ผมได้รับข้อมูลจาก คุณประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลังเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปกรมศุลกากร โดยจะเน้นการเป็นผู้อำนวยความสะดวกด้านการค้ามากกว่าจะตั้งหน้าตั้งตาเก็บภาษีลูกเดียว
ไม่น่าเชื่อว่าแผนงานของกรมศุลกากร มีอายุการใช้งานตั้งแต่มีการตั้งกรมศุลกากร ขึ้นมาเป็นเวลากว่า 135 ปีแล้ว เลยจำเป็นจะต้องมีการยกเครื่องกันซะที
ตามนโยบายของ รมช.คลัง ต้องการให้กรมศุลกากรเปลี่ยนบทบาทจากผู้จัดเก็บภาษีมาเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้กับการค้า เพราะโลกเรากำลังเดินเข้าสู่ระบบเสรีทางการค้า จึงต้องมีการปรับตัวให้ทัน
การทำงานร่วมกันระหว่าง กรมศุลกากรและภาคธุรกิจ จะต้องสะดวกขึ้นและง่ายขึ้น ในยามที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกๆฝ่าย
กรมศุลกากรจะต้องไม่เป็นภาระให้กับผู้นำเข้าและผู้ส่งออก
เนื่องจากกลุ่มธุรกิจมีส่วนช่วยให้ประเทศสามารถประสบความสำเร็จในเวทีการค้าโลก สิ่งที่ธุรกิจต้องการก็คือ ความสม่ำเสมอ เพื่อที่จะคาดการณ์ต้นทุนได้ รวมถึงความโปร่งใสและความรวดเร็ว
ยกตัวอย่างปัญหาที่บริษัทต่างๆพบมากที่สุดก็คือ กรมศุลกากรไม่สามารถระบุให้แน่นอนได้ว่า สินค้าแต่ละชนิดจะจัดอยู่ในหมวดประเภทใด จึงไม่สามารถคำนวณภาษีได้ เมื่อไม่สามารถที่จะคำนวณภาษีได้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่
สินค้าต้องตกค้างเป็นภาระของทั้งกรมศุลกากรและธุรกิจ
ดังนั้น ต่อจากนี้ไป กรมศุลกากรจะให้บริการคำวินิจฉัยล่วงหน้ากับผู้ประกอบการที่ต้องการนำสินค้าหรือวัตถุดิบ กรมศุลกากรจะดำเนินการจัดประเภทพิกัดและวิธีการประเมินภาษีให้เสร็จสรรพ
ที่สำคัญคือจะใช้วิธีประเมินภาษีที่ เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ไม่ว่าจะนำเข้าสินค้าเมื่อไหร่ วิธีไหน จะถูกกำหนดด้วยวิธีเดียวกันทั้งหมด
กระทรวงการคลังเตรียมที่จะขออนุมัติจาก ครม. เสนอร่างกฎหมายศุลกากรใหม่ เป็นการเปิดกว้างให้ฝ่ายตุลาการได้ตรวจสอบคำวินิจฉัยของกรมศุลกากรมากขึ้น
ทั้งนี้ ต้องการให้เกิด ความโปร่งใสและเที่ยงธรรม เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยของกรมศุลกากรได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ เกี่ยวกับบทการลงโทษก็จะมีการกำหนดให้มีมาตรฐาน ลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนลง อาทิ การลดแบบฟอร์มที่ต้องยื่นต่อศุลกากรที่มีลักษณะข้อมูลซ้ำซ้อนซึ่งใช้กับสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น
โดยกำลังเร่งทำ Single Window สำหรับงานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานเพื่อให้ผู้นำเข้าสินค้าและส่งออก สามารถติดต่อกับกรมศุลกากรที่เดียว ไม่ต้องไปติดต่อหลายแห่ง หลายกระทรวง
และสุดท้ายผลจากการปรับปรุงดังกล่าว จะทำให้กรมศุลกากรสามารถเพิ่มรายได้เข้ารัฐประมาณร้อยละ 15 ในระยะเวลาอีก 3-5 ปี ก็จะใช้อำนวยความสะดวกในการเปิดการค้าตามแนวชายแดนให้มากขึ้น.
หมัดเหล็ก