโลก กำลังเดือดพล่านอยู่ในจอโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ หน้าจอคอมพิวเตอร์ และคงจะเป็นข่าวใหญ่ต่อไปอีกหลายวัน
ศิลปินอเมริกันผู้อื้อฉาวจากโลกนี้ไปในวัย ๕๐ ปี หลังจากที่เขาหยุดหายใจ และถูกนำส่งโรงพยาบาลในนครลอสแองเจลิส ข้อสันนิษฐานขั้นต้นคือแจ๊คสันหัวใจวายอย่างกระทันหัน
ผมไม่ใช่แฟนระดับมหากาฬของไมเคิล แจ๊คสัน แต่ได้ติดตามอัลบั้มเพลงต่างๆ มาตลอด ในใจก็ชื่นชมว่าศิลปินที่เริ่มดังมาตั้งแต่อายุ ๑๐ ขวบกับวงครอบครัวคือ “แจ๊คสัน ๕” และรักษาความดังชนิดมีคุณภาพมาได้นานถึง ๔๐ ปีเต็มๆ นั้นไม่ธรรมดา ไม่น่าแปลกใจที่เขากลายเป็นตำนานไปตั้งแต่ยังเป็นๆ
ระหว่างนั่งดูและนั่งอ่านข้อมูลต่างๆ ที่พลุ่งขึ้นมาราวกับลาวาเดือด ใจผมกลับไปนึกถึงสังคมไทยและการเมืองไทยขึ้นมาแทน จะเพราะอะไรก็ไม่รู้
ผมนึกในใจว่าเด็กไทยที่มีความสามารถทางศิลปะ และมีความแหวกแนวไม่เหมือนใคร เขาจะมีโอกาสโผล่พ้นน้ำขึ้นมาจนสูงเยี่ยมเทียมฟ้าเหมือนกับ ไมเคิล แจ๊คสัน คนอเมริกันผิวดำผู้เป็นผลผลิตของสังคมอเมริกันหรือไม่
เพราะ ไมเคิล แจ๊คสัน อื้อฉาวอยู่ในสายตาของสื่อมวลชนอเมริกันและโลกโดยตลอด ตั้งแต่การทำธุรกิจแบบก้าวร้าวดุดันจนทำให้ความสัมพันธ์กับอดีตสี่เต่าทอง-พอล แม็คคาร์นี่ย์ ถึงกับขาดสะบั้น มาจนถึงข้อกล่าวหาว่าลวนลามเด็กผู้ชายอายุ ๑๔ ปี ซึ่งเป็นความกันนานหลายเดือน และเปิดเผยด้านมืดของแจ๊คสันอย่างเอร็ดอร่อยสำหรับคนที่ชอบเสพย์ความทุกข์ของผู้อื่นเป็นภักษาหาร เมื่อเขาทำท่าจะล้มพับเอาบ่อยๆ จากปัญหาสุขภาพ จนถึงขั้นล้มคอนเสิร์ตอยู่หลายครั้ง รวมทั้งในเมืองไทยด้วย ก็มีคนเขียนข่าวในทางซ้ำเติมทิ่มแทงอยู่มิได้ขาด
แต่ ไมเคิล แจ๊คสัน ก็ยังข้ามหัวคนเหล่านี้ไปผูกใจกับแฟนานุแฟนที่มีมากมายทั่วโลกได้ โดยนายหน้าค้ามวลชนเหล่านี้ทำอะไรไม่ได้
ก็ไม่ต้องมองไกลหรอกครับ คอนเสิร์ตที่กำลังจะมีขึ้นในอังกฤษก่อนหน้าที่ราชาเพลงป๊อปจะหมดลมหายใจ ขายบัตรทั้งหมดได้ในเวลา ๔ ชั่วโมง นี่เราพูดถึงบัตรคอนเสิร์ตทั้งหมด ๗๕๐,๐๐๐ ใบ แยกเป็นชนิด VIP ใบละ ๑,๑๐๐ เหรียญฯ (๓๘,๕๐๐ บาท) แบบทั่วไปใบละ ๑๐๕ เหรียญฯ (๓,๖๗๕ บาท) และซื้อได้ไม่เกิน ๔ ใบต่อหนึ่งคน ข่าว CNN รายงานว่าเขาเปิดขายบัตรในวันศุกร์ แต่แฟนๆ ไปนอนรอกันตั้งแต่วันพุธโน่น
นี่คือเรื่องของคนๆ หนึ่งที่ทำอะไรบางอย่างแล้วเกิดถูกใจคนเป็นจำนวนมาก จนความอิจฉาริษยา การสุมหัวกันทำลายและทำร้ายคนอื่น และการลากตัวเข้าคอกหรือค่ายเพื่อให้อยู่ใต้อำนาจของเถ้าแก่ที่ไหนสักคนหนึ่งหรือบริษัทหนึ่ง ไม่อาจระคายผิวได้เลย
ถ้า ไมเคิล แจ๊คสัน เกิดและโตในเมืองไทย ป่านนี้คงถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ด้วยคมปากกาของคนใจดำในเมืองไทยที่อวดอ้างตนเองว่าเป็นเมืองพุทธ แต่กลับใจร้ายต่อกันอย่างชนิดที่คนถือผีเขายังไม่ทำ
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๙ ผมพูดเรื่องปัญหาของระบบอุปถัมป์ในสังคมไทย และได้รับข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาแล้ว แต่วันนี้ต้องย้ำเตือนอีกว่า จะกล่าวหามดเท็จอย่างไรก็ทำเถิด แต่ความจริงคือระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทยได้ลุกลามครอบงำสังคมไทยเหมือนมะเร็ง แผ่ซ่านไปทำลายความสร้างสรรค์ และความเป็นอิสระของคนไทยในทุกวงการจนแทบจะหาคนเก่งไม่ได้ ทุกคนเติบโตโดยมีเซลล์มะเร็งในตัว เหมือน ฟาร์ร่า ฟอว์เส็ตต์ “นางฟ้าชาลี” ในวัย ๖๒ ที่ตายในวันเดียวกับแจ๊คสัน แต่เป็นข่าวน้อยกว่ากันมากนั่นล่ะครับ
เหตุที่ระบบอุปถัมภ์เจริญงอกงามได้มากในสังคมไทยเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ก็เพราะเมืองไทยเรามีระบอบ และระบบทางการเมืองที่เป็นอาหารหล่อเลี้ยงวัชพืชชนิดนี้ไว้ในสังคมของเรามากกว่าใครเขา
ในระบอบประชาธิปไตยนั้น เราเน้นที่ความเสมอภาคและเท่าเทียมกันของคน ซึ่งเป็นเรื่องหายากเพราะคนมักอยากจะใหญ่โตร่ำรวยและเหนือกว่าคนอื่นๆ อยู่ในสันดาน แต่ระบบการเมืองในระบอบประขาธิปไตยนั้นเอง ต้องพยายามสร้างสิ่งดีงามเหล่านี้มาป้อนสังคมไว้เรื่อยๆ เหมือนธรรมาธรรมะสงคราม จะปล่อยให้ด้านมืดเข้าครอบงำสังคมแต่สถานเดียวมิได้ ต้องสร้างพฤติกรรมสวนสันดานเอาไว้เสมอ
แต่ในระบอบเผด็จการของเรานั้น เน้นที่ตัวผู้มีอำนาจเป็นหลัก สอนกันมาทีเดียวว่า “ไม้ซีกอย่าไปงัดไม้ซุง” “น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ” “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” “ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย” เป็นต้น เกือบหาไม่ได้ที่จะสอนว่า เจ้าจงรักษาหลักการแห่งความดีไว้ด้วยชีวิต พร้อมเผชิญกับคนฝ่ายตรงข้ามที่คอยกดหัวเราให้ต่ำต้อยกว่าอยู่ตลอดไป อันเป็นปณิธานขั้นแรกของคนชนิดที่จะรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ให้รอดได้
ชีวิตของ ไมเคิล แจ็คสัน บอกเราว่า ใครจะรักจะเกลียด หลงใหลใฝ่ฝันหรือสะอิดสะเอียนอย่างไร ก็ตาม ถือเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่มิใช่พรหม แต่สังคมต้องคอยสกัดกันมิให้ความรู้สึกอย่างปุถุชนเหล่านั้นงอกขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่าง จนถึงขั้นทำลายสิทธิและเสรีภาพของมนุษย์คนนั้นๆ ได้
ในเมืองไทยของเราที่รับอำนาจคุ้มหัวลงมาเป็นขั้นๆ ชนิดเกิดมาก็มีนายและมีหนี้ล้นพ้นหัว ส่งผลต่อเนื่องให้ความเป็นตัวตนหรือเอกลักษณ์ของคนแต่ละคน ที่เราอาจเรียกว่าความสร้างสรรค์หรือความสามารถพิเศษนั้นเกิดขึ้นไม่ได้
ผมไม่ได้บอกว่า พีท ทองเจือ หรือ สมชาย เข็มกลัด หรือ เนาวรัตน์ ยุกตะนันทน์ เป็นคนดีที่หาข้อบกพร่องมิได้ในวงการบันเทิงเมืองไทย แต่อดรู้สึกไม่ได้ว่าความโกรธเกลียดหรือความชิงชังที่ลอยผ่านสื่อมาเป็นระยะๆ คือบทลงโทษชนิดหนึ่ง ต่อคนที่เจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ของราชอาณาจักรอุปถัมป์แห่งนี้เขามองว่าน่าหมั่นไส้ เพราะไม่เข้าพวกและต้องทำให้มันเจ็บตัวเจ็บใจที่ไม่รู้จักหาพวกเอาไว้คุ้มกะลาหัวเสียบ้าง
เมื่อโยงกลับไปการเมือง จะพบว่าใครที่มีแนวคิดปฏิวัติจะถูกลงโทษในขั้นต้นด้วยการชวนให้มองกันว่าบ้าบอ ไม่เข้าพวก (ซึ่งแปลว่าไม่มีพวก) และแหวกแนว ในสังคมที่ทุกคนเดินตามกันเหมือนควายเดินเข้าคอกเมื่อเสร็จภารกิจไถนา สิ่งมีชีวิตตนใดที่บ้าบอ ไม่เข้าพวก และแหวกแนว จะถูกลงโทษอย่างรุนแรงจนถึงขั้นไล่ออกไปจากกลุ่มทั้งนั้น และควายที่เหลือในคอกก็จะแอบหัวเราะกันคิกคัก เพราะลึกๆ ในใจก็คิดว่าไอ้นั่นมันโง่นักหนา เอาแบบข้าสิปลอดภัยดี
ลืมสนิทว่า “ความปลอดภัย” หรือ “ความมั่นคง” ที่ตนต้องเอามาแลกเปลี่ยนนั้นคือความเป็นทาสชั่วชีวิต ในขณะที่สังคมอื่นๆ เขาต่อสู้เพื่อปลดเปลื้องพันธนาการเหล่านี้มานานนักหนาแล้ว
ชีวิตของ ไมเคิล แจ๊คสัน จึงไม่ใช่เรื่องของความรักหรือความชัง ความดีหรือความน่าเกลียด แต่เป็นเรื่องของมนุษย์ที่เกิดมาแล้วก็สมควรจะมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง
ก็เราเรียกเมืองไทยว่าประเทศ ไม่ได้เรียกว่าคอกนี่ครับ.
...............
ประชาสัมพันธ์ :
TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย เที่ยงตรง แม่นยำ ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146
ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน)
Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)