มาร์คแปลกใจเสื้อแดงเลื่อนชุมนุม ยัน พ.ร.บ.ความมั่นคงไม่ได้ห้ามชุมนุม
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ก่อนบันทึกเทปรายการ กรณีกลุ่มเสื้อแดงเลื่อนวันชุมนุมไปเป็นวันที่ 5 กันยายนนี้ว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ประกาศถึงวันที่ 1 กันยายน ดังนั้นการประชุมครม.ในวันที่ 1 กันยายน จะพิจารณาทบทวนกันอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าจะไม่มีการยกเลิกและยังคงกำลังไว้เหมือนเดิม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็คงจะดูอีกวัน ที่จริงแล้วตนก็แปลกใจ เพราะที่เราประกาศกฎหมาย ก็เพื่อที่จะให้ทุกอย่างมันเรียบร้อย โดยให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบให้เกิดความเข้มข้นเรื่องอาวุธอะไรต่างๆ ทำให้การชมนุมที่มีคนมาจำนวนมากไม่มีอะไรมาแทรกซ้อนได้ และการประกาศกฎหมายนี้ ก็ไม่ได้ห้ามการชุมนุม สามารถชุมนุมได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า แกนนำเสื้อแดงบอกว่าหากรัฐบาลประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงไปเรื่อยๆ ก็จะเลื่อนชุมนุมไปเรื่อยๆ แล้วถ้าจะมีการชุมนุมแน่นอน จะทำอย่างไร นายกฯกล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งช่วงนี้ไม่มีเหตุการณ์อะไรก็ดีอยู่แล้ว เมื่อถามว่า หากวันที่ 5 กันยายนแล้วมีการชุมนุมอีกรอบ รัฐบาลจะประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในการประชุมครม.วันที่ 1 กันยายนนี้จะพิจารณาอีกทีหนึ่ง
เทพไทอัดเสื้อแดงเลื่อนการชุมนุมแสดงว่าเคลื่อนไหวไม่สุจริต
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงเลื่อนการชุมนุมจากวันที่ 30 สิงหาคม ไปเป็นวันที่ 5 กันยายนนี้ โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการชุมนุมภายใต้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ว่า เป็นการหลีกเลี่ยง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ทำให้เห็นเจตนาชัดเจนว่า การเคลื่อนไหวไม่สุจริต รวมทั้งกลุ่มเสื้อแดงคงประเมินแล้วว่า ได้รับเสียงการตอบรับการเข้าร่วมชุมนุมน้อย จึงทบทวนท่าทีและล่าถอย
"แม้ว่าสังคมจะไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหว จนต้องเลื่อนการชุมนุมออกไป ก็ขอเรียกร้องให้กลุ่มเสื้อแดงทบทวนถึงการชุมนุมครั้งต่อไปด้วยว่า เป็นการทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ" นายเทพไท กล่าว
โฆษก กอ.รมน. แนะรัฐบาลคง พ.ร.บ.ความมั่นคงยาวถึง 5 ก.ย. สามารถทำได้
ด้าน พล.ต.ดิฎฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณราจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า หากสถานการณ์ไม่น่าวิตกกังวลคงไม่ต้องใช้กำลังมาก เพื่อจะได้ให้กำลังพลได้มีโอกาสพักผ่อน แต่ต้องรอคำสั่งจากรัฐบาลว่าจะประกาศยกเลิกหรือยังคงประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง ไว้ ซึ่งไม่ว่า รัฐบาลสั่งการอย่างไรก็พร้อมปฎิบัติ และหากยกเลิก ทหารก็จะกลับเข้ากรมกองเพื่อทำงานตามหน้าที่ต่อไป
“แต่หากรัฐบาลเห็นว่า สถานการณ์ยังมีความจำเป็นที่จะต้องคงไว้ยาวจนถึงวันที่ 5 กันยายนก็สามารถทำได้ เพราะในที่ประชุมศอ.รส.ได้อนุมัติหลักการว่า สามารถจะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงต่อได้โดยไม่ต้องเสนอให้ครม.อนุมัติ เพราะกฎหมายไม่มีข้อห้ามในเรื่องระยะเวลา อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่มีการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงออกมา ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนแต่อย่างใด และคิดว่า การประกาศจะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจหรือกระทบต่อมุมองของต่างชาติ แต่คิดว่า การประกาศใช้ จะทำให้ต่างชาติมั่นใจเข้ามาร่วมประชุมในไทยว่า มีความปลอดภัยและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้”โฆษกกอ.รมน.กล่าว
แม่ทัพภาค 1 ลดกำลังคุมพื้นที่เขตดุสิต-ทำเนียบ-รัฐสภาแล้ว
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมว่า การประชุม ศอ.รส. ที่เดิมจะเริ่มในเวลา 15.00 น.วันที่ 29 สิงหาคมได้ยกเลิกแล้ว เนื่องจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้รับรายงานแล้วว่า กลุ่มคนเสื้อแดงยกเลิกการชุมนุม และสั่งการให้ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้พิจารณาเรื่องการปรับลดกำลัง ทั้งในส่วนของจุดตรวจ และการรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล ให้เหลือเพียงเท่าที่จำเป็น และพื้นที่ล่อแหลม หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง แม่ทัพภาคที่ 1 สามารถพิจารณาปรับเพิ่มกำลังได้ตามความเหมาะสม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังเป็นกำลังหลักในการดูแลสถานการณ์
ในส่วนของ ศอ.รส.คงประชุมประเมินสถานการณ์เป็นระยะ เพื่อเสนอข้อมูลนำเรียนตามสายการบังคับบัญชา ส่วนการพิจารณาเรื่องใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี ที่จะพิจารณาตามข้อมูล ที่ส่วนต่างๆ จะนำเสนอ โดยศอ.รส.ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะเสนอข้อมูลต่อนายกรัฐมนตรี
“การยกเลิกการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ไม่ถือว่าทหารเสียหน้า เพราะเราปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และรับทราบข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง” โฆษก ศอ.รส.กล่าว
ด้าน พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ได้ปรับลดกำลังดูแลพื้นที่สำคัญรอบเขตดุสิต ทั้งทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา เขตพระราชฐานตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อดูแลความเรียบร้อยเท่านั้น สถานการณ์ขณะนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง รวมทั้งไม่มีข่าวเรื่องปัญหามือที่ 3 ที่อาจจะเข้ามาก่อความวุ่นวายแต่อย่างใด
ที่มา: เรียบเรียงจากมติชนออนไลน์