เห็นภาพการปรากฏตัวของ นายก่อแก้ว พิกุลทอง พร้อมกองเชียร์จากพรรคเพื่อไทย เห็นภาพการปรากฏตัวของ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ พร้อมกองเชียร์จากพรรคประชาธิปัตย์
ก็เห็นชอบด้วยที่ พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ ตัดสินใจถอนตัว
ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวเพราะรังเกียจ "ผู้ก่อการร้าย" จนเข้ากระดูกดำ ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวเพราะได้รับการร้องขอจาก ช.ช้าง แห่งพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวเพราะแรงบีบจาก "ขาใหญ่" เจ้าของพรรคการเมืองใหม่ตัวจริง
ถือว่าเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์อันเลวร้ายยิ่งในทางการเมือง
เพราะพลันที่ภาพของกองเชียร์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ปรากฏตัว เพราะพลันที่ภาพของกองเชียร์ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ปรากฏตัว
จะรู้เลยว่าโอกาสของ พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ น้อยมาก จะรู้เลยว่าโอกาสของพรรคการเมืองใหม่น้อยมาก
ที่จริงสัญญาณนี้ปรากฏให้เห็นแล้วตั้งแต่ในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่
ทั้งๆ ที่เป็นนายทหารระดับพล.อ.เคยดำรงตำแหน่งเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชวน หลีกภัย
เหตุใด พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ จึงไม่สำเหนียกรู้
สำเหนียกรู้จากการถอนตัวของ นายประพันธ์ คุณมี ที่ยอมรับว่าตรงไปตรงมาฐานเสียงพรรคการเมืองใหม่อ่อนในพื้นที่
ทั้งๆ ที่ นายประพันธ์ คูณมี ไม่เคยดำรงยศเป็น พล.อ.
เหตุใด พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ จึงไม่สำเหนียกรู้จากการถอนตัวของ นายสำราญ รอดเพชร และตามมาด้วยการถอนตัวของ นายศรัณยู วงษ์กระจ่าง
แม้จะอ้างเรื่องการถ่ายทำภาพยนตร์กับกระทรวงวัฒนธรรม ก็ตาม
ยิ่งเมื่อบุคคลระดับ นายสุริยะใส กตะศิลา ก็ไม่ยอมลงสมัครแม้จะได้รับการหนุนเสริมอย่างแข็งขันจาก "ขาใหญ่" ในพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยก็ตาม
นี่ย่อมสะท้อนถึง "พรรษา" การเมืองของ พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ ได้เป็นอย่างดี
กระนั้น ที่ต้องเสียฟอร์มเป็นอย่างมากมิใช่มีแต่ พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ เท่านั้นที่ต้องทนแบกหน้าดำฝ่ายเดียว
หากพรรคการเมืองใหม่ก็ยากยิ่งที่จะปัดความรับผิดชอบได้
กรรมการบริหารพรรคที่ลงมติส่ง พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ นั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่หนักหนาสาหัสกว่าย่อมเป็น ประธานที่ปรึกษาพรรค ย่อมเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคและย่อมเป็นรักษาการเลขาธิการพรรค
รู้ทั้งรู้ว่าไม่สามารถสู้กับผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัครพรรคเพื่อไทยได้ แล้วเหตุใดปล่อยให้เป็น "มติ" ของพรรคการเมืองใหม่ออกมาได้อย่างไร
ทำไมเล่นบท "วีรชน" หลังการสู้รบหน้าตาเฉย
ทำไมประสานเสียงแสดงความรังเกียจการเป็น "ผู้ก่อการร้าย" ของ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ประหนึ่งไม่ได้รับรู้มาก่อนว่าพรรคเพื่อไทยจะส่ง "ผู้ก่อการร้าย" ลงแน่ๆ
ไม่ว่าจะเป็น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ว่าจะเป็น นายก่อแก้ว พิกุลทอง ก็ข้อกล่าวหาเดียวกัน
การข่าวภายในคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่จึงอ่อนด้อย ล้าหลัง อย่างน่าเป็นห่วง
วันเวลาแห่งการตรวจสอบ วันเวลาแห่งการวิพากษ์แสดงความเห็น ในที่สุด ก็ตกผลึกความเป็นจริงปรากฏ ณ เบื้องหน้าประชาชนว่า เหตุผลแท้จริงก็คือ รู้ว่าต้องแพ้อย่างแน่นอน
แพ้ทั้งคนของพรรคประชาธิปัตย์ แพ้ทั้งคนของพรรคเพื่อไทย
ก็เห็นชอบด้วยที่ พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ ตัดสินใจถอนตัว
ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวเพราะรังเกียจ "ผู้ก่อการร้าย" จนเข้ากระดูกดำ ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวเพราะได้รับการร้องขอจาก ช.ช้าง แห่งพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวเพราะแรงบีบจาก "ขาใหญ่" เจ้าของพรรคการเมืองใหม่ตัวจริง
ถือว่าเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์อันเลวร้ายยิ่งในทางการเมือง
เพราะพลันที่ภาพของกองเชียร์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ปรากฏตัว เพราะพลันที่ภาพของกองเชียร์ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ปรากฏตัว
จะรู้เลยว่าโอกาสของ พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ น้อยมาก จะรู้เลยว่าโอกาสของพรรคการเมืองใหม่น้อยมาก
ที่จริงสัญญาณนี้ปรากฏให้เห็นแล้วตั้งแต่ในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่
ทั้งๆ ที่เป็นนายทหารระดับพล.อ.เคยดำรงตำแหน่งเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชวน หลีกภัย
เหตุใด พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ จึงไม่สำเหนียกรู้
สำเหนียกรู้จากการถอนตัวของ นายประพันธ์ คุณมี ที่ยอมรับว่าตรงไปตรงมาฐานเสียงพรรคการเมืองใหม่อ่อนในพื้นที่
ทั้งๆ ที่ นายประพันธ์ คูณมี ไม่เคยดำรงยศเป็น พล.อ.
เหตุใด พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ จึงไม่สำเหนียกรู้จากการถอนตัวของ นายสำราญ รอดเพชร และตามมาด้วยการถอนตัวของ นายศรัณยู วงษ์กระจ่าง
แม้จะอ้างเรื่องการถ่ายทำภาพยนตร์กับกระทรวงวัฒนธรรม ก็ตาม
ยิ่งเมื่อบุคคลระดับ นายสุริยะใส กตะศิลา ก็ไม่ยอมลงสมัครแม้จะได้รับการหนุนเสริมอย่างแข็งขันจาก "ขาใหญ่" ในพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยก็ตาม
นี่ย่อมสะท้อนถึง "พรรษา" การเมืองของ พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ ได้เป็นอย่างดี
กระนั้น ที่ต้องเสียฟอร์มเป็นอย่างมากมิใช่มีแต่ พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ เท่านั้นที่ต้องทนแบกหน้าดำฝ่ายเดียว
หากพรรคการเมืองใหม่ก็ยากยิ่งที่จะปัดความรับผิดชอบได้
กรรมการบริหารพรรคที่ลงมติส่ง พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ นั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่หนักหนาสาหัสกว่าย่อมเป็น ประธานที่ปรึกษาพรรค ย่อมเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคและย่อมเป็นรักษาการเลขาธิการพรรค
รู้ทั้งรู้ว่าไม่สามารถสู้กับผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัครพรรคเพื่อไทยได้ แล้วเหตุใดปล่อยให้เป็น "มติ" ของพรรคการเมืองใหม่ออกมาได้อย่างไร
ทำไมเล่นบท "วีรชน" หลังการสู้รบหน้าตาเฉย
ทำไมประสานเสียงแสดงความรังเกียจการเป็น "ผู้ก่อการร้าย" ของ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ประหนึ่งไม่ได้รับรู้มาก่อนว่าพรรคเพื่อไทยจะส่ง "ผู้ก่อการร้าย" ลงแน่ๆ
ไม่ว่าจะเป็น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ว่าจะเป็น นายก่อแก้ว พิกุลทอง ก็ข้อกล่าวหาเดียวกัน
การข่าวภายในคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่จึงอ่อนด้อย ล้าหลัง อย่างน่าเป็นห่วง
วันเวลาแห่งการตรวจสอบ วันเวลาแห่งการวิพากษ์แสดงความเห็น ในที่สุด ก็ตกผลึกความเป็นจริงปรากฏ ณ เบื้องหน้าประชาชนว่า เหตุผลแท้จริงก็คือ รู้ว่าต้องแพ้อย่างแน่นอน
แพ้ทั้งคนของพรรคประชาธิปัตย์ แพ้ทั้งคนของพรรคเพื่อไทย