บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ลดความร้อนแรง

มรสุมการเมืองกำลังโหมกระหน่ำใส่รัฐบาลจนเอียงไปเอียงมา

ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านไปแค่ 3 เดือน แต่เหมือนกรำศึกมาแล้ว 3 ปี

สงสัยจะต้องเก็บฉากในอีกไม่ช้าไม่นาน??

แต่...นายกฯสมัคร สุนทรเวช ยังไม่ ถอดใจ!!

ยังพร้อมเดินหน้าฝ่ากระแสต้านพร้อมแอ็กชั่นท้าความตายโดยไม่หวั่นเกรง

ยังมั่นใจว่ารัฐบาลผสม 6 พรรค มีความแข็งแกร่งรับแรงเขย่าทางการเมืองถึงระดับ 6.5 ริกเตอร์ได้สบายๆ

แม้จะรู้ว่ากระแสคัดค้านการแก้ รัฐธรรมนูญจะรุนแรง แต่รัฐบาลก็ยังเข้า เกียร์เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญสุดลิ่มทิ่ม ประตู

เพราะรัฐบาลไม่มั่นใจว่าจะอยู่ได้ อีกกี่วัน??

“แม่ลูกจันทร์” ห่วงว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะทำให้บ้านเมืองย้อนกลับไปจุดวิกฤติเดิมเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา

และจะกลายเป็นเงื่อนไขให้คนไทย ต้องเผชิญหน้ากันเอง

แต่ถ้าดูจากการวางหมากแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาลแล้ว ก็มีความยืดหยุ่นมากกว่าเดิม

คือ “แผนแรก” รัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีจะเป็นเจ้าภาพแก้รัฐธรรมนูญ

แต่ก็กลัวถูกข้อกล่าวหาว่าแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ตัวเอง

ก็เลยเปลี่ยนเป็น “แผนสอง” โยนให้เป็นเรื่องของสภาฯ

โดยให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทุกคนเข้าชื่อยื่นญัตติขอแก้รัฐธรรมนูญ

แต่มีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเห็นว่า แบบนี้รวบรัดเกินไป

สุดท้ายจึงเปลี่ยนไปใช้ “แผนสาม” คือให้ ส.ส.บวก ส.ว.เข้าชื่อเสนอญัตติแก้รัฐธรรมนูญกันเอง

ทำให้การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้มี ส.ส. จาก 4 พรรคร่วมรัฐบาล 134 คน บวกกับ ส.ว.อีก 30 คน รวมเป็น 164 คน เป็นผู้ยื่น ขอแก้รัฐธรรมนูญต่อประธานสภาฯ

ที่น่าแปลกใจคือไม่มี ส.ส.พรรคชาติไทย และพรรคประชาราชร่วมลงชื่อในญัตตินี้แม้แต่คนเดียว

แต่ปัญหาใหญ่ที่ต้องจับตาคือ ปัญหาขัดแย้งในพรรคพลังประชาชน

เพราะ “กลุ่มสายเหยี่ยว” ต้องการเปิดเกมลุย

ยื่นญัตติปุ๊บแก้รัฐธรรมนูญปั๊บให้รู้แล้วรู้แร่ดกันไปเลย

ปรากฏว่า งานนี้สายเหยี่ยวถูกเบรก อย่างจัง!!

นายกฯสมัคร ใช้อำนาจหัวหน้าพรรค ให้จัดออกเสียงประชามติ ถามความเห็นประชาชนทั่วประเทศ “ก่อน” จะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ

ถ้าเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยก็เดินหน้าเต็มเกียร์

แต่ถ้าเสียงส่วนใหญ่ไม่ให้แก้ รัฐธรรมนูญก็จะไม่ดันทุรัง

“แม่ลูกจันทร์” เห็นว่าการเปิดให้ ประชาชนทั่วประเทศลงประชามติ “ก่อน” แก้รัฐธรรมนูญเป็นทางออกที่ดี

เพราะถ้าใช้วิธีหักดิบ ยื่นปุ๊บแก้ ปั๊บ ก็เท่ากับปล่อยให้ความขัดแย้งยืดเยื้อ ต่อไป

พูดชัดๆคือ ให้ประชาชนตัดสินใจเอง ไม่ใช่รัฐบาลรวบรัดตัดสินใจแทนประชาชน

ไม่ว่าผลประชามติจะ “สีเขียว” หรือ “สีแดง” ก็จะเป็นข้อยุติตามกติกาประชาธิปไตย

“แม่ลูกจันทร์” มองข้ามช็อตว่าผลการออกเสียงประชามติครั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ประเด็น แก้ไขรัฐธรรมนูญ

และขึ้นอยู่ว่าฝ่ายไหนจะมีเหตุผลโดนใจประชาชนมากกว่ากัน??

เอาเถอะ ถ้าจะต้องเสียเวลาไปอีก 2-3 เดือน ก็ยังไม่สายเกินเพล

แม้ต้องจ่ายเงินให้ กกต.จัดออกเสียง ประชามติอีกสองพันล้านบาท ก็ไม่น่าเสียดาย

ถ้าทำให้คนไทยไม่ต้องฆ่ากันเอง!!

แม่ลูกจันทร์


ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker