ปัญหาอยู่ที่ว่า ระหว่างประชาธิปัตย์ กับ เพื่อไทย... ระหว่างขั้วพันธมิตรฯ กับกลุ่มคนเสื้อแดงและระหว่างผลงานการ “ไล่ล่าแม้ว” กับ “คนรักแม้ว” ใครจะชนะ? ใครจะแพ้? หรือว่าใครจะแสวงหาความพ่ายแพ้?... 25 กรกฎาคมนี้รู้แน่นอน!! มวยถูกคู่ เยอรมัน ซัดกับ อังกฤษ ทำเอาโลกนอนไม่หลับ เพราะมีแฟนคลับด้วยกันทั้งคู่ ผลก็คือ เยอรมันถล่มอังกฤษไป 4 – 1... นั่นเป็นเกมฟุตบอลโลก แต่สำหรับเวทีการเมืองของไทย สนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 กทม. ศึกรอบนี้ก็ต้องถือว่าเป็น “มวยถูกคู่” ด้วยเช่นกัน เขต 6 เก้าอี้นี้
เดิมเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ มีนายทิวา เงินยวง เป็นแชมป์เก่า เมื่อนายทิวาเสียชีวิต ครั้งนี้ประชาธิปัตย์ก็ย่อมจะต้องรักษาแชมป์เอาไว้สุดชีวิต ในขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็ถือว่านี่เป็นสนามใหญ่สนามแรกที่จะพิสูจน์ศรัทธาประชาชน หลังจากที่เกิดเหตุการสลายการชุมนุมสี่แยกราชประสงค์ จนเกิดคำถามระงมทั้ง
ในประเทศและทั่วโลก กับจำนวนผู้เสียชีวิตซึ่งรัฐบาลยอมรับว่ามีกว่า 80 ศพ และบาดเจ็บอีกนับพันคน เป็นศึกอุ่นเครื่องก่อนการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงในปีหน้า… ฉะนั้นศึกครั้งนี้ “เดิมพันสูง” ซึ่งน่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจส่งนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ที่โด่งดังเอามากๆ ในการทำหน้าที่
ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไล่ตามล่าตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี... จับคู่กับนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการได้อย่างเหมาะเหม็ง งานนี้นายพนิช จึงถือเป็นตัวแทนของทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และมีสายสัมพันธ์กับม็อบพันธมิตรฯ ฝ่ายสายใยของนายกษิต เข้ามาเป็นฐานสนับนุนด้วยเช่นกัน
ในขณะที่พรรคเพื่อไทย สุดท้ายตัดสินใจส่งนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำนปช. ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อรอการพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์พฤษภาอำมหิต ซึ่งรัฐบาลถือว่ามีการกระทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ งานนี้ชัดเจนว่า นายก่อแก้วนอกจากเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทยลงสนามแล้ว
ก็ยังเป็นตัวแทนของกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยเช่นกัน แค่นายพนิชกับนายก่อแก้ว 2 คนเท่านั้น ศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ก็ร้อนฉ่า ชนิดไม่จำเป็นต้องมีรายที่ 3 เข้ามาเสริมสีสันแต่อย่างใด ทำให้พรรคการเมืองใหม่ ซึ่งครั้งแรกมีข่าวจะส่งนายศรัญยู วงศ์กระจ่าง เป็นตัวแทนลงสนาม แต่คงรู้ว่าส่งไปก็ไลฟ์บอย เสียยี่ห้อ
พรรคเสียเปล่าๆ ก็เลยเปลี่ยนใจ โดยประกาศชัดว่าจะส่ง พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ มาทดสอบศรัทธาประชาชน โดยเฉพาะบรรดาพันธมิตรแฟนคลับทั้งหลาย ว่าจะช่วยสานฝันพรรคการเมืองใหม่สักแค่ไหน แต่เพราะนายพนิช ก็หวังคะแนนจากพันธมิตรแฟนคลับด้วยเหมือนกัน ฉะนั้นหากลงทั้งคู่ก็มีหวังตัดคะแนน
กันเองป่นปี้ ทำให้เกิดกระแสเจรจาเกี่ยเซียะกันขึ้น ว่าสนามนี้เคยเป็นของประชาธิปัตย์มาก่อน เพราะฉะนั้นการเมืองไทยก็ควรจะถอยไป สุดท้ายการเมืองใหม่ยอมถอย พล.อ.กิตติศักดิ์ ยอมถอนตัวจริงๆ พร้อมกับมีชื่อปริศนา “ช” ออกมาว่าเป็นคนช่วยเจรจา งานเข้าไปที่นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์เต็มๆ
เพราะนอกจากมีชื่อนำด้วยอักษร ช.ช้างแล้ว ยังเป็นผู้ใหญ่ที่มีบารมีทางการเมือง และอะไรไม่สำคัญเท่ากับว่า พล.อ.กิตติศักดิ์เคยเป็นนายทหารติดตามนายชวน สมัยที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็เลยมีการโยงกันว่าน่าจะใช่ ยิ่ง พล.อ.กิตติศักดิ์ ออกมาพูดว่า ต้องการให้คนที่หยิบยกประเด็นนี้
หยุดพูด เพราะนักการเมืองอักษรย่อ ช.ช้าง เป็นคนดีมีคุณธรรมและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยบอกว่าที่ถอนตัวไม่ลงสมัคร เป็นเพราะคิดว่าได้ไม่คุ้มเสีย ที่สำคัญเป็นการถอนตัวก่อนวันรับสมัครเลือกตั้ง จึงไม่ถือว่าเสียหายอะไร เช่นกันกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ที่ออกมาช่วยยืนยันแก้ต่างว่า การถอนตัว ไม่ลงแข่งขันของพล.อ.กิตติศักดิ์ เป็นการตัดสินใจของแต่ละพรรค หากเป็นการฮั้วเหมือนอย่างที่กล่าวหากันจะต้องเป็นการสมยอมกัน ส่วนเรื่องที่ว่าผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ที่มีอักษรย่อ ช. ล็อบบี้ว่าที่ผู้สมัครจากก.ม.ม.ให้ถอนตัวนั้น เห็นอักษรย่อมาเยอะแล้ว ไม่เห็นจริงสักเรื่อง
แน่นอนว่าแม้จะพยายามเคลียร์กันเต็มที่ แต่ในช่วงแข่งขันดุเดือดทางการเมืองแบบนี้ใครมีข้อสังเกตุก็ย่อมจะต้องใส่กันไม่ยั้ง อย่างเรื่องฮั้วกันฝ่ายที่กล่าวหาก็อ้างว่ามีมูล เพราะการถอนตัวของ พล.อ.กิตติศักดิ์ หากเป็นคอการเมืองประเภทแฟนพันธุ์แท้ ก็ย่อมต้องรู้ว่า เป็นการถอนตัวหลังจากที่นายกรณ์ จาติกวณิช
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาพูดว่า ถ้าลงแบบนี้ก็ตัดคะแนนกันเอง!!! ดังนั้นมาถึงวินาทีนี้ ไม่มีการตัดคะแนนกันเองแล้ว ซัดกันตรงๆระหว่างนายพนิช กับนายก่อแก้ว ระหว่างเบอร์ 1 กับ เบอร์ 4 ส่วนอีก 3 เบอร์นั้นถูกมองว่าคงเป็นเพียงแค่ไม้ประดับเป็นสีสันเท่านั้น ความดุเดือดกันในการหาเสียง
ถูกมองว่าหนีไม่พ้นที่จะต้องมีการพูดถึงประเด็น “พฤษภาอำมหิต” แน่ เพราะฝ่ายหนึ่งต้องขอเว้นวรรคเรือนจำมาสมัคร มาหาเสียง แต่อีกฝ่ายไม่ได้รับผลกระทบจากพฤษภาอำมหิตเลยแม้แต่นิดเดียว แถมเมื่อต่างฝ่ายต่างแพ้ไม่ได้ การใช้ “ตัวช่วย” จึงมีสารพัด ... ทั้งสี ทั้งค่าย ทั้งใบเหลือง ไพ่ไฟ ฯลฯ ปัญหาอยู่ที่ว่า
ระหว่างประชาธิปัตย์ กับ เพื่อไทย... ระหว่างขั้วพันธมิตรฯ กับกลุ่มคนเสื้อแดง... และระหว่างผลงานการ “ไล่ล่าแม้ว” กับ “คนรักแม้ว” ใครจะชนะ ใครจะแพ้ หรือว่าใครจะแสวงหาความพ่ายแพ้... 25 กรกฎาคมนี้รู้แน่นอน!!