ผลการเลือกตั้งใหม่เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า กลายเป็น พลังประชาชน ได้กำไร แต่ ประชาธิปัตย์ ขาดทุนไปฉิบ ผมตั้งข้อสังเกตว่า การเลือกตั้งใหม่ นั้น ค่อนข้างจะบริสุทธิ์กว่า การเลือกตั้งใหญ่ ปัจจัยหนึ่งมาจาก การเลือกตั้งล่วงหน้า ที่เปิดช่องให้มีการโกงการเลือกตั้งได้สบาย
แตกต่างจากการเลือกตั้งปกติที่เลือกกันเสร็จก็เปิดหีบนับกันสดๆตรงนั้นเลย โอกาสที่จะโกงมีน้อย มามัวจับผิดแต่เรื่องซื้อเสียง ถ้าไม่เชื่อ ลองให้มีการเลือกตั้งใหม่ใน กทม.จะได้เห็นว่าของแท้เป็นอย่างไร
อีกปัจจัยก็มาจากม่านสีเขียว
อันนี้รู้ๆกันอยู่ว่า พรรคไหนได้เปรียบเสียเปรียบ และผมก็ไม่อยากจะจุดประเด็นว่าเราควรจะ ยกเลิกการเลือกตั้งล่วงหน้าดีไหม เพราะนานปีทีหนที่คนไทยจะได้ใช้สิทธิ ความเป็นเจ้าของประเทศทั้งที แค่วันเดียวจะเสียสละเพื่อประชาธิปไตยไม่ได้เชียวหรือ ไม่เห็นต้องไปเลือกตั้งล่วงหน้าให้เมื่อยตุ้ม
ประเด็นของชนกลุ่มน้อย ที่คิดว่าตัวเองใหญ่ก็น่าเบื่อ วิ่งพล่าน จะให้ตีความท่านั้นท่านี้ จะให้การเมืองปั่นป่วนให้ได้ นอกจากจะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงแล้วยังเป็นอันตราย ต่อความยั่งยืนของประชาธิปไตยอีกด้วย เพราะกฎหมายที่คลอดมาจากอำนาจ เผด็จการเลยมีอะไรหมกเม็ดไว้เยอะ
เข้าเรื่องที่ผมอยากจะชวนคุยเรื่องของ รัฐบาลผสม ที่ทำให้มีเสถียรภาพน้อยลง มีโอกาสสั่นคลอนและเปิดช่องให้ต่อรองผลประโยชน์กันมากขึ้นก็เข้าทางกฎหมายเผด็จการพอดี
จากการเมืองที่เป็นปึกแผ่นกลายเป็นการเมืองที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย
แถมยังปิดช่องคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารประเทศอีกต่างหาก บุคลากรที่ถูกจับขังในบ้านเลขที่ 111 ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง คนที่จะเข้ามา ดำรงตำแหน่ง รมต.ตามรัฐธรรมนูญใหม่ ก็กำลังจะเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง
คนนอกที่ไหนจะกล้าเอาอนาคตมาเสี่ยง เป็น รมต.ก็ต้องถูกตรวจสอบเจ็ดชั่วโคตร หลุดจากตำแหน่งจะไปทำมาหากินอะไรก็ไม่ได้ ไหนจะเข้ามาถูกด่าฟรีๆ ยังถูกกฎหมายสันนิษฐานล่วงหน้าว่าจะเป็นบุคคลเข้ามาทุจริตคอรัปชันซะอีก คงว้าเหว่ดีพิลึก
คำว่ารัฐบาลผสม หรือที่เรียกว่า Coalition Government เมืองนอกเมืองนาก็มีกัน แต่มีข้อพิสูจน์แล้วว่า ไม่เข้มแข็งพอที่จะบริหารประเทศได้ตามกรอบ ดังนั้น ประเทศที่ประชาธิปไตยเจริญแล้ว จึงพัฒนาพรรคการเมืองเหลือแค่ 2-3 พรรคเท่านั้น
อย่างกรณีล่าสุด ที่ประเทศอิสราเอล รัฐบาลผสมของ นายเอฮุด โอลเมิร์ต เกิดมีรัฐมนตรีจากพรรคนิยมขวาจัดลาออกไปแค่คนเดียวทำให้รัฐบาลสั่นคลอนอย่างหนัก
บ้านเรา คนเป็น รมต.ก็ใช้เสียงโหวตในสภาไม่ได้ เสียงรัฐบาลในสภาจึงลดลงไปโดยปริยาย ครั้นจะเอาคนนอกมาเป็น รมต.เพื่อป้องกันเสียงหายในสภา ก็ไม่มีใครกล้ามารับตำแหน่ง เพราะกฎหมายโหดเกินไป การเมืองไทยจึงทำท่าว่าจะถอยหลังลงคลอง
ติดกับดักกฎหมายเผด็จการเอาดื้อๆ.
“หมัดเหล็ก”
คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก