อะไรจะเหนื่อยไปกว่า พูดความจริงแล้วคนไม่เชื่อ
ป่วยการเปล่าที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาโต้แทนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ไม่ได้กลับเมืองไทยเพื่อมาบัญชาการจัดโผคณะรัฐมนตรี ตามที่ปรากฏเป็นข่าวครึกโครม
จริงหรือไม่ ก็ค่าเท่ากัน
มันก็อย่างว่า ตามรูปการณ์อดีตนายหญิงเบอร์หนึ่งของเครือข่ายอำนาจเก่าตัดสินใจเดินทางกลับประเทศแบบปุบปับ ทั้งๆที่มีคดีสำคัญติดชนัก
รู้กันอยู่ว่า ต้องโดนล็อกตัวที่สนามบิน
และที่ร้ายไปกว่านั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือไม่
ที่สำคัญในห้วงเวลาที่พอดิบพอดีกับการจับขั้วรัฐบาลเริ่มนิ่ง พรรคพลังประชาชนล็อกแขนพรรคเล็กแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรีกันแล้ว
อำนาจรัฐลอยอยู่ข้างหน้า
คุณหญิงพจมานกล้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายท้าเดิมพันซะขนาดนี้ พูดไปใครจะเชื่อว่า เป็นเรื่องของอาการทางใจเพียวๆโดยไม่มีอะไรแอบแฝง
ทั้งๆที่ว่าไป หากพูดกันด้วยใจที่เป็นธรรม
คิวนี้ยังไม่มีใครมองลึกไปถึงปมของคนเป็นแม่ที่คิดถึงและเป็นห่วงลูกๆที่อยู่บ้านในเมืองไทยเพียงลำพัง ในสถานการณ์ที่ครอบครัวตกอยู่ในวิกฤติ
อยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ
คนเป็นพ่อเป็นแม่กินอิ่มนอนหลับก็แปลกแล้ว
เอาเป็นว่า ถ้าจะมองในปมที่คุณหญิงพจมานกลับมาบัญชาการจัดโผ ครม. เท่าที่เช็กความเคลื่อนไหวไปที่พรรคพลังประชาชน
นาทีนี้นิ่งสนิท
กำลังลุ้นกันหน้าแดงหน้าเขียว กับคิวจ่อใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้า พรรคพลังประชาชน
ยิ่งฟังก็ยิ่งน่าหวาดเสียว
ล่าสุดนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่งสัญญาณออกตัวเป็นทำนอง ยอมรับ หาก กกต.มีมติให้ใบเหลืองกับนายยงยุทธ
จะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร
ขณะที่นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. เสนอแนวทางการวินิจฉัยล่วงหน้า การพิจารณาสำนวนของนายยงยุทธ ควรพิจารณาความผิดส่วนตัวแยก กับเรื่องยุบพรรค เพราะหากนายยงยุทธกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งก็เป็นเรื่องหนึ่ง
ส่วนประเด็นการยุบพรรค ควรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง
และแทบไม่ต้องลุ้นให้เสียเวลากับคิวของ “เจ๊สด” นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ระบุโต้งๆแบบไม่มีกั๊ก เท่าที่ได้พิจารณาสำนวนของตำรวจในเบื้องต้น พบว่า
ค่อนข้างจะมีความชัดเจน
ซึ่งหลังจากที่ได้พิจารณาประเด็นว่า นายยงยุทธกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจริงหรือไม่แล้ว ประเด็นต่อไปที่จะพิจารณา ต้องดูว่าความผิดดังกล่าว จะมีความเชื่อมโยงถึงประเด็นยุบพรรคหรือเปล่า
ไม่ต้องเดาเลยว่า 1 เสียงของ “เจ๊สด” จะเทไปทางไหน
นาทีนี้โอกาสรอดใบแดงของ “ยงยุทธ” เหลืออยู่แค่ 4
ปัญหามันจึงอยู่ที่ว่า ถ้าให้ใบเหลืองก็ไม่เคยมีแนวทางปฏิบัติในการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่เฉพาะ ส.ส.ระบบสัดส่วน
ที่หนักหนาสาหัสไปกว่านั้น หากเป็นกรณีของการแจกใบแดง โดยสถานภาพรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนของนายยงยุทธ ก็ต้องโยงไปถึงโทษยุบพรรค
นี่ยังไม่พูดถึงอีกด่านโหดที่รออยู่
อย่างที่ “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค พลังประชาชน ยืนยัน ไม่หนักใจกรณีของนายยงยุทธ
แต่สิ่งที่ทีมกฎหมายของพรรคคุยกันเป็นหลักก็คือ คดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งประทับรับฟ้องคดีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้องพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ขณะที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี การลงนามส่งผู้สมัครพรรคพลังประชาชนเป็นโมฆะ
ดูจาก “เรือใบ” ที่โรยดักทางไว้
ถ้ามีธงจริง พลังประชาชนเสี่ยง “ยางแตก” สูง.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน