บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ฉุดตัวเองจากวิกฤต

ที่มา ไทยรัฐ

ผมเห็นด้วยกับ คุณประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ที่ มีจุดยืนในการรณรงค์ต่อสู้กับมาตรการกีดกันทางการค้าจากประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ที่ใช้มาตรการดังกล่าวในการเอาเปรียบประเทศคู่ค้ามาโดยตลอด คุณประดิษฐ์เห็นว่าเป็นการช่วยกันเรียกร้องเพื่อปกป้องผู้ส่งออกและเศรษฐกิจไทย

ให้คำจำกัดความว่า ลัทธิกีดกันทางการค้าเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุด ซึ่งส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของเศรษฐกิจโลก อุปมาอุปไมยถึงขนาดต้องมีการประกาศเตือนภัยระดับ 6

ทุกวันนี้เศรษฐกิจไทย ร้อยละ 72 มาจากการส่งออก หากมีอุปสรรคทางการค้าใดๆเกิดขึ้น จะเป็นตัวขัดขวางทางเศรษฐกิจและจะสร้างปัญหาต่างๆให้กับประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย

ยิ่งในยามที่เศรษฐกิจดิ่งเหวอย่างนี้ ตัวเลขคนว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างนี้ อย่าว่าแต่ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ประเทศคู่ค้าด้วยกันเองก็จ้องจะเอาเปรียบกันทุกด้าน ในยามหน้าสิ่ว หน้าขวาน ย่อมนึกถึงตัวเองเป็นธรรมดา ผลิตเอง ทำเอง ใช้เอง สุดท้ายส่งออกก็เจ๊ง

นอกจากนี้ โอกาสที่จะเอาเปรียบในด้านการแข่งขันทางการค้า ก็ประมาทไม่ได้ เวียดนามเป็นประเทศที่น่าจับตามากที่สุด พืชพันธุ์ ธัญญาหาร ที่มีชื่อบ้านเรา ลำไย ทุเรียน มะพร้าวน้ำหอม สับปะรด แม้จะหวงห้าม แต่เวียดนามก็ลักลอบนำไปเพาะพันธุ์เพื่อทำตลาดแข่งกับเราทั้งนั้น

นอกจากข้าว ที่เราแพ้เวียดนามไปเรียบร้อยแล้ว

ไม่ใช่แค่เวียดนาม ลาว กัมพูชา พม่า ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากตะวันออกกลาง ที่ต้องการจะสร้างแหล่งอาหารโลก แต่ด้วยความจำกัดด้านภูมิศาสตร์ ประเทศเศรษฐีน้ำมันทั้งหลาย จึงมุ่งมาลงทุนในย่านนี้ อีกหน่อยเราก็จะต้องซื้อข้าวซื้อผลไม้ พืชผักจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ต้องพูดถึงประเทศจีนที่ใช้บริการเป็นประจำอยู่แล้ว โอกาสที่จะนำครัวไทยสู่ครัวโลกก็จะน้อยลง โอกาสที่จะเอาผลไม้ไทยสู่ตลาดโลกก็มืดลง

หันมาดูบรรยากาศในประเทศ ขี่ช้างจับตั๊กแตน ไล่ล่าความกลัวที่จมอยู่ในจินตนาการด้านมืดของตัวเอง ส่งออกเจ๊ง ท่องเที่ยวเจ๊ง ธุรกิจก็ยืนตายแห้ง

มีรัฐบาลก็มัวแต่สาละวนกับการปัดแมลงวัน ไม่มีพลังในการขับเคลื่อนประเทศให้ไปข้างหน้า ในที่สุดก็เกิดความไม่เชื่อมั่นขึ้นมา เพราะฉะนั้นต้องคำนึงว่า ประเทศไทยในอนาคตจะฟื้นตัวได้อย่างไร ต่างประเทศก็ไม่ลงทุน ในประเทศก็ไม่กล้าลงทุน ยิ่งถ้าการกู้เงิน 8 แสนล้านมาตำน้ำพริกละลายแม่น้ำด้วยแล้วจะซ้ำเติมวิกฤติประเทศให้จมดิ่งกับหนี้ก้อนใหญ่

เพียงแค่ว่าคนไม่กี่คนหันมาจับมือกัน รวมกันเพื่ออยู่ ผลักดันโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ถนนหนทาง รถไฟฟ้า สนามบิน หมดความหวาดระแวงว่านี่จะกิน นั่นจะโกง ให้งานต่างๆเดินไปข้างหน้าได้ เศรษฐกิจก็จะค่อยๆฟื้น ธุรกิจจะค่อยๆฟื้น คนไทยก็จะค่อยๆฟื้น ความบาดหมาง ข้อขัดแย้งในอดีตก็จะค่อยๆลดลง

ประเทศไทยก็จะค่อยๆเป็นสยามเมืองยิ้ม.

หมัดเหล็ก

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker