ส่วนกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมายืนยันว่านายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้มีทัศนคติอันตรายต่อสถาบันนั้น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะอดีตแกนนำ นปก. กล่าวว่า ทัศนคติ ที่อันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยมีเพียงคนเดียว คือนายอภิสิทธิ์ ที่เสนอให้ใช้มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ กรณีการบรรยายของนายจักรภพ หากนายอภิสิทธิ์เห็นว่าทำผิดขอให้ไปแจ้งความดำเนินคดี ไม่ควรมากล่าวหากัน พรรคประชาธิปัตย์ควรหยุดกล่าวหากันได้แล้ว การไม่หยุดพูดถือเป็นชนวนไปสู่การล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า การที่นายจักรภพโจมตีประธานองคมนตรี เท่ากับโจมตีสถาบันด้วย นายจตุพร ตอบว่า กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่เกี่ยวกับองคมนตรี ถ้าเห็นว่ามีการโจมตีองคมนตรีให้ไปแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท ทั้งนี้เมื่อองคมนตรีไปเป็นที่ปรึกษาให้คนอื่นก็ไม่ถือว่าเป็นองคมนตรีแล้ว
หนุนหาคนกลางแปลคำบรรยาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตคำแปล 8 ข้อ ของนายจักรภพมีการบิดเบือนสำนวนการแปล นายจตุพรตอบว่า มองว่าเนื้อหาการแปลไม่แตกต่างกันเท่าไร แต่ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ไม่ให้โอกาสนายจักรภพต่อสู้ ตามกระบวนการ เรื่องนี้ควรหาผู้เชี่ยวชาญทางการแปลที่มีความเป็นกลางจริงๆ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญบนเวทีพันธมิตรฯเป็นผู้แปล สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์นำมาขยายความ ถือว่าสร้างความเสียหายต่อระบอบประชาธิปไตย หากจะอ้างว่าการรับผิดชอบทางการเมือง กับการรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นคนละเรื่องกัน อยากถามพรรคประชาธิปัตย์ว่า ช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกอภิปรายเรื่องคดี สปก.4-01 หรือนายอภิสิทธิ์ พูดถึงเรื่องการใช้มาตรา 7 นั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างไร
“ณัฐวุฒิ” ปัด “จักรภพ” นัดดีเบต
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุเป็นผู้ให้สัมภาษณ์ว่า นปก.จะนัดหารือกับนายจักรภพ เพื่อหาข้อสรุปเรื่องการนัดคำท้า ดีเบตจากพรรคประชาธิปัตย์กรณีการหมิ่นสถาบันว่า ยืนยันไม่ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ และ นปก.ไม่มีการนัดหมายเจอกับนายจักรภพ เพื่อหารือในเรื่องดังกล่าว ขณะนี้นายจักรภพอยู่ระหว่างพักการปฏิบัติหน้าที่ 7 วัน ตามที่ยื่นใบลาจาก นายกฯ ซึ่งจะครบกำหนดกลับมาทำงานวันที่ 2 มิ.ย. การจะรับดีเบตหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายจักรภพ ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า มีคำแปล 8 จุดของนายจักรภพ ที่มีเนื้อหาบิดเบือนนั้น เรื่องนี้คำแปลของทั้งนายจักรภพและพรรคประชาธิปัตย์ไม่ตรงกันมาแต่แรก ทั้งสองฝ่ายต่างมั่นใจในคำแปลของตัวเอง แต่คนที่จะพิจารณาและประเมินได้ดีที่สุดคือ ประชาชนที่ติดตามข่าวสารเรื่องนี้มาตลอด จะเป็นผู้เปรียบเทียบคำแปลของทั้งสองฝ่ายเอง
ท้าพิสูจน์ความเป็นจริงและเหตุผล
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า นอกจากนี้ทราบว่าตำรวจได้จัดทำคำแปลเรื่องนี้ไว้แล้วชุดหนึ่ง และได้ไปสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องกับการจัดบรรยาย ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ไว้บ้างแล้ว ตำรวจก็ทำงานคืบหน้าไปเรื่อยๆ ดังนั้นคำแปลของทั้งสองฝ่าย สังคมต้องใช้วิจารณญาณ ส่วนกรณีที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่านายจักรภพไม่ควรยกระดับตัวเองไปดีเบตกับนายอภิสิทธิ์นั้น ไม่อยากให้มองเรื่องนี้เป็นการยกระดับหรือลดระดับบนเวทีการเมือง เพราะในระบอบประชาธิปไตยทุกคนมีสิทธิ เสมอภาคเท่ากัน ทั้งนายอภิสิทธิ์และนายจักรภพ จะต่างกันแค่นายจักรภพไม่เคยเป็นหัวหน้าพรรคเหมือนนายอภิสิทธิ์เท่านั้น แต่ความเป็นจริง เหตุผลและความบริสุทธิ์ใจต่างหากที่จะทำให้ดูแตกต่างกัน
“กุเทพ” บ่ายเบี่ยงโดดอุ้ม “จักรภพ”
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ไม่ขอแสดงความเห็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยคำแปล ที่นายจักรภพไปบรรยายที่สโมสร ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เพียงแต่เห็นว่าคำแปลทั้งของนายจักรภพและพรรคประชาธิปัตย์มีความสมบูรณ์ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่ต้องว่ากันต่อไป เมื่อถามว่า พรรคยังหนุนนายจักรภพสุดตัวหรือไม่ ร.ท.กุเทพบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถาม โดยระบุว่าไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี