เหล็กใน
ประกาศให้เขตดุสิต เป็นพื้นที่ความมั่นคง ระหว่างวันที่ 29 ส.ค.-1 ก.ย.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น
"รัฐบาลเคารพสิทธิเสรีภาพประชาชน แต่ก็มีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย อีกทั้งก็ต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการที่จะช่วยดูแลไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย เพื่อให้บรรยากาศของบ้านเมืองเอื้อต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ" คือวาทะของนายกรัฐมนตรี
นายอภิสิทธิ์ยังอ้างถึงการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงที่ภูเก็ต ระหว่างการประชุมอาเซียนที่ผ่านมา ทำให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ได้กระทบสิทธิของประชาชนมากนัก แต่อาจจะมีความไม่สะดวกบ้าง
การประกาศพื้นที่ความมั่นคงในเขตดุสิต เข้าใจว่ารัฐบาลเกรงว่าม็อบเสื้อแดงจะเข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาล แบบที่กลุ่มพันธมิตรฯเคยอุกอาจทำ
นั่นเป็นความคาดคะเน คาดการณ์เท่านั้น
อย่างในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีผู้ใหญ่ในพรรคบางคนวิเคราะห์อย่างน่ากลัวว่าอาจจะมีม็อบบุกสำนักราชเลขาธิการ
เป็นที่น่าสังเกตว่ายังไม่มีเหตุเกิดขึ้น แต่ก็งัดกฎหมายขู่ปราบปรามเสียแล้ว
เมื่อเริ่มงัดกระบอง ก็แสดงว่าเริ่มกลัว และไม่มั่นใจว่าจะกุมสภาพการนำได้ต่อไปหรือไม่
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่ผ่านมา ถือว่ายังอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย
ยกเว้นกรณีเหตุการณ์เดือนเมษายน ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการปะทะกันที่พัทยา
ที่สำคัญรัฐบาลนี้ ยังไม่มีน้ำยาที่จะสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นได้
สารพัดโฆษกขยันพูด เอาจริงเอาจังในการสร้างประเด็นตอบโต้ทุกเม็ด ไม่เคยลดราวาศอก
แถมตัวนายอภิสิทธิ์ ก็ทำให้ใครๆ มองออกว่าเลือกสี เลือกข้าง ถือหางฝ่ายใด
แม้จะยกคำเท่มาพูดอยู่บ่อยครั้ง เช่น ไม่ว่าใส่สีอะไร ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี ไม่มีเว้น
อย่างล่าสุดก็บอกว่า "ผมไม่ได้สนใจว่าใส่เสื้อสีอะไร เป็นสมาชิกเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ หน้าที่ของรัฐบาลคือดูแลไม่ให้มีการกระทำที่ผิดกฎหมายไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม"
ถ้าเป็นอย่างที่พูดจริง คดียึดสนามบิน ซึ่งมีความผิดถึงขั้นก่อการร้าย ก็ต้องเอาจริงด้วย
ต้องทำให้คนเห็นจริงๆ ว่าถือหลักความเสมอภาคโดยกฎหมาย
แต่ก็ยังยึกๆยักๆ งึกๆงักๆ เหมือนเกรงอกเกรงใจกันอยู่