ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะกำหนดให้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะกำหนดให้ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 6
เป้าหมายย่อมเป็นอย่างเดียวกัน
เพราะว่า ไม่ว่า นายก่อแก้ว พิกุลทอง ไม่ว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ล้วนเป็นนปช.แดงทั้งแผ่นดิน
มิใช่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2553 เท่านั้น
ตรงกันข้าม นายก่อแก้ว พิกุลทอง สัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ยังเป็นพรรคไทยรักไทย หรือแม้กระทั่งพรรคพลังประชาชน
ครั้งที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ควบคุมและกำกับดูแลงานองค์การร.ส.พ. ก็เคยมอบหมายให้ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ไปดำรงตำแหน่งเป็นผอ.ร.ส.พ.มาแล้ว
เขาจึงเป็นเนื้อแท้ของพรรคเพื่อไทย เป็นเนื้อแท้ของนปช. อย่างชนิดเนื้อกษัตริย์
การตัดสินใจเลือก นายก่อแก้ว พิกุลทอง ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมเป็น ส.ส.กทม.เขต 6 ของพรรคเพื่อไทย จึงมีความแจ่มชัด
แจ่มชัดในการที่จะช่วงชิงพื้นที่คืนจากพรรคประชาธิปัตย์
แจ่มชัดในการที่พร้อมจะเข้าสัประยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัครจากพรรคการเมืองใหม่
เพราะอย่างที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ แถลง พื้นที่นี้เป็นของพรรคไทยรักไทยมาก่อน
เอาให้ถึงที่สุดก็คือ พื้นที่นี้เป็นพื้นที่เดิมของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตั้งแต่อยู่พรรคพลังธรรม
เมื่อย้ายมาก่อตั้งพรรคไทยรักไทยจึงโอนย้ายมาเป็นพื้นที่ของพรรคไทยรักไทย
ดังนั้น หากประเมินในแง่รากฐานทางการเมืองจึงมิได้เป็นเรื่องยากที่พรรคเพื่อไทยอันสืบทอดจากพรรคไทยรักไทยที่จะได้ชัยชนะ
เว้นแต่มี "อำนาจอื่น" ไม่ต้องการให้ชัยชนะเป็นของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
กระนั้น หากประเมินจากการที่พรรคการเมืองใหม่ส่งผู้สมัครลงแข่งขัน นั่นหมายถึง คะแนนของผู้สมัครพรรคการเมืองใหม่จะต้องแย่งชิงกับคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์
นี่ย่อมเป็นโอกาสของพรรคเพื่อไทย เป็นโอกาสของ นายก่อแก้ว พิกุลทอง
ประเด็นอยู่ที่ว่าการเลือก นายก่อแก้ว พิกุลทอง เป็นไปตามข้อเสนอจาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นไปตามข้อเสนอจาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เมื่อเห็นว่ากรณีของตนอาจมีปัญหาในเรื่องภูมิลำเนา 5 ปีในกทม.
คนของพรรคเพื่อไทยมีความสุกงอมและเห็นชอบด้วยมากน้อยเพียงใด
คนของพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตระหนักในบทบาทและความสำคัญของ นายก่อแก้ว พิกุลทอง อย่างไร
เห็นว่านี่เป็นยุทธวิธี 1 ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่
หากสายของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เห็นชอบด้วยและสุกงอมที่จะร่วมมือและช่วยเหลือ โอกาสย่อมเป็นของ นายก่อแก้ว พิกุลทอง เป็นอย่างสูง
นั่นย่อมหมายถึงโอกาสของพรรคเพื่อไทยเป็นปริโยสาน
การเลือกตั้งซ่อมส.ส.กทม. เขต 6 จึงมีความสำคัญทางการเมืองอย่างแหลมคมยิ่งเป็นพิเศษ
มิได้เป็นโอกาสในการเสนอตัวของพรรคการเมืองใหม่เท่านั้น หากแต่ยังเป็นการปะทะทางความคิดและทางการเมืองอย่างทรงความหมายระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์
โดยมีชาวกรุงเทพมหานครในพื้นที่เขต 6 เป็นกรรมการตัดสินและชี้ขาด
เป้าหมายย่อมเป็นอย่างเดียวกัน
เพราะว่า ไม่ว่า นายก่อแก้ว พิกุลทอง ไม่ว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ล้วนเป็นนปช.แดงทั้งแผ่นดิน
มิใช่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2553 เท่านั้น
ตรงกันข้าม นายก่อแก้ว พิกุลทอง สัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ยังเป็นพรรคไทยรักไทย หรือแม้กระทั่งพรรคพลังประชาชน
ครั้งที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ควบคุมและกำกับดูแลงานองค์การร.ส.พ. ก็เคยมอบหมายให้ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ไปดำรงตำแหน่งเป็นผอ.ร.ส.พ.มาแล้ว
เขาจึงเป็นเนื้อแท้ของพรรคเพื่อไทย เป็นเนื้อแท้ของนปช. อย่างชนิดเนื้อกษัตริย์
การตัดสินใจเลือก นายก่อแก้ว พิกุลทอง ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมเป็น ส.ส.กทม.เขต 6 ของพรรคเพื่อไทย จึงมีความแจ่มชัด
แจ่มชัดในการที่จะช่วงชิงพื้นที่คืนจากพรรคประชาธิปัตย์
แจ่มชัดในการที่พร้อมจะเข้าสัประยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัครจากพรรคการเมืองใหม่
เพราะอย่างที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ แถลง พื้นที่นี้เป็นของพรรคไทยรักไทยมาก่อน
เอาให้ถึงที่สุดก็คือ พื้นที่นี้เป็นพื้นที่เดิมของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตั้งแต่อยู่พรรคพลังธรรม
เมื่อย้ายมาก่อตั้งพรรคไทยรักไทยจึงโอนย้ายมาเป็นพื้นที่ของพรรคไทยรักไทย
ดังนั้น หากประเมินในแง่รากฐานทางการเมืองจึงมิได้เป็นเรื่องยากที่พรรคเพื่อไทยอันสืบทอดจากพรรคไทยรักไทยที่จะได้ชัยชนะ
เว้นแต่มี "อำนาจอื่น" ไม่ต้องการให้ชัยชนะเป็นของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
กระนั้น หากประเมินจากการที่พรรคการเมืองใหม่ส่งผู้สมัครลงแข่งขัน นั่นหมายถึง คะแนนของผู้สมัครพรรคการเมืองใหม่จะต้องแย่งชิงกับคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์
นี่ย่อมเป็นโอกาสของพรรคเพื่อไทย เป็นโอกาสของ นายก่อแก้ว พิกุลทอง
ประเด็นอยู่ที่ว่าการเลือก นายก่อแก้ว พิกุลทอง เป็นไปตามข้อเสนอจาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นไปตามข้อเสนอจาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เมื่อเห็นว่ากรณีของตนอาจมีปัญหาในเรื่องภูมิลำเนา 5 ปีในกทม.
คนของพรรคเพื่อไทยมีความสุกงอมและเห็นชอบด้วยมากน้อยเพียงใด
คนของพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตระหนักในบทบาทและความสำคัญของ นายก่อแก้ว พิกุลทอง อย่างไร
เห็นว่านี่เป็นยุทธวิธี 1 ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่
หากสายของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เห็นชอบด้วยและสุกงอมที่จะร่วมมือและช่วยเหลือ โอกาสย่อมเป็นของ นายก่อแก้ว พิกุลทอง เป็นอย่างสูง
นั่นย่อมหมายถึงโอกาสของพรรคเพื่อไทยเป็นปริโยสาน
การเลือกตั้งซ่อมส.ส.กทม. เขต 6 จึงมีความสำคัญทางการเมืองอย่างแหลมคมยิ่งเป็นพิเศษ
มิได้เป็นโอกาสในการเสนอตัวของพรรคการเมืองใหม่เท่านั้น หากแต่ยังเป็นการปะทะทางความคิดและทางการเมืองอย่างทรงความหมายระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์
โดยมีชาวกรุงเทพมหานครในพื้นที่เขต 6 เป็นกรรมการตัดสินและชี้ขาด