ทำไมเมื่อ มูลนิธิกระจกเงา แสดงความห่วงใยต่อจำนวนคนหายในระหว่างสถานการณ์กระชับพื้นที่ของทหารเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม คนของพรรคประชาธิปัตย์จึงบังเกิดความหงุดหงิด
หงุดหงิดถึงกับออกมากล่าวหา มูลนิธิกระจกเงา
ไม่เพียงแต่จะหงุดหงิดต่อ มูลนิธิกระจกเงา ใครก็ตามที่ตั้งคำถามต่อการตายและบาดเจ็บของผู้คนในสถานการณ์กระชับพื้นที่ของทหารเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม คนของพรรคประชาธิปัตย์ก็แสดงความไม่พอใจ
ไม่เพียงไม่พอใจ หากยังมองด้วยความมุ่งร้าย แสดงความกังขา
แม้ผู้สื่อข่าวเสนอคำถามเชิงตั้งข้อสังเกตว่า "นักข่าวชาวอังกฤษ ที่ถูกยิงในวัดปทุมวนารามราชวรวิหารระบุว่าโดนทหารยิง"
คำตอบจาก นายสาธิต ปิตุเดชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ คือ "เป็นเพียงคำพูดของคนๆ เดียว เชื่อไม่ได้"
คำถามก็คือ แล้วจะปล่อยให้คนหาย ปล่อยให้คนตาย โดยไม่มีการเสาะหาข้อเท็จจริงหรือ
แท้จริงแล้วความห่วงใยในจำนวนคนหาย 39 คนจากมูลนิธิกระจกเงามิได้เป็นความห่วงใยอันเลื่อนลอยและว่างเปล่า
ทั้งมิได้เป็นการคิดหรือนิมิตจำนวนขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
"ศอฉ.เป็นคนส่งเรื่องจากที่มีการแจ้งคนหายมาให้ศูนย์ข้อมูลคนหายของมูลนิธิเป็นผู้ดำเนินการ"
เป็นถ้อยแถลงจาก นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ประธานกรรมการมูลนิธิ
ขณะเดียวกัน ความห่วงใยของมูลนิธิกระจกเงาก็มิได้เริ่มต้นจากความหวาดระแวงหรือจ้องจับผิด หากแต่มาจากบทเรียนในการเสาะหาคนหายจากสถานการณ์เมื่อเดือนเมษายน 2552 เป็นสำคัญ
เพราะคราวนั้นรัฐบาลปล่อยให้สถานการณ์ล่วงเลยประมาณ 1 เดือนจึงสรุปจำนวนคนถูกจับกุมว่ามีอยู่ 80 คน
คิดดูเถิด 80 คนนี้ย่อมมีครอบครัว ย่อมมีญาติพี่น้องที่คอยห่วงใย มิใช่หรือ
อย่าว่าแต่มูลนิธิกระจกเงาอันมีบทเรียนจากการทำงานล่าช้าของรัฐบาลในสถานการณ์เมื่อเดือนเมษายน 2552 เลย
แม้กระทั่งองค์การนิรโทษกรรมสากลก็กังขาในเรื่องนี้
สิ่งที่องค์การนิรโทษกรรมสากลเรียกร้องต่อรัฐบาล ประการหนึ่ง คือเรียกร้องให้เปิดเผยจำนวนคนตาย คนบาดเจ็บและคนที่ถูกจับกุมจากสถานการณ์อันเริ่มขึ้นจากเดือนเมษายนจนถึงเดือนพฤษภาคม 2553
ประการหนึ่ง คือ เรียกร้องให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการที่เป็นอิสระ เป็นกลาง เพื่อสอบข้อเท็จจริงอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน องค์การนิรโทษกรรม ก็ขอมีส่วนร่วมในการสอบข้อเท็จจริงนี้ด้วย
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความห่วงใย ทั้งต่อคนที่เสียชีวิต คนที่บาดเจ็บและที่สำคัญคือคนที่ถูกจับกุมและคนที่สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยในสถานการณ์
ความห่วงใยเช่นนี้ไฉนจึงสร้างความหงุดหงิดให้กับคนของพรรคประชาธิปัตย์
จึงแทนที่จะหงุดหงิดและไม่พอใจ คนของพรรคประชาธิปัตย์สมควรที่จะแสดงความขอบคุณ
เพราะหากว่ามีองค์การทางสังคมห่วงใยไม่ว่าจะจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะจากภายในประเทศล้วนทำให้การตรวจสอบในเรื่องนี้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือต่างหากคือเป้าประสงค์แท้จริงของการตรวจสอบ
หงุดหงิดถึงกับออกมากล่าวหา มูลนิธิกระจกเงา
ไม่เพียงแต่จะหงุดหงิดต่อ มูลนิธิกระจกเงา ใครก็ตามที่ตั้งคำถามต่อการตายและบาดเจ็บของผู้คนในสถานการณ์กระชับพื้นที่ของทหารเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม คนของพรรคประชาธิปัตย์ก็แสดงความไม่พอใจ
ไม่เพียงไม่พอใจ หากยังมองด้วยความมุ่งร้าย แสดงความกังขา
แม้ผู้สื่อข่าวเสนอคำถามเชิงตั้งข้อสังเกตว่า "นักข่าวชาวอังกฤษ ที่ถูกยิงในวัดปทุมวนารามราชวรวิหารระบุว่าโดนทหารยิง"
คำตอบจาก นายสาธิต ปิตุเดชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ คือ "เป็นเพียงคำพูดของคนๆ เดียว เชื่อไม่ได้"
คำถามก็คือ แล้วจะปล่อยให้คนหาย ปล่อยให้คนตาย โดยไม่มีการเสาะหาข้อเท็จจริงหรือ
แท้จริงแล้วความห่วงใยในจำนวนคนหาย 39 คนจากมูลนิธิกระจกเงามิได้เป็นความห่วงใยอันเลื่อนลอยและว่างเปล่า
ทั้งมิได้เป็นการคิดหรือนิมิตจำนวนขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
"ศอฉ.เป็นคนส่งเรื่องจากที่มีการแจ้งคนหายมาให้ศูนย์ข้อมูลคนหายของมูลนิธิเป็นผู้ดำเนินการ"
เป็นถ้อยแถลงจาก นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ประธานกรรมการมูลนิธิ
ขณะเดียวกัน ความห่วงใยของมูลนิธิกระจกเงาก็มิได้เริ่มต้นจากความหวาดระแวงหรือจ้องจับผิด หากแต่มาจากบทเรียนในการเสาะหาคนหายจากสถานการณ์เมื่อเดือนเมษายน 2552 เป็นสำคัญ
เพราะคราวนั้นรัฐบาลปล่อยให้สถานการณ์ล่วงเลยประมาณ 1 เดือนจึงสรุปจำนวนคนถูกจับกุมว่ามีอยู่ 80 คน
คิดดูเถิด 80 คนนี้ย่อมมีครอบครัว ย่อมมีญาติพี่น้องที่คอยห่วงใย มิใช่หรือ
อย่าว่าแต่มูลนิธิกระจกเงาอันมีบทเรียนจากการทำงานล่าช้าของรัฐบาลในสถานการณ์เมื่อเดือนเมษายน 2552 เลย
แม้กระทั่งองค์การนิรโทษกรรมสากลก็กังขาในเรื่องนี้
สิ่งที่องค์การนิรโทษกรรมสากลเรียกร้องต่อรัฐบาล ประการหนึ่ง คือเรียกร้องให้เปิดเผยจำนวนคนตาย คนบาดเจ็บและคนที่ถูกจับกุมจากสถานการณ์อันเริ่มขึ้นจากเดือนเมษายนจนถึงเดือนพฤษภาคม 2553
ประการหนึ่ง คือ เรียกร้องให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการที่เป็นอิสระ เป็นกลาง เพื่อสอบข้อเท็จจริงอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน องค์การนิรโทษกรรม ก็ขอมีส่วนร่วมในการสอบข้อเท็จจริงนี้ด้วย
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความห่วงใย ทั้งต่อคนที่เสียชีวิต คนที่บาดเจ็บและที่สำคัญคือคนที่ถูกจับกุมและคนที่สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยในสถานการณ์
ความห่วงใยเช่นนี้ไฉนจึงสร้างความหงุดหงิดให้กับคนของพรรคประชาธิปัตย์
จึงแทนที่จะหงุดหงิดและไม่พอใจ คนของพรรคประชาธิปัตย์สมควรที่จะแสดงความขอบคุณ
เพราะหากว่ามีองค์การทางสังคมห่วงใยไม่ว่าจะจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะจากภายในประเทศล้วนทำให้การตรวจสอบในเรื่องนี้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือต่างหากคือเป้าประสงค์แท้จริงของการตรวจสอบ