หมายเหตุไทยอีนิวส์:เพื่อรำลึกถึงการต้านทานรัฐประหาร 19 กันยา 49 และการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ครบรอบ 5ปี เราจึงนำเสนอรายงานและบทความในซีรีส์ชุดนี้
โดยเริ่มต้นจากแถลงการณ์ขบวนทัพประชาชนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2549 ซึ่งไทยอีนิวส์ได้เคยนำเสนอเผยแพร่เป็นงานชิ้นแรกในการเปิดเว็บบล็อกแห่งนี้ เมื่อ 5 พฤศจิกายน 2549 (ดูฉบับเผยแพร่ครั้งแรก ซึ่งนับเป็นวันเกิดของไทยอีนิวส์)
ประชาชนไทยทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของประชาชนทุกคนเสมอกัน ไม่ใช่ของพวกอภิสิทธิ์ชน เผด็จการอำนาจนิยม ในระบอบอมาตยาเปรมาธิปไตย ตามที่เขายัดเยียดให้
บรรดาเผด็จการอำนาจนิยม พวกอภิสิทธ์ชนกี่ยุคสมัยไม่เคยเปลี่ยนธาตุแท้ของพวกเขาเลย นั่นก็คือการกดขี่หยามเหยียดประชาชนร่วมชาติ ร่วมแผ่นดินให้อยู่ภายใต้การปกครองเยี่ยงทรราชย์ โดยไม่ยินยอมให้ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงมีเสรีภาพ มีการตั้งตัวแทนของตนขึ้นปกครองบ้านเมืองตามระบอบประชาธิปไตย
เมื่อครั้งจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ.2475 พวกอภิสิทธิ์ชนก็บังอาจอ้างว่า ประชาชนทั่วไปยังโง่อยู่ จึงไม่ยอมให้ในหลวงรัชกาลที่ 7 พระราชทานรัฐธรรมนูญตามพระราชประสงค์ จนต้องมีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ผ่านไป70ปีเศษ คณะรัฐประหาร19กันยายน2549 ก็บังอาจกล่าวอ้างอย่างซ้ำซากว่า ประชาชนยังโง่อยู่ เลือกผู้บริหารประเทศตามอามิสสินจ้าง แล้วก็ยึดอำนาจรวบรัดกลับไปยังพวกตน ทั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯได้ตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ดังที่ทราบกันทั่วไป แม้การกระทำอันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเช่นนี้ พวกซากเดนล้าหลังอภิสิทธิ์ชนก็บังอาจกระทำลงไป
อีกประการหนึ่งที่พวกซากเดนล้าหลังอภิสิทธิ์ชน เผด็จการอำนาจนิยมมักเข้าใจผิดก็คือ ดูถูกหมิ่นแคลนไม่มีความเชื่อมั่นศรัทธาในพลังสามัคคีของประชาชนอันกว้างใหญ่ไพศาล มักคิดสั้นๆว่าเมื่อเด็ดหัวขบวนผู้นำการต่อสู้แล้ว ขบวนแถวของประชาชนผู้รักชาติจะล่มสลายลง
บรรดาเผด็จการอำนาจนิยม พวกอภิสิทธ์ชนกี่ยุคสมัยไม่เคยเปลี่ยนธาตุแท้ของพวกเขาเลย นั่นก็คือการกดขี่หยามเหยียดประชาชนร่วมชาติ ร่วมแผ่นดินให้อยู่ภายใต้การปกครองเยี่ยงทรราชย์ โดยไม่ยินยอมให้ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงมีเสรีภาพ มีการตั้งตัวแทนของตนขึ้นปกครองบ้านเมืองตามระบอบประชาธิปไตย
เมื่อครั้งจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ.2475 พวกอภิสิทธิ์ชนก็บังอาจอ้างว่า ประชาชนทั่วไปยังโง่อยู่ จึงไม่ยอมให้ในหลวงรัชกาลที่ 7 พระราชทานรัฐธรรมนูญตามพระราชประสงค์ จนต้องมีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ผ่านไป70ปีเศษ คณะรัฐประหาร19กันยายน2549 ก็บังอาจกล่าวอ้างอย่างซ้ำซากว่า ประชาชนยังโง่อยู่ เลือกผู้บริหารประเทศตามอามิสสินจ้าง แล้วก็ยึดอำนาจรวบรัดกลับไปยังพวกตน ทั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯได้ตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ดังที่ทราบกันทั่วไป แม้การกระทำอันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเช่นนี้ พวกซากเดนล้าหลังอภิสิทธิ์ชนก็บังอาจกระทำลงไป
อีกประการหนึ่งที่พวกซากเดนล้าหลังอภิสิทธิ์ชน เผด็จการอำนาจนิยมมักเข้าใจผิดก็คือ ดูถูกหมิ่นแคลนไม่มีความเชื่อมั่นศรัทธาในพลังสามัคคีของประชาชนอันกว้างใหญ่ไพศาล มักคิดสั้นๆว่าเมื่อเด็ดหัวขบวนผู้นำการต่อสู้แล้ว ขบวนแถวของประชาชนผู้รักชาติจะล่มสลายลง
ซึ่งเป็นการคิดผิดทุกครั้ง
อาทิในคราวการลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อ14ตุลาคม 2516 พวกเผด็จการอำนาจนิยมได้จับกุมผู้นำการเรียกร้องรัฐธรรมนูญไป 13 ราย โดยคิดว่าจะกำหราบให้อยู่หมัด แต่มวลมหาประชาชนก็ได้เคลื่อนขบวนทัพออกมาเรือนล้าน จนโค่นล้มพังทลายคณะผู้เผด็จการลงไปอย่างราบคาบ
หรือในคราวการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 ในช่วงของการต่อสู้อันแหลมคมนั้น พวกเผด็จการอำนาจนิยมได้จับกุมพลตรีจำลอง ศรีเมือง ผู้นำขบวนการต่อสู้ในขณะนั้น โดยหวังว่าขบวนทัพประชาชนจะยอมแพ้ แต่เท่ากับจุดประกายให้ประชาชนผู้รักชาติขยายวงการต่อสู้ออกไปอย่างกว้างขวาง และโค่นล้มผู้เผด็จการออกไปในท้ายที่สุด
พวกเผด็จการอำนาจนิยม ซากเดนอภิสิทธิ์ชนล้าหลังไม่เคยสำนึกในประวัติศาสตร์ความพ่ายแพ้ของฝ่ายตนเลย ล่าสุดกำลังย้ำรอยความพ่ายแพ้ให้แก่พวกเขา เมื่อคิดว่าเด็ดยอดขจัดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกไปจากเวทีการเมืองแล้วจะสลายพลังของขบวนทัพประชาชนลงได้
พวกเผด็จการอำนาจนิยม ซากเดนอภิสิทธิ์ชนทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ทักษิณก็เป็นเพียงสัญลักษณ์ของฝ่ายประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ต่างไปจากพลตรีจำลองในเดือนพฤษภาคม2535 หรือ13กบฎในกรณี14ตุลาคม2516 แม้จะเด็ดยอดจับกุมคุมขัง หรือขจัดให้พ้นเวทีการเมืองไปได้ แต่ไม่มีทางเลยที่จะหยุดยั้งขบวนทัพอันเกรียงไกรของประช่าชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยรักความเป็นธรรมได้
เพราะขบวนทัพของประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยรักความเป็นธรรม ในทางประวัติศาสตร์ไม่เคยขึ้นตรงต่อผู้ใด ธรรมชาติเป็นไปเพื่อการปกปักรักษามรดกประชาธิปไตยอันเป็นของปวงชนเอาไว้ด้วยเลือดเนื้อชีวิต และจักสืบสานการต่อสู้สืบทอดต่อไปยังอนุชนในอนาคต
พลังบริสุทธิ์ของผู้รักชาติรักประชาธิปไตย ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อเผด็จการอำนาจนิยม ระบอบอภิสิทธิ์ชนล้าหลัง มีแต่เกียรติประวัติแห่งชัยชนะ ดังนั้นระบอบอมาตยาเปรมาธิปไตย ก็เตรียมตัวเป็นรายต่อไปที่จะถูกบดขยี้ให้พังพินาศในเร็ววัน
ประชาชนไทยทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของประชาชนทุกคนเสมอกัน ไม่ใช่ของพวกอภิสิทธิ์ชน เผด็จการอำนาจนิยม ในระบอบอมาตยาเปรมาธิปไตย ขอให้มีความเชื่อมั่นในพลังของขบวนทัพประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตย มีความศรัทธาในเกียรติประวัติการต่อสู้ของพวกเรา และแน่นอนว่า ชัยชนะของประชาชนกำลังจะมาถึง พวกอสัตย์อธรรมกำลังจะพบจุดจบในไม่ช้านี้
ขบวนทัพประชาชนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
3 ตุลาคม 2549
อาทิในคราวการลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อ14ตุลาคม 2516 พวกเผด็จการอำนาจนิยมได้จับกุมผู้นำการเรียกร้องรัฐธรรมนูญไป 13 ราย โดยคิดว่าจะกำหราบให้อยู่หมัด แต่มวลมหาประชาชนก็ได้เคลื่อนขบวนทัพออกมาเรือนล้าน จนโค่นล้มพังทลายคณะผู้เผด็จการลงไปอย่างราบคาบ
หรือในคราวการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 ในช่วงของการต่อสู้อันแหลมคมนั้น พวกเผด็จการอำนาจนิยมได้จับกุมพลตรีจำลอง ศรีเมือง ผู้นำขบวนการต่อสู้ในขณะนั้น โดยหวังว่าขบวนทัพประชาชนจะยอมแพ้ แต่เท่ากับจุดประกายให้ประชาชนผู้รักชาติขยายวงการต่อสู้ออกไปอย่างกว้างขวาง และโค่นล้มผู้เผด็จการออกไปในท้ายที่สุด
พวกเผด็จการอำนาจนิยม ซากเดนอภิสิทธิ์ชนล้าหลังไม่เคยสำนึกในประวัติศาสตร์ความพ่ายแพ้ของฝ่ายตนเลย ล่าสุดกำลังย้ำรอยความพ่ายแพ้ให้แก่พวกเขา เมื่อคิดว่าเด็ดยอดขจัดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกไปจากเวทีการเมืองแล้วจะสลายพลังของขบวนทัพประชาชนลงได้
พวกเผด็จการอำนาจนิยม ซากเดนอภิสิทธิ์ชนทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ทักษิณก็เป็นเพียงสัญลักษณ์ของฝ่ายประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ต่างไปจากพลตรีจำลองในเดือนพฤษภาคม2535 หรือ13กบฎในกรณี14ตุลาคม2516 แม้จะเด็ดยอดจับกุมคุมขัง หรือขจัดให้พ้นเวทีการเมืองไปได้ แต่ไม่มีทางเลยที่จะหยุดยั้งขบวนทัพอันเกรียงไกรของประช่าชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยรักความเป็นธรรมได้
เพราะขบวนทัพของประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยรักความเป็นธรรม ในทางประวัติศาสตร์ไม่เคยขึ้นตรงต่อผู้ใด ธรรมชาติเป็นไปเพื่อการปกปักรักษามรดกประชาธิปไตยอันเป็นของปวงชนเอาไว้ด้วยเลือดเนื้อชีวิต และจักสืบสานการต่อสู้สืบทอดต่อไปยังอนุชนในอนาคต
พลังบริสุทธิ์ของผู้รักชาติรักประชาธิปไตย ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อเผด็จการอำนาจนิยม ระบอบอภิสิทธิ์ชนล้าหลัง มีแต่เกียรติประวัติแห่งชัยชนะ ดังนั้นระบอบอมาตยาเปรมาธิปไตย ก็เตรียมตัวเป็นรายต่อไปที่จะถูกบดขยี้ให้พังพินาศในเร็ววัน
ประชาชนไทยทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของประชาชนทุกคนเสมอกัน ไม่ใช่ของพวกอภิสิทธิ์ชน เผด็จการอำนาจนิยม ในระบอบอมาตยาเปรมาธิปไตย ขอให้มีความเชื่อมั่นในพลังของขบวนทัพประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตย มีความศรัทธาในเกียรติประวัติการต่อสู้ของพวกเรา และแน่นอนว่า ชัยชนะของประชาชนกำลังจะมาถึง พวกอสัตย์อธรรมกำลังจะพบจุดจบในไม่ช้านี้
ขบวนทัพประชาชนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
3 ตุลาคม 2549
*******
รายงานและบทความในซีรีส์ชุดนี้