ต้องบอกว่าเดือน “สิงหาคม” ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เป็นอีก1 เดือนที่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องจดจำไปอีกนานเพราะตลอดทั้งเดือนนี้มีเหตุการณ์ที่สั่นคลอนรัฐบาลหลายเหตุการณ์ จนต้องบอกว่าเป็นเดือน “สิงหามหาโหด”ลองทบทวนและย้อนกลับไปดูอีกครั้งว่า สถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเดือนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้างเริ่มต้นกันที่การแถลงผลงานรอบ 6 เดือนของรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่เลือกใช้วันที่ 6 แถลง 6 ผลงานรัฐบาล และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลจนนำไปสู่การตีความหมายจากบรรดาสื่อแขนงต่างๆ ว่าตัวเลข 666 เป็นตัวเลขที่เป็นมงคลตามความเชื่อของชาวต่างชาติแม้นักข่าวจะพยายามถามนายกฯ ว่า ไม่กลัวอาถรรพณ์666 หรือ เพราะเป็นตัวเลขของซาตาน แต่นายกฯ กลับไม่กลัวแถมยังบอกอีกด้วยว่า “มีพระชนะมาร”แต่ที่น่ากลัว คือ...เสียงตอบรับจากประชาชนที่รอฟังการแถลงผลงานของรัฐบาล ซึ่งสวนทางกับผลงานที่รัฐบาลแถลงออกมาเพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่ค่อย “แฮปปี้” กับผลงาน6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเน้นนโยบายประชานิยมและนโยบายกู้เพื่อชาติมากเกินไปส่งผลให้คะแนนนิยมรัฐบาลลดลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งมาเจอสถานการณ์ “ตอ” ในคดียิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ แล้ว รัฐบาลก็ออกอาการอย่างเห็นได้ชัดเมื่อนายกรัฐมนตรีลงมาเล่นเกมกำจัด “ตอ” ด้วยตัวเองจนถูกกุนซือในพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเตือนสตินายกฯก่อนจะลดบทบาทในเวลาต่อมาผลของการกำจัด “ตอ” คดียิงนายสนธิไม่ได้ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่าง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ต้องห่างเหินเท่านั้นแต่ยังส่งผลให้คนในครอบครัว “วงษ์สุวรรณ” โดยเฉพาะ
“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมเริ่มไม่ชอบใจอะไรบางอย่างที่รัฐบาลกระทำกับน้องชายจนต้องออกมาถามกลับว่า “พัชรวาทผิดอะไร?” ซึ่งสื่อถึงความโกรธที่กักเก็บอยู่ในใจของชายชาติทหารอย่าง “บิ๊กป้อม”ได้เป็นอย่างดีและกลับมาตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพที่เหมือนจะเดินทางเป็น “เส้นขนาน”เมื่อนายกฯ เซ็นคำสั่งใน พล.ต.อ.พัชรวาท หยุดยาวบินทัวร์เมืองจีน กลบข่าวรอยร้าวระหว่างรัฐบาลและกองทัพขณะที่รัฐบาลแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา(สบ 10) รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เดินหน้าสางคดียิงนายสนธิแต่ยังไม่ทันได้ทำงาน “บิ๊กป๊อด” ก็บินกลับเมืองไทยด้วยเหตุผลเพื่อร่วมงานเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหา มหาราชินีเล่นเอารัฐบาลผลิกตำราไม่ทันว่า จะกำจัด “ตอ” ต่อไปอย่างไรแน่นอนว่า...กุนซือข้างกายนายกฯ ยังไม่ลดละความพยายามโดยออกมาปล่อย “มุกใหม่” ให้ ผบ.ตร. ลงพื้นที่ภาคใต้และแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร เป็นรักษาราชการแทน ผบ.ตร.ต่อเพื่อรักษาหน้าของ “รักษาราชการแทน” ที่ยังไม่ได้สำแดงอิทธิฤทธิ์ฝุ่นที่ยังตลบอบอวลอยู่นั้น ทำให้หลายฝ่ายเริ่มกลับมาจับตาที่จุดเริ่มต้นภายในค่ายทหาร ร.1 รอ. จุดกำเนิดรัฐบาลชุดนี้ซึ่งมีการจัดงานวันเกิดให้กับ พล.อ.ประวิตร โดยมี ผบ.เหล่าทัพทุกคนตบเท้าเข้าอวยพร ท่ามกลางกระแสร้อนทางการเมืองด้าน “สุเทพ เทือกสุวรรณ” ก็มาพร้อมดอกกุหลาบสีแดงที่เหมือนจะบอกว่า “เรายังรักกัน” มอบให้เจ้าของวันเกิดแต่ยังพอเพียงที่กลบกระแสข่าว “ปฏิวัติเงียบ” เมื่อรมว.กลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ บินตรงสู่เมืองลอดช่อง...ทิ้งข้อสงสัยให้ขบคิดต่อว่า “ทหาร” กำลังก่อการบางอย่างพร้อมกับกระแสข่าวมีนักการเมืองจากบุรีรัมย์บินไปสมทบตามมาด้วยกระแสข่าวที่ลือสะพัดว่า ในวันที่ 17 สิงหาคมวันที่พลพรรคเสื้อแดงจะยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ณ ท้องสนามหลวง
ซึ่งเป็นวันเดียวกันที่ “นายเนวิน ชิดชอบ” เข้าฟังคำพิพากษาคดีทุจริตกล้ายางที่ศาลฎีกา จะมีมวลชนคนเสื้อน้ำเงินมาให้กำลังใจ และมีความพยายามจะสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดการปะทะกับเสื้อแดงนำไปสู่การปฏิวัติเงียบยึดอำนาจรัฐบาลกลับมาบริหารจากนักการเมืองชุดใหม่ ที่กองทัพและนักการเมืองบางคนวางแผนไว้แต่กระแสข่าวนี้ก็ถูกปฏิเสธจากผู้ร่วมเดินทางกับคณะที่สิงคโปร์ว่า “เป็นไปไม่ได้”แม้ว่าผู้ที่ร่วมเดินทางจะปฏิเสธว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ความไม่ไว้วางใจระหว่าง “รัฐบาล” และ “กองทัพ” ได้ก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ และกำลังจะพิสูจน์เสถียรภาพของรัฐบาลว่า จะอยู่ครบเทอมเหมือนดังตั้งใจหรือไม่ตบท้ายด้วย “ช็อตเด็ด” ปลายเดือนสิงหาคม ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ที่ต้องใช้เวลาพิจารณามาราธอนถึง 3 วันและต้องพิจารณาข้ามวันข้ามคืน เมื่อฝ่ายค้านตีรวนตั้งแต่วันแรก แจกของลับและสัตว์เลื้อยคลานเกลื่อนสภา แค่วันแรกสภาล่มอีกแล้วครับทั่นหากทำสถิติสภาล่มในรัฐบาลชุดนี้...สถิติอาจอยู่ในอันดับต้นของรัฐบาลสภาไทยก็เป็นได้แต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาวันที่ 2 ...ข่าวประชุมสภากลับถูกกลบด้วยข่าวคลิปเสียงนายกฯ สั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จนไปสู่ความวุ่นวายในช่วงดึกของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ สภายังไม่สามารถลงมติได้แต่สุดท้ายวันที่ 3 ของการพิจารณา สภามติเห็นชอบด้วยมติ 244 ต่อ 10 เสียง งดออกเสียง 56 เสียงเป็นอันว่ารัฐบาลหายใจได้โล่งอีกครั้ง เพราะหาก พ.ร.บ.งบฯถูกคว่ำ ก็เป็นอันว่าเตรียมเลือกตั้งใหม่ได้เลยพร้อมกับส่งท้ายเดือนด้วยประเด็นยุบสภาจาก ปู่ชัย ชิดชอบประธานสภา ที่ทำนายไว้ว่าหลัง พ.ร.บ.งบฯ ผ่านสภา รัฐบาลอาจเลือกวิธีแสนจะคลาสสิก ชิงยุบสภาก่อนที่จะเจ๊งทั้งคณะนี่เป็นเพียงแค่ช่วงเวลา 1 เดือนที่แสนยาวนานของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งต้องเผชิญกับกระแสความเชี่ยวกรากทางการเมืองที่ถาโถมเข้ามาทดสอบแต่คงไม่ใช่เดือนสิงหาคมเท่านั้นที่เป็นเดือนมหาโหดสุดๆแต่ยังเหลืออีก 4 เดือนให้รัฐบาลต้องเผชิญวิบากหรืออาจจะน้อยกว่านี้หากมีอุบัติเหตุทางการเมือง ■