คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ทูตหรือทาส?
โดย กาหลิบ
เพื่อนฝูงในสายงานต่างประเทศส่งข่าวมาว่า ขณะนี้เอกอัครราชทูตไทยหลายท่านกำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะได้รับคำสั่งให้โฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับเมืองไทยและสถาบันของชาติอย่างหนัก ชนิดทำเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ
ขณะเดียวกัน ทั่วโลกเขาต่างเห็นคลิปภาพความโหดร้ายของการสังหารประชาชนอย่างกระจ่างตา ก็ยิ่งทำให้โฆษณายากขึ้นอีก แถมยังถูกคนในประเทศนั้นๆ เขาโห่ประณามกลับมาอีกต่างหาก
มวลชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่า ขณะนี้นักการทูตไทยในหลายๆ ประเทศถูกคนสำคัญในกระทรวงการต่างประเทศของเขาเรียกไป “ด่า” หลายครั้งหลายหน แต่สื่อของไทยไม่มีทางเอาเรื่องแบบนี้มารายงานให้เราทราบ เราจึงละเมออยู่ว่าทั่วโลกเขายังรักเราเหมือนเดิมหรือยังคิดว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม คิดว่าโฆษณาโง่ๆ แบบเดิมคงจะได้ผลลัพธ์เป็นความรักอันยิ่งใหญ่
เรื่องแบบนี้นักการทูตไทยใจอิสระเขาน้ำตาตกในกันทั้งนั้น
ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศวัยหนุ่มสาวที่เปิด Facebook เอาไว้ให้คนร่วมโกหกตอแหลอย่างกว้างขวางก็มีไม่กี่คน และเป็นเสียงข้างน้อยในประเทศที่คนเขาตาสว่างขึ้นทุกวัน พวกนี้หวังว่าจะสอพลอจนเข้าตาขี้ข้าของเจ้าของประเทศและสนับสนุนให้ได้ดีในชีวิตข้าราชการแบบกบในกะลา
หรือเหมือนข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศอีกกลุ่มหนึ่งที่รับใช้ ศอฉ. จนได้ยศวาสนา ไม่ผิดอะไรกับภูตผีที่ดูดเลือดประชาชนเป็นอาหารอันโอชะของตน
เอกอัครราชทูตหลายท่านที่มีจิตสำนึก ได้แต่แอบระบายความคับข้องหมองใจกับคนใกล้ชิด บางท่านกล้าหาญพอจะรายงานอย่างซื่อสัตย์มายังกระทรวงส่วนกลางว่า เมืองไทยในวันนี้ย่ำแย่ขนาดไหน หรือวิจารณ์ความไม่เป็นประชาธิปไตยในปัจจุบัน ก็ถูกเรียกตัวกลับมาสอบสวน เหมือนคนกระทำความผิดอย่างรุนแรง
กระทรวงใดที่ได้คนบ้าเสียจริตมาเป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงและได้ปลัดกระทรวงชนิดเหาะข้ามหัวคนที่เหมาะสมกว่าขึ้นมาเป็นใหญ่ด้วยวิธีสอพลอตอแหล ก็จะปั่นป่วนอย่างนี้ทุกกระทรวง
เหตุที่โดนหนักกว่ากระทรวงอื่นๆ เพราะฝ่ายอำมาตยาธิปไตยคิดเอาเองว่ากระทรวงนี้คือสมบัติส่วนตัวของเขามากกว่ากระทรวงอื่น งานแทบทุกหยดทุกอณูจึงมีไว้เพื่อเสริมความยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์ของเขาและครอบครัวเป็นหลัก งานต่างประเทศเพื่อประโยชน์มหาชนชาวไทยแทบจะหาทำยาไม่ได้
คนที่จะก้าวหน้าได้ในกระทรวงนี้ ต้องปิดตาและทำใจล่วงหน้าว่าตนเป็นเพียงกระทรวงใต้ถุนบ้านของฝ่ายอำมาตย์ไม่ใช่กระทรวงของฝ่ายประชาธิปไตยเลย
มิฉะนั้นก็ต้องอำพรางความรู้สึกอันแท้จริงไว้ให้มิดชิด
จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ผ่านมาแบ่งออกได้เป็น ๒ พวก
พวกที่มาแบบประชาธิปไตยจะอยู่ได้เพียงช่วงสั้นๆ และมักถูกดีดออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลแปลกๆ
พวกที่อยู่ได้นานหลายปีหรือเกินสิบปี มักจะเป็นข้าราชการเก่าของกระทรวงหรือคนที่ถูกส่งมาโดยสถาบันหลักนอกกระทรวง เช่น นายกษิต ภิรมย์ เป็นต้น
คนที่ยังหลงคิดว่านายกษิตฯ มาในโควต้าของกลุ่มพันธมิตรฯ โปรดคิดใหม่ คนๆ นี้เป็นตัวแทนโดยตรงของฝ่ายอำมาตย์ ซึ่งเป็นผู้คัดเลือกและส่งตัวมาเป็นรัฐมนตรีโดยตรง
รัฐมนตรี “ตัวจริง” คือคนจำพวกที่สองนี้ ก็จะควบคุมกระทรวงการต่างประเทศลงมาเป็นขั้นๆ จนครอบคลุม เพื่อให้แน่ใจว่าแนวทางรับใช้ระบอบเผด็จการอำมาตยาธิปไตย และการร่วมทำลายระบอบประชาธิปไตยกับเครือข่ายปิศาจอื่นๆ จะต้องเป็นไปเช่นนั้น
(นักการ) ทูตจึงกลายเป็นทาสไปด้วยประการฉะนี้.
--------------------------------------------------------------------------------
เรื่อง ทูตหรือทาส?
โดย กาหลิบ
เพื่อนฝูงในสายงานต่างประเทศส่งข่าวมาว่า ขณะนี้เอกอัครราชทูตไทยหลายท่านกำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะได้รับคำสั่งให้โฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับเมืองไทยและสถาบันของชาติอย่างหนัก ชนิดทำเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ
ขณะเดียวกัน ทั่วโลกเขาต่างเห็นคลิปภาพความโหดร้ายของการสังหารประชาชนอย่างกระจ่างตา ก็ยิ่งทำให้โฆษณายากขึ้นอีก แถมยังถูกคนในประเทศนั้นๆ เขาโห่ประณามกลับมาอีกต่างหาก
มวลชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่า ขณะนี้นักการทูตไทยในหลายๆ ประเทศถูกคนสำคัญในกระทรวงการต่างประเทศของเขาเรียกไป “ด่า” หลายครั้งหลายหน แต่สื่อของไทยไม่มีทางเอาเรื่องแบบนี้มารายงานให้เราทราบ เราจึงละเมออยู่ว่าทั่วโลกเขายังรักเราเหมือนเดิมหรือยังคิดว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม คิดว่าโฆษณาโง่ๆ แบบเดิมคงจะได้ผลลัพธ์เป็นความรักอันยิ่งใหญ่
เรื่องแบบนี้นักการทูตไทยใจอิสระเขาน้ำตาตกในกันทั้งนั้น
ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศวัยหนุ่มสาวที่เปิด Facebook เอาไว้ให้คนร่วมโกหกตอแหลอย่างกว้างขวางก็มีไม่กี่คน และเป็นเสียงข้างน้อยในประเทศที่คนเขาตาสว่างขึ้นทุกวัน พวกนี้หวังว่าจะสอพลอจนเข้าตาขี้ข้าของเจ้าของประเทศและสนับสนุนให้ได้ดีในชีวิตข้าราชการแบบกบในกะลา
หรือเหมือนข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศอีกกลุ่มหนึ่งที่รับใช้ ศอฉ. จนได้ยศวาสนา ไม่ผิดอะไรกับภูตผีที่ดูดเลือดประชาชนเป็นอาหารอันโอชะของตน
เอกอัครราชทูตหลายท่านที่มีจิตสำนึก ได้แต่แอบระบายความคับข้องหมองใจกับคนใกล้ชิด บางท่านกล้าหาญพอจะรายงานอย่างซื่อสัตย์มายังกระทรวงส่วนกลางว่า เมืองไทยในวันนี้ย่ำแย่ขนาดไหน หรือวิจารณ์ความไม่เป็นประชาธิปไตยในปัจจุบัน ก็ถูกเรียกตัวกลับมาสอบสวน เหมือนคนกระทำความผิดอย่างรุนแรง
กระทรวงใดที่ได้คนบ้าเสียจริตมาเป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงและได้ปลัดกระทรวงชนิดเหาะข้ามหัวคนที่เหมาะสมกว่าขึ้นมาเป็นใหญ่ด้วยวิธีสอพลอตอแหล ก็จะปั่นป่วนอย่างนี้ทุกกระทรวง
เหตุที่โดนหนักกว่ากระทรวงอื่นๆ เพราะฝ่ายอำมาตยาธิปไตยคิดเอาเองว่ากระทรวงนี้คือสมบัติส่วนตัวของเขามากกว่ากระทรวงอื่น งานแทบทุกหยดทุกอณูจึงมีไว้เพื่อเสริมความยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์ของเขาและครอบครัวเป็นหลัก งานต่างประเทศเพื่อประโยชน์มหาชนชาวไทยแทบจะหาทำยาไม่ได้
คนที่จะก้าวหน้าได้ในกระทรวงนี้ ต้องปิดตาและทำใจล่วงหน้าว่าตนเป็นเพียงกระทรวงใต้ถุนบ้านของฝ่ายอำมาตย์ไม่ใช่กระทรวงของฝ่ายประชาธิปไตยเลย
มิฉะนั้นก็ต้องอำพรางความรู้สึกอันแท้จริงไว้ให้มิดชิด
จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ผ่านมาแบ่งออกได้เป็น ๒ พวก
พวกที่มาแบบประชาธิปไตยจะอยู่ได้เพียงช่วงสั้นๆ และมักถูกดีดออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลแปลกๆ
พวกที่อยู่ได้นานหลายปีหรือเกินสิบปี มักจะเป็นข้าราชการเก่าของกระทรวงหรือคนที่ถูกส่งมาโดยสถาบันหลักนอกกระทรวง เช่น นายกษิต ภิรมย์ เป็นต้น
คนที่ยังหลงคิดว่านายกษิตฯ มาในโควต้าของกลุ่มพันธมิตรฯ โปรดคิดใหม่ คนๆ นี้เป็นตัวแทนโดยตรงของฝ่ายอำมาตย์ ซึ่งเป็นผู้คัดเลือกและส่งตัวมาเป็นรัฐมนตรีโดยตรง
รัฐมนตรี “ตัวจริง” คือคนจำพวกที่สองนี้ ก็จะควบคุมกระทรวงการต่างประเทศลงมาเป็นขั้นๆ จนครอบคลุม เพื่อให้แน่ใจว่าแนวทางรับใช้ระบอบเผด็จการอำมาตยาธิปไตย และการร่วมทำลายระบอบประชาธิปไตยกับเครือข่ายปิศาจอื่นๆ จะต้องเป็นไปเช่นนั้น
(นักการ) ทูตจึงกลายเป็นทาสไปด้วยประการฉะนี้.
--------------------------------------------------------------------------------