บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พรรค-พวก ใบสั่ง!

ที่มา บางกอกทูเดย์


เพราะเก้าอี้ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ไม่เพียงคุมระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศ แต่ยังคุมกลไกการตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ ดังนั้นคนที่จะมานั่งตรงนี้ จึงเป็นคนที่การเมืองจะต้องโอเคและ “แฮปปี้” ด้วย จับตามองกันเขม็ง กับเก้าอี้ “ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย” คนใหม่ ที่จะมาแทนนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการคนปัจจุบัน

ซึ่งจะหมดวาระลงในวันที่ 30 ก.ย. นี้แล้ว ตำแหน่งที่ทั้งคุมและกำหนดนโยบายด้านการเงินที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ตลอดจนความมีความจนของคนไทยทุกชีวิต จะให้เป็นแบบตำแหน่ง ผบ.ตร.ไม่ได้ ที่ทุกวันนี้ขนาดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะทั้งผลักทั้งดัน ทั้งทุบโต๊ะหลายรอบ แต่ก็ไม่สามารถ

ตั้ง ผบ.ตร.ได้ เป็นได้แค่เพียงรักษาราชการแทน ผบ.ตร. ซึ่ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ก็คงต้องเกษียณอายุไปด้วยตำแหน่งนี้แหละ เพราะเหลือเวลาแค่ 3 เดือนนิดๆ หรือ 100 วันเท่านั้นเอง ดังนั้นตำแหน่งผู้ว่าแบงก์ชาติจะให้ซ้ำรอยไม่ได้ เพราะนอกจากจะเป็นตำแหน่งกลไกสำคัญของเศรษฐกิจแล้ว ยังมีเรื่องของ

กฎหมายแบงก์ชาติ กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า คณะกรรมการคัดเลือกจะต้องเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติ ไม่น้อยกว่า 2 คนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณา ก่อนที่ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนปัจจุบันจะหมดวาระอย่างน้อย 90 วัน ฉะนั้นช้าที่สุดไม่เกิน

วันอังคารที่ 29 มิถุนายนนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะต้องนำชื่อผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติ ศึกชิงเก้าอี้ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนที่ 22 จะเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติคนแรกในประวัติศาสตร์ที่มาจากการคัดเลือกตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ฉบับใหม่ ต่างไป

จากอดีตที่เป็นสิทธิด้วยชอบธรรมจากการแต่งตั้ง ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้อนุมัติ ปัญหาก็คือ ซีกการเมือง โดยเฉพาะรัฐมนตรีคลัง ยอมรับกติกาได้หรือไม่ เพราะแน่นอนว่าในอดีตเคยมีกรณีที่รัฐมนตรีคลังกับผู้ว่าแบงก์ชาติทำงานไปด้วยกันไม่ได้ จนรัฐมนตรีคลัง

ต้องสั่งปลดผู้ว่าแบงก์ชาติมาแล้วดังนั้นตลอดมารัฐมนตรีคลังจึงใช้เป็นข้ออ้างในการหา “คนที่ถูกใจ” มานั่งเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติ แม้จะต้องไปดึงเอา “คนนอก” มาเป็นก็ตาม แต่ในรอบนี้คนนอกแบบม้ามืดเลยคงยาก เพราะจะใช้การ “หยิบมาวาง” หรือ “ราชรถมาเกย” คงไม่ได้แน่ เนื่องจากต้องมีการสมัคร มี

กระบวนการสรรหา ซึ่งท้ายสุดมีผู้เข้าชิงครั้งนี้ 4 คน คือ 1. นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 2. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 3.นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และ 4.นายพิสิฐ ลี้อาธรรม

คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้ง 4 คนล้วนเป็นคนที่ผ่านงาน “แบงก์ชาติ” มาแล้วทั้งสิ้น แต่ที่ยังนั่งอยู่ในแบงก์ชาติจนวินาทีนี้ มีเพียงนายบัณทิตคนเดียวเท่านั้น ที่เหลืออีก 3 คน ล้วนเป็นอดีตลูกหม้อแบงก์ชาติ นายบัณฑิต นอกจากจะเป็นลูกหม้อแบงก์ชาติยุคปัจจุบัน แต่ยังได้รับแรงเชียร์จาก

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติคนนอก ที่การันตีว่า ถ้าเป็นคนแบงก์ชาติแล้ว ณ เวลานี้ไม่มีใครเหมาะสมเกิน แต่ไม่รู้ว่าเป็การไถ่บาปหรือไม่ เพราะตอนที่หม่อมอุ๋ยลุกจากเก้าอี้ผู้ว่าแบงก์ชาติ ครั้งนั้นหม่อมอุ๋ยก็เลือกนางธาริษาเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติ... โดยไม่ได้เลือกนายบัณทิต ที่สำคัญหากดูเส้นทางของ

นายบัณทิต และ หม่อมอุ๋ยนั้น ล้วนไม่ใช่สายประชาธิปัตย์ สำหรับนายธีระชัย เคยทำงานในแบงก์ชาติ ดูแลสายกำกับดูแลระบบสถาบันการเงิน เสถียรภาพของตลาดการเงิน และนโยบายการเงิน ทำให้เมื่อสถาบันการเงิน 56 แห่งล่มสลายในวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 จึงต้องหลบลมร้อนไปอยู่ ก.ล.ต.แต่ใน

ช่วงที่การเมืองเล่นงาน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในเรื่องซุกหุ้นชินคอร์ป นายธีระชัยถูกมองว่าพยายามลอยตัว ไม่เข้ามาร่วมรุมสกรัม พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างที่ประชาธิปัตย์ และม็อบพันธมิตรฯ ต้องการ ฉะนั้นแผลนี้จึงทำให้นายกรณ์อาจจะต้องคิดหนัก แม้ว่าระยะหลังนายธีระชัย จะมีท่าทีสอดคล้องกับ

รัฐบาลประชาธิปัตย์มากขึ้นแล้วก็ตาม ขณะเดียวกันนายกรณ์อาจจะยังอยากให้นายธีระชัยช่วยดูแลเรื่องการปั่นหุ้น ที่หลังๆ มักจะมีชื่อของคนในสายประชาธิปัตย์เข้าไปเอี่ยวเป็นประจำ อย่างล่าสุดกรณีอื้อฉาวหุ้นไทยคมนั่นเอง ส่วนนายประสาร ลึกๆ แล้วกสิกรไทยน่าจะเป็นแบงก์ที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เพียงแต่อาจ

จะต้องการเกียรติประวัติ แต่สิ่งที่น่าจะจับตามองก็คือ ในการทำลายล้างทางการเมืองครั้งนี้ แบงก์กรุงเทพฯถูกมองว่าสนับสนุนพันธมิตรฯ และประชาธิปัตย์อย่างชัดเจน ในขณะที่แบงก์กสิกรไทยก็ถูกมองว่า “เหมือนมีใจให้”ไม่น้อย ซึ่งถ้าเป็นจริง นายกรณ์จำเป็นที่จะต้องตอบแทนแบงก์กสิกรไทย

หรือไม่???... น่าคิด แต่คนสุดท้ายคือนายพิสิฐ ไม่เพียงเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในยุครัฐบาลชวน หลีกภัย แต่ต้องถือว่ามีความสนิทสนมกับประชาธิปัตย์อย่างแนบแน่นมาโดยตลอด แถมนายพิสิฐ ก็ยังเคยอยู่แบงก์กรุงเทพมาก่อนด้วย ที่สำคัญการที่นายพิสิฐ มาสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าการแบงก์ชาติ

แบบเฉียดฉิวเป็นคนสุดท้าย ราวกับว่าจะมีคำขอร้องให้ลงสมัครกระทันหัน เป็นเรื่องที่น่าคิดและน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นแม้ว่านายกรณ์ จะมีการออกตัวทำนองว่าทั้ง 4 คนนี้เป็นใครก็ได้ ล้วนเหมาะสมที่จะรับตำแหน่งทั้งสิ้น แต่กระแสสะพัดในแวดวงธุรกิจล้วนจับตามองไปที่นายพิสิฐมากกว่าเพื่อน

ขนาดมีข่าวปล่อยออกมาว่านายพิสิฐได้คะแนนติด 1 ใน 2 แล้วแน่นอน งานนี้ “พิสิฐ” จะเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติที่การเมืองส่งเข้ามาชิงตำแหน่งจริงหรือไม่??? อีกไม่เกิน 1 สัปดาห์เป็นได้รู้กัน ว่านายกรณ์ สุดท้ายจะตัดสินใจอย่างไร พรรค... พวก... หรือ ใบสั่ง!!!

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker