ท่ามกลางเสียงตบเท้าของเหล่าขุนทหารคำรามฮึ่มฮั่มๆ
แต่ยังนิ่งอยู่ไม่ตื่นเต้น โดยท่าทีล่าสุดของ “ลุงหมัก” นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยืนยันต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี “ทัศนคติที่อันตราย” ของนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกฯ ไม่ใช่มาอ้างกล่าวหาใครต่อใคร แล้วจะต้องเอาออกไป เรื่องแบบนี้ต้องดำเนินการอย่างมีมาตรฐานและมีขั้นตอน
การจะให้ปรับพ้นออกจาก ครม.ไปเลย เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
ยี่ห้อ “สมัคร” รับประกันได้ในเรื่อง ดื้อกระแส ไม่แคร์เสียงด่า
แต่ในฐานะของคนเป็น “ลูกพี่” ที่ต้องเล่นบทซื้อใจลูกน้อง คิวนี้ “ลุงหมัก” ก็ได้ใจนายจักรภพและลูกพรรคพลังประชาชนไปเต็มๆเหมือนกัน
ที่แน่ๆมันไม่ได้ง่ายอย่างที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแนะนำด้วยความหวังดี ถ้ารัฐบาลยอมตัดกรณีของนายจักรภพไปเสีย จะทำให้การทำงานของรัฐบาลราบรื่นมากขึ้นและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย
โดยอารมณ์ของ “ลุงหมัก” ก็คงไม่ต่างจากเมื่อครั้งนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี อุ้มกระเตง “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ลุยฝ่ากระแส สปก.401 จนพังพาบไปทั้งรัฐบาล
งานนั้นก็มีคนเตือนนายชวนอย่างที่นายอภิสิทธิ์แนะนายสมัครแบบนี้แหละ
จากคิวของนายชวนกระเตง “เทพเทือก” ถึงคิวของนายสมัครประคองปีกนายจักรภพ “อภิสิทธิ์” น่าจะต้องจำตัวอย่างไว้เผื่อมีโอกาสได้ขึ้นเป็นใหญ่
คนเป็น “ลูกพี่” ต้องไม่ทิ้ง “ลูกน้อง” เพื่อเอาตัวรอด
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ประเมินจากอาการของ “ลุงหมัก” ที่ออกอาการร้อนใจ ส่งซิกเร่งให้ตำรวจสอบสวน จัดการเรื่องของนายจักรภพโดยเร็วที่สุด
จะได้ดับชนวนให้จบเสียที
เก๋าเกมระดับนี้ น่าจะอ่านขาดแล้วว่า “ทัศนคติที่อันตราย” ของนายจักรภพ ไวไฟราวกับน้ำมันเบนซินที่จะล่อไฟให้ลามเผารัฐบาลได้
ยังไงก็ต้องชิงสกัดไว้ก่อน
ประกอบกับวิบากของนายจักรภพไม่ได้มีแค่ “ทัศนคติที่อันตราย” ต่อให้รอดไปได้ก็ยังมีดาบสองรอดักซ้ำอยู่ กับอาการขยับของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดคิวยื่นเรื่องถอดถอนนายจักรภพออกจากตำแหน่งต่อประธานวุฒิสภา ในเวลา 09.30 น. วันที่ 21 พฤษภาคม
ไล่บี้ปมแทรกแซงสื่อ
โดยในคำร้องได้มีการระบุถึงพฤติกรรมของรัฐมนตรีที่เข้าข่ายการใช้อำนาจหน้าที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ และการใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย ส่อว่ากระทำผิดต่อราชการ โดยข้อกล่าวหาแรกเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 เรื่องการแทรกแซงสื่อ เช่น กรณีการยึดคลื่นสถานีวิทยุบางแห่ง มีหลักฐานชัดเจนว่ารัฐมนตรีมีพฤติกรรมเข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ด้วยตัวเอง
ส่วนการใช้อำนาจขัดต่อกฎหมาย คือ กรณีการเข้าไปบริหารจัดการสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ที่รัฐมนตรีเข้าไปเป็นธุระจัดหาบริษัทร่วมผลิต เข้าข่ายการฮั้วประมูลหรือการเข้าไปจัดการวิทยุชุมชนทั้งๆที่ไม่มีอำนาจ ทั้งนี้ พรรคได้เตรียมบัญชีรายชื่อพยานทั้งหมด เพื่อยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่จะพิจารณาเรื่องนี้หลังจากยื่นให้แก่ประธานวุฒิสภา
พร้อมๆกับอีกทางหนึ่ง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ของ “เจ๊เป็ด” คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง. ก็สั่งไล่เบี้ยปมจัดจ้างในสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที
ดักหน้าดักหลัง ช่วยกันต้อนเข้ามุมเลย
“จักรภพ” อาการโคม่า
แม้จะแข็งใจสวนหมัด แฉเกมของฝ่ายรุกไล่ “เมื่อเรื่องผมจบก็จะมีเรื่องรัฐมนตรีคนอื่นๆหรือนายกรัฐมนตรีเข้ามาอีก ซึ่งสังคมเริ่มต่อภาพติดแล้วว่า เป็นการไล่ล่าเพื่อหาจุดอ่อนโจมตีรัฐบาล”
แต่ก็คงไม่ทันกาลซะแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน